บทที่ 12
ขวัญชนกกลับไปที่บ้านเพื่อจ่ายเงินให้กับพวกแม่บ้าน แล้วก็พบว่าผู้เป็นลุงยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่วห้องโถง หญิงสาวถอนหายใจแล้วส่ายหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม จะยอมทนกับสภาพแบบนี้อีกไม่นานนักหรอก ถ้าวรชาติสร่างเมาแล้วพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เธอก็คงต้องทิ้งบ้านหลังนี้ไว้ข้างหลัง แล้วเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นเสียที
เจ้าของร่างประเปรียวเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเตรียมจัดเก็บข้าวของออกจากกระเป๋าเดินทาง พอมาถึงแล้วเห็นสภาพลุงกับบ้านที่สุดแสนจะสกปรก เธอก็รีบออกไปหาพิมพ์ประภัทรที่บ้านทันที ถึงตอนนี้ชักลังเลเสียแล้วว่าควรเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ที่ถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่องนี้ดีหรือเปล่า ลางสังหรณ์บางอย่างมันชี้ชัดว่าอะไรๆ อาจไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด วรชาติจะสร้างปัญหาให้กับชีวิตของเธอต่อไปจนกระทั่งทนอยู่ต่อไม่ไหวแน่
ขวัญชนกละมือจากกระเป๋าอย่างลังเล แล้วเดินกลับลงไปข้างล่างเพื่อตรวจเช็คสิ่งที่พอมีอยู่ในตู้เย็น แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำดื่มเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจพรืดแล้วนึกอยากยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องกัดฟันข่มอารมณ์แล้วเดินออกจากบ้านไป
โชคดีที่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้มีร้านค้าเล็กๆ ไว้ให้บริการอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องขึ้นแท็กซี่ออกไปข้างนอกให้เสียเวลาอีก คิดแล้วก็ขุ่นเคืองใจนักที่ผู้เป็นลุงขายรถยนต์ที่มีอยู่ทั้งสองคันทิ้งไปหมด นี่ยังไม่รวมของเก่าแก่ในบ้านที่พร่องไปจนน่าใจหายอีก งานการไม่ทำแต่ขายของเก่าเอาเงินมาดื่มเหล้า มันน่าผิดหวังจริงๆ
สิ่งที่ได้ติดมือมาคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชากาแฟ ไข่ไก่ อาหารแห้งและอื่นๆ อีกมากมาย เจ้าของร้านปลูกผักสวนครัวในพื้นที่ว่างหลังบ้านด้วย จึงได้ผักหลายอย่างมาพอสมควร ขวัญชนกขอให้ลูกน้องในร้านที่เป็นวัยรุ่นชายรูปร่างสันทัด ช่วยนำน้ำไปส่งให้ที่บ้านหลายแพ็ค ซึ่งเจ้าของร้านก็ยินดีให้บริการเป็นอย่างดี ซ้ำยังใจดีให้เธอขึ้นรถพ่วงสามล้อมาจนถึงหน้าบ้านพร้อมเลยอีกด้วย
ทันที่หิ้วข้าวของเข้าไปในบ้าน โดยมีเด็กหนุ่มตามมาข้างหลังพร้อมน้ำดื่มหลายแพ็ค หญิงสาวก็พบว่าวรชาติตื่นมานั่งงัวเงียอยู่ตรงโซฟาพอดี เธอบอกให้คนข้างหลังวางน้ำไว้ตรงประตูทางเข้า ยื่นธนบัตรใบสีฟ้าให้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะหิ้วของในมือไปจัดเรียงใส่ตู้เย็นเอาไว้
“กลับมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยขวัญ ไหน...มาให้ลุงกอดหน่อยสิ” ผู้เป็นลุงอ้าแขนกว้างเตรียมดึงหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอด แต่ขวัญชนกก้มตัวหลบไปอย่างว่องไว หลังจากที่เขาเคยคิดจะทำสิ่งชั่วช้ากับเธอเมื่อหลายปีก่อน เธอไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขาในฐานะลุงแท้ๆ อีกแล้ว แต่ที่ไม่อยากทอดทิ้งก็เพราะกลัวว่าบุพการีจะมีห่วง
“ขวัญมานานแล้ว แต่ลุงชาติหลับอยู่ หลับเหมือนตาย คนเข้ามาทำความสะอาดบ้านก็ยังไม่รู้สึกตัว” น้ำเสียงไพเราะฟังดูเย็นชา “นี่ลุงชาติทานอะไรหรือยัง หิวไหม เดี๋ยวขวัญทำบะหมี่ให้” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้อึดอัดกับสายตาแทะโลมมากไปกว่านี้
“หิว...แต่หิวอย่างอื่น” คนไร้จิตสำนึกพูดจามีเลศนัย
“ไม่มีอะไรให้เลือกมากมายนักหรอกค่ะ ถ้าไม่กินบะหมี่ก็มีผัดผัก ไข่เจียว ลุงชาติจะกินอะไร ขวัญจะได้รีบทำให้แล้วไปพักผ่อนเสียที ตั้งแต่มาถึงขวัญยังไม่ได้พักเลย” หญิงสาวถามเสียงห้วนจัดกว่าเดิม ชักลมออกหูขึ้นมาแล้วที่เห็นชัดต่อสายตาว่าอีกฝ่ายยังมักมาก และมีวี่แววว่ายังคิดไม่ดีอยู่เหมือนเคย
“เอาบะหมี่นั่นแหละ ขอสองห่อเลยนะ ใส่ไข่ใส่ผักเยอะหน่อย ลุงหิวมากเลยเนี่ย” เหมือนจะรู้ได้ถึงความหงุดหงิดจากใบหน้าสวยสดของหลานสาว วรชาติจึงยิ้มแหยแล้วให้คำตอบ ขวัญชนกจ้องหน้าลุงชนิดไม่มีความยำเกรง เป็นเชิงบอกให้ออกไปรอข้างนอก เมื่อเป็นตามความต้องการแล้ว เธอถึงลงมือทำบะหมี่ให้โดยไม่ต้องระแวงสายตาหื่นกามอีก
บะหมี่หอมกรุ่นน่ารับประทานยั่วน้ำลายของวรชาติจนเกินทน เขารีบจ้วงกินอย่างหิวกระหายจนเกลี้ยงชามภายในพริบตาเดียว เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยกเว้นน้ำเมาเพียงอย่างเดียวที่ขยันสาดลงคอจนแทบไม่มีวันหยุด ขาดมันไปแค่ไม่นานมือไม้ก็สั่นระริกจนต้องหาเหล้ามาดื่มแทบไม่ทัน
“ลุงติดเหล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ” ขวัญชนกเปิดฉาก หลังจากนั่งดูอีกฝ่ายรับประทานบะหมี่จนไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยด มือบางเปิดฝาขวดน้ำขวดเล็กส่งให้ วรชาติยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดขวดเช่นกัน บางทีเธอคิดว่าเขาอาจจะยังไม่อิ่มท้อง จึงลุกเข้าไปในครัวเพื่อหยิบขนมปังไส้สังขยามาส่งให้ เป็นไปตามคาดเมื่อเขาคว้ามันไปจัดการทันที
“ลุงไม่ได้ติดเหล้า แค่ดื่มนิดๆ หน่อยๆ” วรชาติแก้ตัวทั้งที่ยังมีขนมปังอัดอยู่เต็มปาก รีบเคี้ยวและกลืนเร็วๆ จนรู้สึกว่ามันติดรอ ต้องรีบคว้าน้ำขวดที่สองขึ้นดื่มตาม
