บทที่ 5 - ของเหลือ
“ปริมไม่ได้ยั่วค่ะ แค่อยากรู้ว่าคุณเธียรชอบผู้หญิงแบบไหน” คนตัวเล็กถามกลับด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ถึงยังไงก็ยังอยากรู้ว่าเขาชอบผู้แบบไหน แล้วถ้าเป็นเธอพอจะมีสิทธิ์บ้างไหม
“แบบไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ”
“เพราะเป็นปริมใช่ไหม คุณเธียรถึงไม่ชอบ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมขอบตาที่ร้อนผ่าวเมื่อได้ยินประโยคตัดเยื่อใย อย่างน้อยก็น่าจะให้โอกาสกันบ้างสักหน่อย
“ปริมทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอคะ?”
“คิดว่าฉันมีเวลาว่างมากนักหรือไง ถึงต้องมาตอบคำถามไร้สาระของเธอ”
“…..” เหมือนถูกค้อนทุบลงบนอกซ้ำไปซ้ำมา ถ้าการเลิกชอบใครสักคนมันง่าย เธอคงตัดใจจากเขาไปนานแล้ว
“ปริมขอโทษที่ทำให้คุณรำคาญ”
“ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
คนตัวเล็กเดินก้มหน้าคอตกออกจากห้องทำงานพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น เธอไม่ได้อยากร้องไห้เลยสักนิด แต่มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ
“เป็นไรปริม ร้องไห้มาเหรอทำไมถึงตาบวม” ปาลินรีบเดินเข้ามาหาพี่สาวหลังจากที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติ
“ไหนบอกว่าไปสัมภาษณ์งาน แล้วทำไมถึงได้ร้องไห้กลับมาล่ะ?”
“ปะ…เปล่า พี่ไม่ได้ร้องไห้” ปริมทิ้งตัวนอนหนุนตักของน้องสาวอย่างหมดแรง ในสมองคอยเอาแต่คิดถึงใบหน้าของคนใจร้าย
“โกหกไม่เนียนเลยนะ ตาบวมขนาดนี้ยังจะมาบอกว่าไม่ได้ร้องไห้อีก”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ใครทำให้ปริมร้องไห้บอกลินมา เดี๋ยวลินจะไปจัดการมันให้เอง”
“ไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว อย่าถามอีกเลยนะ”
“งั้นก็นอนพักนะ ตื่นขึ้นมาจะได้รู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวลินอยู่เป็นเพื่อนปริมเอง” มือน้อยๆ ของปาลินเลื่อนไปลูบหัวพี่สาวเพื่อเป็นการปลอบ
เธอไม่รู้ว่าปริมต้องไปเจออะไรมา แต่ถ้าพี่เศร้าเธอก็รู้สึกเศร้าเหมือนกัน
“ลินเคยแอบรักใครคนนึงมากๆ ไหม?”
“ก็พี่โซ่ไง ลินชอบพี่โซ่มาตั้งนานแล้ว ทำไมปริมถามแปลกๆ”
“แล้วลินจะทำยังถ้าเกิดว่าเขาไม่เคยเห็นเราอยู่ในสายตาเลย” ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บแต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากน้อยใจ
“ต้องถามหัวใจตัวเองดูก่อนว่าทนไหวไหม ถ้าทนไม่ไหวก็พอหรือถ้ายังทนไหวก็ไปต่อเลย”
“เฮ้ออ~ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย”
“ถามทำไมหรือไปแอบชอบใครมาแล้วไม่บอกลิน”
“…..” ใบหน้าแสนหวานเบือนหน้าหนีหนีเมื่อเห็นสายตาจับผิดของน้องสาว
“จริงใช่ไหม ปริมกำลังชอบใครบอกมานะ”
“มันคงไม่ได้สำคัญอะไรหรอก เพราะเขาไม่ได้ชอบพี่ แล้วพี่ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ”
“แล้วจะพูดให้เศร้าทำไมเนี่ย เดี๋ยวลินก็ร้องไห้ตามหรอก”
“…..”
สองอาทิตย์ต่อมา
“เสร็จหรือยังน้องปริม ลุงสมหมายรออยู่ค่ะ”
“เสร็จแล้วค่ะแม่” ปริมรีบจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่พร้อมหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องนอนของตัวเอง ลุงสมหมายคือคนขับรถที่จะไปส่งเธอฝึกงานในวันนี้
“วันนี้ลูกสาวแม่สวยจังเลยค่ะ” ปรางทิพย์ยิ้มให้ลูกสาวที่อยู่ในชุดสุภาพเรียบร้อย วันนี้เริ่มฝึกงานเป็นวันแรก คนเป็นแม่เลยอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ตั้งใจทำงานนะคะ”
“หนูจะตั้งใจทำงานค่ะ”
“อันนี้เป็นกล่องข้าวกลางวันกับขนมปังเอาไว้ทานตอนหิวนะคะ แม่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่ ปริมไปก่อนนะคะ ใกล้ได้เวลาแล้ว”
คนตัวเล็กก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะรีบเดินมาขึ้นรถตู้อัลฟาร์ดคันหรูที่จอดรออยู่
-บริษัทธราธร-
“ทางนี้ปริม”
ปาลิดาเดินเข้าไปหาสายธารที่มายืนรอก่อนหน้านั้น เนื่องจากเป็นเด็กฝึกงานจึงต้องเข้าประชุมเพื่อฟังคำบรรยายก่อนที่จะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“มาฝึกงานหรือมาเดินแฟชั่นโชว์?” ปริมถามเพื่อนสนิทที่ประโคมแบรนด์เนมทั้งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า การแต่งตัวของสายธารเลยกลายเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก
“คิดว่าเบาสุดแล้วนะ” สายธารถึงกลับหันซ้ายมองขวาด้วยความเลิ่กลั่กเมื่อเริ่มเห็นสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมา
จู่ๆ บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงัดเมื่อมีบุคคลสำคัญปรากฏตัว ทุกสายตาต่างจับจ้องมองไปยังคนที่เดินเข้ามาใหม่อย่างให้ความสนใจ
ความสูงราวๆ ร้อยเก้าสิบเซ็นและใบหน้าคมคายหล่อเหลาทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน
‘นั่นคุณเธียรธรรมใช่ไหม หล่อสมคำล่ำลือจริงๆ’
‘ทรงเนี๊ยบมาก ฉันว่าคงดุแน่’
‘เห็นในรูปว่าหล่อแล้ว ตัวจริงหล่อกว่าเยอะเลย’
‘เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย’
“พี่เธียรมาแล้ว ไปนั่งข้างหน้ากับพี่เธียรกันไหม?” สายธารสะกิดเพื่อนสาว ก่อนจะถือกระเป๋าเตรียมย้ายที่นั่ง
“ธารไปเถอะ เราจะนั่งตรงนี้”
“งั้นไปก่อนนะ แล้วเจอกันตอนเข้างาน”
“อืม”
ปริมมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดด้วยสายตาละห้อย เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลย
“ขอนั่งด้วยคนสิ”
ปริมละสายตาจากเธียรธรรม เมื่อได้ยินเสียงของกรณ์ที่เดินเข้ามาทัก ก่อนจะหย่อนตัวนั่งข้างๆ กัน
“รถดันมาดับกลางทาง เกือบมาไม่ทันแล้ว”
“ยังเหลืออีกตั้งสิบนาที ไม่เป็นไรหรอก”
“ปริมได้ฝึกงานอยู่แผนกอะไร?”
“อยู่แผนกฝ่ายโฆษณา”
“แบบนี้ก็ดีเลย ได้อยู่ตึกเดียวกันด้วยจะได้เจอกันบ่อยๆ”
“จริงเหรอ” การพูดคุยกับกรณ์ทำให้สีหน้าของเธอค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนที่กำลังจ้องมองทุกอริยาบท
“จริงสิ ถ้าพักเที่ยงจะได้ไปกินข้าวพร้อมกัน”
“แถวนี้ร้านอร่อยเพียบเลย เดี๋ยวเราพาไปกินเอง”
“งั้นวันนี้เราขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวกลางวันปริมเอง”
“…..”
“คุณเธียรต้องการอะไรหรือเปล่าคะ?” เลขาสาวเอ่ยถาม หลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มเงียบไปสักพักใหญ่
“บอกให้ปาลิดาตามไปพบผมที่ห้องทำงานภายในสิบนาที!”
“ค่ะบอส”
สิ้นประโยคคำสั่งเธียรธรรมจึงหยัดตัวลุกขึ้นกลางคันแล้วเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตางุนงงของพนักงานคนอื่นๆ
แกร๊ก~ บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออก พร้อมกับคนตัวเล็กที่รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาชายหนุ่มตามคำสั่งแบบทันเวลา
“คุณเธียรเรียกปริมให้มาพบด่วน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มี” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ทำเอาคนที่ได้ฟังถึงกลับเกาหัวด้วยความงุนงง
เธออุตส่าห์รีบลนลานมาหาเขาแทบตายแต่สุดท้ายกลับบอกว่าไม่มีอะไร
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะเรียกให้ปริมมาหาทำไมล่ะคะ”
“แค่อยากเรียก”
“ปริมยังไม่ทันได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ คราวนี้จะดุอะไรปริมอีก” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง สมองเริ่มคิดไปเองต่างๆ นานาว่าเขาจะพูดทำร้ายจิตใจอะไรของเธออีก
“แล้วใครบอกว่าฉันจะดุเธอ มานั่งตรงนี้”
ปาลิดาเดินเข้าไปหาพร้อมนั่งลงตรงข้ามตามคำสั่ง
“ก็ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน คุณเธียรชอบดุ ชอบว่าปริมสารพัดเลย”
“…..”
“ปริมก็เสียใจเป็นเหมือนกันนะ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากชอบคนใจร้ายเหมือนคุณหรอก”
“ในสายตาเธอฉันคงใจร้ายมากเลยงั้นสิ”
“ตอนนี้ปริมกำลังตัดใจจากคุณอยู่ ทนรำคาญอีกไม่นานหรอกค่ะ”
“ชอบฉันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง คิดว่าจะตัดใจจากฉันได้ง่ายขนาดนั้น?” เขาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาร่างบางให้ความสนใจเขามาโดยตลอด พอรู้ว่าเธอจะทำแบบนั้นกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ ปริมแค่ไม่อยากเสียใจเพราะคุณเธียร…อื้ออ~”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเธียรธรรมโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอแบบไม่ทันตั้งตัว เรียวลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามาช่วงชิงความหวานในโพรงปากเล็กอย่างเอาแต่ใจ
เล็บสวยจิกลงบนท่อนแขนแกร่งเมื่อรสจูบของเขาเริ่มหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอแทบหมดเรี่ยวแรง
“คุณเธียรจูบปริมทะ…ทำไม?”
“อยากให้ฉันสนใจไม่ใช่หรือไง”
“…..” เหมือนกับผีเสื้อบนวนอยู่ในท้องนับพันตัว มันคือจูบแรกที่เสียให้กับคนที่รักมาโดยตลอด ถ้าเขาไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตาก็ไม่ควรมาให้ความหวังกันแบบนี้
“คะ…คุณเธียรกินแซนด์วิชไหม เดี๋ยวปริมแบ่งให้ค่ะ”
คนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมหยิบขนมปังและนมกล่องยื่นให้ชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าเขาคงยังไม่ได้กินอาหารเช้ามาแน่ๆ
“ถ้าแบ่งให้ฉัน แล้วเธอจะกินอะไร?”
“ปริมยังไม่ค่อยหิว เลยแบ่งให้คุณ”
“กินให้อิ่มแล้วค่อยเอามาให้ฉัน”
“คุณเธียรจะกินของเหลือจากปริมเหรอคะ?”
“น้ำลายเธอฉันยังกลืนมาแล้ว แค่ของเหลือจากเธอฉันไม่ถือหรอก”
