บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 - สนิทสนม

“หยุดคิดมากได้แล้วปริม แกต้องทำงานนะ”

ฉันตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติเมื่อสมองมันเอาแต่นึกฟุ้งซ่านถึงจูบแรกของฉันกับคุณเธียร

กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขายังติดอยู่ที่ปลายจมูกไม่เลือนหายไปไหน

จูบที่นิ่มนวลและดูดดื่ม หะ…ให้ตายเถอะ! พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วทำไมหัวใจถึงเต้นแรงขนาดนี้นะ คุณเธียรคนนั้นช่างมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของฉันมากเหลือเกิน…

“เป็นอะไรย่ะ ฉันเห็นแกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวทั้งวัน”

“แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”

“ว่าแต่พี่เธียรเรียกแกไปหาทำไม โดนแกล้งอะไรอีกหรือเปล่าบอกฉันมานะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเขาให้เอง” สายธารพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ไม่ใช่เลย…คุณเธียรไม่ได้แกล้งหรือดุอะไร

“พี่เธียรไม่ได้ทำอะไรเรา แค่เรียกไปคุยเรื่องงานเฉย”

“ถ้างั้นก็แล้วไป ฉันกำลังจะลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทแกจะฝากซื้ออะไรไหม?”

“เอากาแฟเย็นแก้วนึง”

“ปกติแกไม่กินกาแฟไม่ใช่เหรอ?”

“ซื้อให้พี่เธียร” ฉันตอบเสียงเล็กเสียงน้อยด้วยความเคอะเขินเมื่อคิดถึงใบหน้าที่แสนหล่อเหลา

“อุ๊ยตาย! เล่นของสูงเลยนะย่ะ หล่อนคิดจะฟาดท่านประธานบริษัทเลยเหรอ” สายธารยิ้มกริ่มก่อนจะท้าวคางมองฉันอย่างจับผิด

“แล้วจะแซวทำไม เขินนะ”

“โอเค งั้นจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน”

“…..” ฉันได้แต่มองตามเพื่อนสาวที่เดินออกไป ถ้าคุณเธียรได้กินกาแฟเย็นๆ สักแก้วระหว่างทำงานคงรู้สึกดีมากแน่เลย

“สวัสดีค่ะคุณต้องตา มาหาท่านประธานเหรอคะ?”

“พอดีแวะมาทำธุระแถวนี้ ตาเลยซื้อกาแฟกับขนมมาฝากเธียรน่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินประโยคนั้น ฉันจึงละสายตาจากงานตรงหน้า ก่อนจะมองยังหญิงสาวที่เข้ามาใหม่

“คุณต้องตาน่ารักจังเลยนะคะ ไม่ได้มาที่นี่ตั้งหลายวันแล้ว ท่านประธานคงคิดถึงคุณต้องตามากๆ แน่เลย” หัวหน้าแผนกพูดแซวพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ต่างจากฉันที่เอาแต่นั่งนิ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงดูสนิทสนมกับคุณเธียรนักหนา คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ แต่ก็ได้แค่เก็บมันไว้

“ตาเพิ่งกลับจากเบลเยี่ยมน่ะค่ะ เลยไม่ได้แวะมา พอกลับมาถึงไทยก็รีบมาหาเธียรเลย”

“ท่านประธานอยู่ในห้อง วันนี้ว่างช่วงบ่ายไม่มีงานค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ”

“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมขอบตาที่ร้อนผ่าวเพียงแค่คิดว่าเธอคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิงของคุณเธียรมันก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา

“คุณต้องตาสวยมากเลยพี่ เหมาะสมกับท่านประธานของเราที่สุด”

“ฉันก็คิดเหมือนกัน เห็นชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ อีกไม่นานคงมีข่าวดีแน่ๆ”

ยิ่งได้ฟังบทสนทนาของพนักงานที่กำลังซุบซิบกันยิ่งทำให้ร้อนใจจะว่ารู้สึกหวงก็คงไม่ผิด ฉันไม่อยากให้คุณเธียรมีใคร อยากให้เขาสนใจฉันเพียงคนเดียว

“คุณต้องตาเป็นใครเหรอคะ?” เมื่อทนต่อความสงสัยไม่ไหวจึงตัดสินใจถามออกไปในที่สุด

“พูดแล้วจะหาว่าเม้าท์ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง” พี่ที่เป็นหัวหน้าแผนกพูดขึ้น พลางสอดส่องสายตามองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายของเขาไม่ได้อยู่แถวนี้

“คุณต้องตาเป็นเพื่อนกับคุณเธียรตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”

“…..”

“พี่เคยได้ยินคนเขาลือกันว่าสองคนนี้เคยเป็นแฟนกันมาก่อนด้วยนะ แต่คงจะรักกันมากเลยตัดกันไม่ขาด ไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด”

“…..”

“เพราะนอกจากคุณต้องตา พวกเราก็ไม่เคยเห็นคุณเธียรสนิทกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน”

“…..” ฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาเคยเป็นแฟนเก่ากันมาก่อนงั้นเหรอ แบบนี้ก็หมายความว่าฉันคงหมดสิทธิ์จริงๆ แล้วใช่ไหม

“คุณต้องตาจบจากเมืองนอกเมืองนา ฐานะทางบ้านก็ดีมีชาติตระกูล ช่างเหมาะกับคุณเธียรมากๆ เลยนะ หนูก็คิดเหมือนพี่ใช่ไหม”

“ค่ะ เขาดูเหมาะสมกันดี” ฉันพยักหน้าก่อนจะฝืนยิ้มบางๆ ให้ เพราะต่อให้ดูยังไง ฉันก็สู้คุณต้องตาไม่ได้เลย

“กาแฟที่สั่งได้แล้วจ้า”

ฉันตื่นจากภวังค์ในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายธารเดินกลับเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟที่ฉันฝากซื้อ

“แกจะเอาไปให้พี่เธียรเลยไหม?”

“คงไม่…เขามีกาแฟแก้วใหม่แล้ว คงไม่อยากกินกาแฟของเราหรอก”

“เอ้า! อะไรของแกเนี่ย เมื่อกี้ยังเห็นดีๆ อยู่เลย แล้วทำไมถึงกลับมาเศร้าแบบนั้น”

“เราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

-ช่วงพักกลางวัน-

“เรามาทวงสัญญา ไปกินข้าวกัน”

ร่างบางเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นกรณ์ที่ยืนชะโงกหน้าเข้ามาหาเธอ

เขาบอกว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวกลางวัน เมื่อรับปากกันไว้แล้วจึงไม่อยากปฏิเสธ

“รอแป๊บนึงนะกรณ์ ปริมขอเก็บของก่อนนะ”

“เหลามาเดี๋ยวนี้นะ พ่อหนุ่มสุดหล่อคนนี้เป็นใคร?” สายธารกระซิบกระซาบถามยกใหญ่เมื่อเห็นชายหนุ่มหล่อตี๋เข้ามาหาเพื่อนเธอ

“แกบังอาจนอกใจพี่ชายฉันเหรอ?”

“เขาชื่อกรณ์ อยู่แผนกกราฟฟิก” คนตัวเล็กอธิบายอย่างไม่คิดอะไร เธอกับกรณ์เพิ่งจะได้ทำความรู้จักกันเอง

“ธารจะไปกินข้าวกับเราไหม?”

“แกไปเถอะ ฉันยังไม่หิวน่ะ”

“งั้นไปก่อนนะ”

“วันนี้กินอะไรดี?” กรณ์ถามก่อนจะมองไปยังคนตัวเล็กที่มีท่าทางเซื่องซึม

“เราเห็นข้างๆ บริษัทมีร้านอาหารจีนเปิดอยู่ลองไปกินกันไหม”

“เป็นความคิดที่ดี งั้นไปกัน”

-ร้านอาหาร-

“อันนี้อร่อยดีนะ ปริมลองกินดูสิ”

ปริมก้มหัวแทนคำขอบคุณเมื่อกรณ์ตักอาหารใส่จานให้เธอ

“มันอร่อยมากเลยหรือไง กรณ์ถึงได้ทำตาโตขนาดนั้น”

“อยากรู้ว่าอร่อยไหมก็ลองกินดูสิ”

คนตัวเล็กใช้ตะเกียบคีบไปยังขนมจีบร้อนๆ ใส่ปากด้วยความหิว ก่อนจะรีบบ้วนทิ้งเมื่อมันร้อนกว่าที่คิดไว้มาก

“อ๊ะ…มันร้อนทำไมไม่บอก”

“โทษที ดูดิ! ปากเธอมันแดงหมดแล้วอ่ะ เอาทิชชู่ไปเช็ดก่อนไหม” กรณ์หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความชอบใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ ปริมนั้นหัวอ่อนและหลอกง่ายกว่าที่คิด

“เจ็บอ่ะ ปากเราพองหรือเปล่ากรณ์”

“ขยับหน้ามาใกล้ๆ สิ จะได้เห็นชัดๆ”

“เป็นยังไงบ้าง?” ปริมขยับใบหน้าเข้าหาก่อนสายตาจะเหลือบไปยังเธียรธรรมและผู้หญิงคนสนิมที่นั่งถัดออกไปไม่ไกล

“ไม่พอง ยังปกติอยู่”

“นะ…แน่ใจนะ คราวนี้ไม่ได้แกล้งเราแน่ใช่ไหม” คนตัวเล็กตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นสายตาคู่คมที่จ้องมองมา

เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเธียรธรรมอยู่ในร้านอาหารนี้ด้วยหรือบางทีเขาอาจจะมาก่อนเธอตั้งนานแล้ว

“พูดจริงไม่ได้แกล้ง”

“…..”

“น้องผู้หญิงโต๊ะนั้นน่ารักดีนะคะ มิน่าล่ะ เธียรถึงได้มองน้องเขาใหญ่เลย” ต้องตาพูดขึ้นหลังจากที่เห็นชายหนุ่มนั่งมองปาลิดาตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้ชายอีกคน

“เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทของเธียรด้วยใช่ไหม ตาเหมือนเคยเห็นผ่านๆ”

“…..” เธียรธรรมถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อแบบเงียบๆ

“แต่สงสัยจะมากับแฟน เห็นกระหนุงกระหนิงกันน่ารักเชียว”

เคร้ง! ต้องตาสะดุ้งตัวโยนเมื่อชายหนุ่มจงใจวางช้อนส้อมกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง

“จะพูดเรื่องคนอื่นทำไม”

“ตาขอโทษนะคะ งั้นเรามาทานข้าวกันต่อเถอะค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel