บทที่ 4
“ไม่เบื่อหรอกน่า ฉันมีเรื่องสำคัญต้องการให้นายช่วยอยู่พอดี” ชีคราซัคโอบแขนไปรอบไหล่อีกฝ่าย
“เรื่องสำคัญอะไรครับ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องวุ่นวายอีกแล้วนะ” หนุ่มหล่อยิ้มขยาด
“เปล่าหรอกน่า มันเป็นข่าวดีต่างหาก”
“ข่าวดี?”
“ฉันกับแพรวกำลังจะแต่งงานกันสิ้นเดือนนี้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าภาคภูมิใจ ดวงตาคู่สวยที่ถูกล้อมกรอบอยู่ภายใต้แผงขนตางอนยาว จ้องมองว่าที่เจ้าสาวด้วยความปรารถนาอย่างเปิดเผย ทำเอาเธอถึงกับต้องแสร้งทำเป็นเบนสายตาหลบไปทางอื่น แล้วแอบอมยิ้มกับตัวเองตามลำพัง
“พระเจ้า! มันเป็นข่าวดีที่เกิดขึ้นทันใจจริงๆ” กัฟฟาห์ตื่นเต้นดีใจราวกับจะได้เป็นเจ้าบ่าวเสียเอง
“ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องรอคอยอีกแล้ว ฉันอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่ฉันรัก เรื่องวุ่นวายทุกอย่างมันจบสิ้นไปหมดแล้ว ป่วยการที่จะมาเสียเวลานั่งคิดถึงมันให้ปวดหัว อีกอย่างฉันก็คุยกับพ่อแม่ของแพรวแล้วด้วย พวกเขาไม่ขัดข้องอะไรที่ฉันจะขอให้ลูกสาวของเขามาเป็นคู่ชีวิต” ชีคราซัคยิ้มอบอุ่นเช่นเคย
“ผมยินดีกับท่านพี่จริงๆ ครับ ต่อไปนี้ชีวิตของท่านพี่ก็จะสมบูรณ์แบบเสียที”
“ขอบใจมากกัฟฟาห์ ฉันเองก็หวังว่านายจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเร็วๆ นี้เหมือนกัน”
“ผม...ก็หวังอย่างนั้นครับ” กัฟฟาห์เพียงแค่ตอบไปอย่างนั้นเอง ความคิดเรื่องการมีชีวิตคู่ ไม่เคยอยู่ในสมองของเขาเลยด้วยซ้ำ นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นระหว่างเขากับคนรักเก่า ซึ่งความจริงข้อนี้ชีคราซัคเองก็ตระหนักดี เพียงแต่ต้องการให้น้องชายยอมเปิดใจรับผู้หญิงที่ดีพร้อม และเหมาะสมเข้ามาในชีวิตบ้างเท่านั้น
“เอาล่ะ คราวนี้นายคงรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมฉันถึงต้องการนาย”
“ท่านพี่คงอยากให้นายแบบชื่อดังและหล่อเหลาปานเทพบุตรอย่างผมช่วยเป็นพ่องานให้แน่ๆ” คนที่พูดจายกหางตัวเองทำเป็นเก๊กหน้าหล่อ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากพิมพ์พิสุทธิ์ระลอกใหญ่ “ไม่ต้องห่วงเลยนะครับ ผมมีหัวทางด้านการคิดรูปแบบงาน องค์ประกอบ บรรยากาศ แล้วก็สามารถจัดหาชุดแต่งงานให้ท่านพี่กับคุณแพรวได้เลือกสรรอย่างเหมาะสม ผมเดาว่าท่านพี่คงอยากให้พิธีวิวาห์ออกมาในแบบความหรูหราที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นละมุนละไมมากที่สุด”
“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงต้องพึ่งพานาย นายมันรู้ใจฉันไปหมดเสียทุกเรื่องเลย” ชีคราซัคไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจมอบหน้าที่สำคัญให้กับน้องชาย เพราะยังไม่ได้พูดความต้องการออกมาสักคำ กัฟฟาห์ก็สามารถอ่านและตีความออกมาได้อย่างชาญฉลาด สมกับเป็นคนที่เคียงบ่างเคียงไหล่กันมาตลอดจริงๆ
“ผมรับรองเลยว่าพิธีแต่งงานของท่านพี่จะต้องสมบูรณ์แบบ”
“ขอบใจมากเจ้าน้องรัก”
“ด้วยความยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งครับท่านพี่” กัฟฟาห์ยิ้มเท่และค้อมศีรษะต่ำลง ชีคราซัคส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับความขี้เล่นอารมณ์ดีของน้องชาย มองภายนอกใครๆ คงคิดว่าผู้ชายคนนี้มีแต่ความสุข ไม่รู้จักความทุกข์ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถอ่านความรู้สึกอันแท้จริงของเขาออกได้
พิมพ์พิสุทธิ์ที่ลอบมองอยู่เงียบๆ ลงความเห็นว่ากัฟฟาห์เป็นคนที่อบอุ่นอ่อนโยนไม่แพ้ชีคราซัค แต่มีบางอย่างที่ทำให้แววตาของเขาดูอ้างว้างอยู่บ่อยๆ เธอพอรู้มาจากท่านชีคบ้างแล้วว่ากัฟฟาห์มีอดีตที่เจ็บซ้ำกับความรักมาก่อน ทำให้สร้างกำแพงปิดกั้นตัวเองอย่างแน่นหนา
แม้จะมีข่าวว่าเจ้าชู้ประตูดิน ได้ฉายาการันตีว่าเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ แต่จากระยะเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมา ได้ผ่านเหตุการณ์มากมายไปด้วยกัน ทำให้เธอได้รู้ว่านั่นเป็นแค่เพียงเปลือกนอก ความจริงกัฟฟาห์เป็นคนดี เธอได้แต่ภาวนาขอให้มีคนดีๆ ก้าวเข้ามารักษาเยียวยาหัวใจให้กับเขาเสียที ก่อนที่เขาจะสูญเสียอนาคตอันสดใสให้กับเรื่องราวในอดีตไปจนหมดสิ้น
ประเทศไทย...
เมื่อสิ้นสุดงานเลี้ยงฉลองหลังเรียนจบปริญญาโทที่จัดขึ้นในบ้านหลังงามแล้ว บัณฑิตสาวสวยก็เพิ่งมีเวลาได้อยู่กับตัวเองเพียงลำพัง เธอสวมชุดนอนกระโปรงสั้นเพียงต้นขา ถือแก้วนมที่สาวใช้นำขึ้นมาให้เหมือนทุกคืน แล้วเดินออกมานั่งรับลมชมดาวที่ชิงช้าหวายตรงระเบียงห้องนอน
พิมพ์ประภัทร ชาติศิลา หรือพราว สาวสวยหน้าหวานที่เพิ่งอายุครบยี่สิบสี่ปีมาได้เพียงไม่กี่เดือน เป็นผู้หญิงที่น่ารักแจ่มใส บางครั้งก็ดูขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอ มักมีความสุขและร่าเริงตามไปด้วยโดยปริยาย ครอบครัวชาติศิลามีลูกสาวทั้งหมดสามคน คนแรกคือดร.พิมพ์นารา นักโบราณคดีสาวที่เจริญรอยตาม ศ.ดร.อนุสรณ์ผู้เป็นบิดา เรียนรู้เกี่ยวกับโบราณคดีและศึกษาภาษาอียิปต์โบราณ
ความตั้งใจและมุ่งมั่นทำให้สามารถจบปริญญาเอกด้วยอายุเพียงยี่สิบเก้าปี เป็นคนสุขุมนุ่มลึก เป็นที่ปรึกษาที่แสนดีของน้องๆ เสมอมา
สำหรับพี่สาวคนที่สองนั้นไม่ได้พบหน้ามานานหลายเดือนแล้ว แต่ยังคงติดต่อกันผ่านทางอีเมล์อยู่เสมอ นี่เมื่อเช้าก็เพิ่งโทรศัพท์มาแสดงความยินดีเรื่องเรียนจบ เพียงเท่านั้นพิมพ์ประภัทรก็ดีใจมากแล้ว เธอเข้าใจดีว่าทุกคนต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องจัดการ
