บทที่1
ขนิษฐาจำต้องยื่นเด็กน้อยในอ้อมกอดส่งคืนให้ชายตรงหน้า ดวงตาคู่สวยแดงก่ำเจ็บช้ำเกินบรรยาย ครั้นเสียงกรีดร้องของเด็กชายราวกับรู้ว่าต้องห่างจากอ้อมกอดแม่อีกตลอดกาล ยิ่งกรีดหัวใจคนเป็นแม่
หญิงสาวอยากพูดอะไรหลายอย่าง ทว่าลำคอกลับตีบตัน และเพียงไม่นานรถหรูคันโตก็แล่นออกจากหน้าโรงพยาบาลทันที
หล่อนกำลัง 'สูญเสีย' อีกครั้งแล้วใช่ไหม?
“ฮึก..ลูก” หญิงสาวร้องไห้ปล่อยโฮ เท้าเล็กรีบวิ่งอ้าวตามรถด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แม้จะรู้ว่าไม่มีทางทันก็ตาม
“โอ๊ย” ร่างเล็กถลาล้มบนถนนปูน หัวเข่าเจ็บแสบจากแรงถลอก ทว่าก็ยังน้อยกว่าใจคนเป็นแม่ที่ถูกบีบรัดเหลือเกิน
ดวงตาคู่สวยได้แต่เหม่อมองไปยังไฟท้ายรถจนลับสายตา
ภายในรถหรูบรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน ความเย็นยะเยือกชวนให้คนในรถเต็มเริ่มกระสับกระส่าย เลขาหนุ่มที่นั่งข้างคนขับเหล่มองชายหนุ่มผู้มีฉายา ‘ซาตานหน้ายิ้ม’ ซึ่งบัดนี้ใบหน้าหล่อเหลาปราศจากรอยยิ้มผิดกับฉายาโดยสิ้นเชิง
อยู่กับนายต้อง 'เดาใจ' นายให้ออก เวลานี้เขารู้นายเองก็คงรู้สึกแย่ที่ต้องพรากแม่กับลูกออกจากกัน
แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แม่ลูกก็เสี่ยงอันตรายเช่นกัน...พูดตามตรงมันเป็นสถานการณ์ที่เขาก็ลำบากใจไม่น้อย
ชินณธรก้มมองเด็กชายตัวเล็กหน้ายู่ยี่บนอ้อมอกที่พึ่งหยุดร้อง..ความรักลึกซึ้งพาดผ่าน
เขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกน้อย และปกป้องเธอให้จงได้!!
“คุณชินครับ คุณน้อง..เธอ” เสียงอ้ำๆ อึ้งๆ เต็มไปด้วยความไม่สบายใจปนเห็นใจกับชะตากรรมที่หญิงสาวหน้าสวยต้องประสบ เจ้านายหนุ่มยังคงนิ่ง เขาเองก็ไม่กล้าพูดช่วยด้วยรู้นิสัยชายหนุ่มดีว่าลองได้ตัดสินใจไปแล้วพูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟัง
“ยังคงคำสั่งเดิมไหมครับ”
“อืม”
ขนิษฐาจ้องมองโทรศัพท์มือถือด้วยสายตาว่างเปล่า หลังจากโดนยื้อแย่ง ‘ลูกชาย’ สิ่งแรกที่หล่อนคิดถึงคือคนใน ‘ครอบครัว’ ทว่าโทรไปกลับไม่มีคนรับสาย หรือแม้แต่ตอบกลับข้อความสักคน ทั้งครอบครัว 'ในสายเลือด’ หรือ 'นอกสายเลือด’ ก็ตาม
พวกเขาคงไม่รู้กันว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว...
คนตัวเล็กกล่อมตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครสักคนที่สนใจ หรือรักเธอเลย
ใจดวงเล็กปวดหน่วงด้วยไม่เข้าใจความหมายของคำว่า 'ครอบครัว' นั้นคืออะไร
มนุษย์แม่หลังคลอดทำได้เพียงแต่เรียกรถสาธารณะเพื่อเดินทางกลับเอง
ราวๆ หนึ่งชั่วโมงรถแท็กซี่สีชมพูจึงมาจอดเทียบบริเวณบ้านเดี่ยวชานเมืองหลังใหญ่ หญิงสาวคล้องกระเป๋าผ้าขนาดกลางไว้ตรงแขน ก่อนจะชำระเงินค่าบริการกับคนขับรถ
ร่างเล็กเปิดประตูอัลลอยด์ด้านข้างเข้าไป นึกประหลาดใจกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์สีชมพูที่มีเพียงไม่กี่คันในประเทศ อีกทั้งเลขทะเบียนยังคุ้นตาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน
ธาริน?
น้องสาวนอกไส้ที่มีชะตากรรมเฮงซวยไม่ต่างจากเธอ
รอยยิ้มยินดีผุดขึ้น คิดอย่างโง่เขลาว่าในวันที่เลวร้ายก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่เคียงข้าง เท้าเล็กจ้ำอ้าวเข้าไปด้านใน ทว่าเสียงคล้ายกับคนทะเลาะกัน พาให้เรียวขาที่กำลังก้าวเข้าห้องรับแขกชะงักลง เสียงคุ้นหูของชายหนุ่มใกล้หกสิบตะโกนด่าขึ้น
“อกตัญญู!!”
“เหอะ ทำไมรินต้องช่วยด้วยละคะ?” หญิงสาวรูปร่างบอบบางสวมใส่เสื้อหรูแบรนด์เนมไปทั้งตัว แปะยี่ห้อคำว่า ‘ไฮโซ’ หรา นั่งกอดอกกล่าวยิ้มเยาะ สีหน้าเหยียดหยิ่งช่างแตกต่างจากบุคลิกอ่อนหวานที่ขนิษฐารู้จักโดยสิ้นเชิง
ด้วยอะไรดลใจไม่อาจรู้ได้ หญิงสาวตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเริ่มอัดเสียงสนทนาทั้งหมดไว้
“ข้าเป็นพ่อเอ็งนะนังริน ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากับแม่ของเอ็ง..เอ็งจะมีโอกาสได้เกิดไหม?”
“แล้วไงคะ? ยังไงคนที่เลี้ยงรินมาไม่ใช่คุณทั้งสองคนอยู่ดี” ธารินลอยหน้าลอยตาตอบ เมื่อเจอคำนี้ของลูกสาวไป ‘สาลี่’ มารดาแท้ๆ ถึงกับหัวร้อน
“แกจะพูดอย่างนี้ไม่ได้นะยัยริน”
“ทำไมรินจะพูดไม่ได้?”
