บทที่4
บัดนี้หมด ‘ความหวาน’ จนโดนไอ้เสี่ยไฮโซทิ้ง ไหนครอบครัวที่แท้จริงก็ไม่ยอมรับเป็นคนในตระกูล สภาพหรือก็ทรุดโทรมจากการบริจาคอวัยวะ ดีไม่ดีในอนาคตจะกลายเป็นภาระให้คนในบ้านแทน
ชายผู้ไม่ได้เรื่องพยายามสงบสติทำเสียงในลำคอเป็นเชิงรับคำ นึกโกรธลูกสาวผู้ร่ำรวยแต่ไม่คิดแบ่งปันให้คนในครอบครัว โดยลืมไปว่า ‘สันดาน’ บางอย่างก็ถ่ายทอดผ่าน DNA และไม่มีคนฉลาดที่ไหนจะยอมจ่ายเงินลงหลุมดำที่ไม่เห็นก้น เว้นแต่คนคนนั้นจะแสนดี มีความรักล้นเหลือ..จนลืมรักตัวเองเหมือนแบบที่ขนิษฐาเป็น
“ริน..ช่วยที่บ้านหน่อยนะลูก พ่อเขาต้องเอาเงินไปใช้หนี้” เสียงหวานของคนเป็นแม่แท้ๆ ปะเหลาะ มันเคยได้ผลเสมอเมื่อใช้กับลูกสาวนอกไส้ ทว่ากับลูกสาวในไส้แล้วเจ้าหล่อนมีเพียงแต่สายที่มองเหยียดกลับมาให้
“ทำไมคุณไม่ให้นังน้องช่วยล่ะ ยังไงนังนั่นก็เป็นเด็กเสี่ยอยู่แล้วนี่”
“ถ้านังน้องมันมีเงิน พ่อกับแม่จะมาขอเราทำไมล่ะ” น้ำเสียงคนเป็นแม่เริ่มขุ่น เคยคิดว่าลูกสาวที่หล่อนผลักดันให้ได้ใช้ชีวิตดีๆ จะพูดง่าย
ธารินเองยังไม่ยอมแพ้..บาทเดียวหล่อนก็ไม่อยากให้
“ก็ให้นังนั่นไปขอเสี่ยมันสิ”
“ถ้ามันมีฉันคงไม่แบกหน้ามาขอแกหรอกนะนังริน” นักพนันแก่ตวาดลั่น นึกเคืองขนิษฐาที่พลาดจนปล่อยท้องจนโดนเสี่ยเลี้ยงทิ้ง
“ครอบครัวคุณนี่น่าสมเพชชะมัด ก็ได้ค่ะ ครั้งนี้ฉันจะให้เงินพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย..หลังจากนี้ก็ทางใครทางมัน..ถ้าพวกคุณยังมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ฉันจะสั่งให้คนของคุณพ่อจัดการ” พูดจบไฮโซสาวก็ปึงปังเซ็นเช็คสั่งจ่ายให้ ก่อนสะบัดตัวเดินออกมานอกห้อง โดยมีท่าทีละโมบในเงินของบุพการีมองตามอยู่เบื้องหลัง
ธารินเบ้ปากมอง ก่อนสายตาจะปะทะกับบุตรสาวที่แท้จริงของตระกูลวรรณศิลป์
หญิงสาวที่หล่อน ‘แย่งชิง’ ทุกอย่างมา
ใบหน้าสวยหวานราวตุ๊กตากระเบื้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนหวานราวกับเป็นคนละคนกลับคนที่อาละวาดเมื่อสักครู่
“พี่..น้องกลับมานานแล้วเหรอคะ” ไฮโซสาวแสร้งถามเสียงซื่อ ยังไงผู้หญิงตรงหน้าก็ยังคงเป็นสายเลือดวรรณศิลป์ตัวจริง ถึงเธอจะเกลียดแค่ไหนก็ยังมีสติพอที่จะรู้ถึง ‘ความเสี่ยง’ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
แน่ล่ะ เธอไม่โง่เหมือนในละครคุณธรรมที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องตรงๆ เพราะถ้าถึงเวลาจริงๆ เลือดมีโอกาสข้นกว่าน้ำ..เธอไม่อยากเป็นน้ำที่ถูกครอบครัวไฮโซเททิ้ง
รอยยิ้มหวานไร้ความจริงใจ ส่งผลให้ขนิษฐาจ้องมาคนตรงหน้าด้วยสายตาผิดหวัง
ในความคิดเดิมธารินเองก็คือเหยื่อไม่ต่างจากตัวหล่อนเอง
ทว่า 'คำพูด' และ 'กิริยา' ทุกอย่างกลับสะท้อนความในใจอันน่ารังเกียจ
“อืม..ก็นานพอที่จะได้ยินทุกอย่าง”
“ทุกอย่าง?” คนตัวเล็กกว่ากอดอกมอง..ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา
เมื่อรู้ทุกอย่างอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง!!
“ก็ดีเหมือนกัน..งั้นเธอควรรู้สถานะตัวเองนะ” น้ำเสียงเยาะหยันชวนให้คนฟังเจ็บจี๊ด
นี่นะหรือคนที่หล่อนคิดว่าเป็นน้องสาว...จนยอมเสียสละตับ ส่งผลให้ร่างกายตัวเองทรุดโทรม
“นี่..คือตัวตนที่แท้จริงของเธอสินะ?”
“แล้วแต่เธอจะคิด..แต่ฉันจะขอเตือนเธอไว้อย่าง..ถึงเธอจะอยากกลับไปเป็นคุณหนูตระกูลวรรณศิลป์สายตัวแทบขาด..แต่คุณพ่อกับคุณแม่ และพี่ชายไม่มีวันยอมรับเธอแน่นอน” ธารินพูดอย่างเหนือกว่า ซึ่งขนิษฐาเองก็รู้ว่าทุกอย่างคือ ‘ความจริง’
ภาพความทรงจำที่ ‘พี่ชาย’ สายเลือดเดียวกันประกาศก้องลอยวาบขึ้นมาทันที
‘ฉันขอประกาศให้ทุกคนรู้ไว้ตรงนี้ น้องสาวฉันมีคนเดียวคือธาริน!’
ใช่..เธอไม่มีทางสู้น้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันได้ ระยะเวลายี่สิบกว่าปีมานานมากพอให้ความสัมพันธ์พันผูกจนแม้แต่สายเลือดเดียวกันก็ไม่สามารถแทรกแซงได้
..
