บทที่ 15 - ผิดสัญญา
“เป็นยังไงบ้าง การันต์ถูกใจแกบ้างไหม?” สายธารเอ่ยถามด้วยสีหน้าระรื่น หลังจากที่กลับมาจากคาเฟ่ ดูเหมือนว่าการันต์และปริมจะสนิทกันเร็วกว่าที่คิดไว้
“เขาอัธยาศัยดี ชวนคุยสนุกมาก”
“เห็นไหมล่ะ ฉันเดาไม่เคยผิดว่าแกต้องชอบแน่ๆ ถึงลุคมันจะดูแบดบอย แต่เอาเข้าจริงการันต์มันรักเดียวใจเดียวนะ เวลาคบใครก็คบที่ละคนไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาให้ปวดหัว”
“ถ้าแสนดีขนาดนั้น แล้วทำไมถึงยังโสดล่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย ทั้งหล่อทั้งรวยแบบการันต์คงมีผู้หญิงสวยๆ มาให้เลือกตั้งมากมาย
“เพราะมันเป็นคนช่างเลือกไง ไม่ค่อยสนใจใครง่ายๆ หรอก มีแต่แกนี่แหละที่มันให้ความสนใจออกนอกหน้านอกตา”
“…..”
“ลองเปิดใจให้การันต์ดูสิ มัวแต่รักพี่เธียรอยู่นั่นแหละ ฉันไม่เห็นว่าเขาจะสนใจแกบ้างเลย”
“เฮ้อ~ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว” คนตัวเล็กถึงกลับถอนหายใจหนัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากตัดใจ แต่เคยทำแล้วสุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกที
-เวลาต่อมา-
“ขอบใจธารมากนะที่มาส่ง แวะเข้าบ้านดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนไหม พ่อกับแม่ชอบถามหาธารตลอดเลย” ร่างบางยิ้มกว้างแทนคำขอบคุณเมื่อสายธารอาสาขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านโดยสวัสดิภาพ
“เสียใจจังแต่ฉันต้องรีบไปทำธุระต่อ ฝากความคิดถึงไปบอกพ่อกับแม่ด้วยนะ เอาไว้คราวหน้าจะเข้าไปหา สัญญาเลย” สายธารพูดอย่างเสียดาย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับมานอนค้างที่นี่อีก
พ่อกับแม่ของปริมเอ็นดูและรักเธอมาก เลยทำให้รู้สึกอบอุ่นและคิดถึงพ่อแม่แท้จริงที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
“โอเค เดี๋ยวเราบอกพ่อกับแม่ให้นะ”
“…..”
“วันนี้ใครมาส่ง พ่อเห็นรถจอดอยู่หน้าบ้านตั้งนานสองนาน” รามิลเอ่ยถามลูกสาว เมื่อเห็นภาพในจอทีวีที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทุกตัวภายในบ้าน
“สายธารมาส่งค่ะ แต่วันนี้มีธุระเลยไม่ได้แวะเข้ามา สายธารฝากความคิดถึงมาให้พ่อกับแม่ด้วยนะ”
“คราวหน้าชวนสายธารมาเล่นบ้านเราหน่อยสิลูก เดี๋ยวแม่ทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน” ปรางทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดี เวลาสายธารมาเที่ยวเล่นทีไร บ้านมักจะดูครึกครื้นและมีสีสันขึ้นเยอะเลย
“หนูมีเรื่องอยากจะมาขออนุญาตพ่อกับแม่ค่ะ”
“หนูมีเรื่องอะไรคะ?”
“วันหยุดนี้หนูขอไปเที่ยวภูเก็ตค้างคืนกับเพื่อนได้ไหมคะ?”
“เพื่อนคนไหน?” รามิลถามแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำเอาคนตัวเล็กถึงกลับรีบก้มหน้าหลบสายตาในทันที
“เอ่อ…”
“ไปกี่วัน แล้วมีใครไปบ้าง?”
“ปริมโตแล้วนะพ่อ ไม่เห็นจะต้องถามเยอะขนาดนั้นเลย” ปาลินที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้นมาเพื่อช่วยพี่สาว เพราะเธอรู้ว่าปริมโกหกไม่เก่งและอาจจะถูกพ่อจับได้
“ต่อให้พวกหนูจะอายุสี่สิบ แต่พ่อก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี”
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูดูแลตัวเองได้” ไม่พูดเปล่าแต่ยังเดินเข้าไปกอดพ่อไว้แน่น
“นานๆ หนูปริมจะขอออกไปเที่ยว มิลให้ลูกไปเถอะนะ ลูกเราโตเป็นสาวแล้ว อย่าไปอะไรกับแกมากเลย”
“…..” สุดท้ายคนเป็นพ่อก็ยอมใจอ่อนเหมือนอย่างเคย เป็นเพราะไม่อยากเห็นลูกเสียใจเลยยอมตามใจทุกอย่าง
“ไม่ได้จะขัดใจลูก ก็แค่ถามดู”
“หมายความว่าพ่อให้หนูไปเที่ยวได้ใช่ไหม?” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มกว้างที่พ่อยอมเข้าใจ ถึงแม้ว่าพ่อจะดุแต่ท่านก็รักพวกเธอสองคนมากกว่าสิ่งใด
“ถ้าขัดใจเดี๋ยวหนูก็งอนให้พ่ออีก”
“ขอบคุณนะคะ หนูสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ”
“…..” รามิลโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มลูกสาวทั้งสองคนฟอดใหญ่ ถ้าเป็นไปได้อยากขอให้ลูกกลายเป็นเด็กตลอดไป ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เรียกหาแต่พ่อกับแม่
“ตื่นเต้นอะไรนักหนา แค่ไปภูเก็ตเองนะ เก็บเสื้อผ้าไปซะเยอะแยะเชียว” ปาลินกระแหนะกระแหนใส่พี่สาวที่ดูตื่นเต้นมากกว่าครั้งไหนๆ
“นานๆ ได้ไปเที่ยวไง เลยดีใจ”
“หรือว่าแอบไปกับผู้ชายแล้วไม่บอก”
“มะ…ไม่ใช่สักหน่อย”
“มีแฟนก็บอกสิ ไม่เห็นจะต้องปิดบังลินเลย”
“พี่ไม่ได้อยากปิดบังเลยนะ ถ้าสถานะของพี่กับเขาชัดเจนเมื่อไหร่ พี่สัญญาว่าจะบอกลินเป็นคนแรกเลย”
“ปริมมีอะไรกับเขามาจนถึงขนาดนี้แล้วนะ ถ้าเขายังไม่ชัดเจนก็หาผัวใหม่เถอะ” ปาลินถึงกลับถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดที่ปริมรักผู้ชายคนนี้มาก จนยอมให้เขาทุกอย่างแบบนี้
“คิดว่าลินไม่รู้หรือไง ว่าที่ปริมกลับบ้านดึกดื่นทุกวันเพราะไปกกอยู่กับเขามา”
“…..” ปริมถึงกลับออกอาการเลิ่กลั่กไม่คิดว่าน้องสาวจะเดาถูกทุกอย่างราวกับอ่านใจของเธอได้
“ก็อย่าให้ลินรู้แล้วกันว่ามันเป็นใคร ไม่งั้นลินจะบอกให้พ่อไปจัดการมัน!”
“อย่านะลิน ห้ามบอกพ่อนะ”
“ตัวกำลังจะโดนเขาหลอกฟันแล้วทิ้ง ยังไม่รู้ตัวอีกนะ ซื่อบื้อชะมัดเลย!”
“…..”
05 : 00
วันนี้ปาลิดารีบตื่นนอนแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะเธอและเธียรธรรมมีนัดไปภูเก็ตด้วยกัน คนตัวเล็กเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีสันสดใสเพื่อให้เหมาะกับการไปเที่ยวทะเลในครั้งนี้
ร่างบางก้มมองนาฬิกาข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่า พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่นั่งรออยู่ในล็อบบี้ชั้นหนึ่งของคอนโด แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะมา
ติ๊ง! คนตัวเล็กตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงข้อความที่เธียรธรรมส่งมา เธอรีบกดเปิดอ่านด้วยรอยยิ้มหลังจากที่นั่งรอเขามาเกือบครึ่งวันเต็มๆ
‘วันนี้คงไปไม่ได้แล้ว พอดีบอร์ดบริหารนัดประชุมด่วน’
ริมฝีปากบางค่อยๆ หุบยิ้มลงเมื่อได้อ่านข้อความจนจบทุกตัวอักษร เธออ่านมันซ้ำๆ อยู่แบบนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเขาเป็นฝ่ายผิดนัดเธอจริงๆ
พอรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่น้ำตาไหลลงมาแบบไม่ขาดสาย ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือคำปลอบใจใดๆ ร่างเล็กนั่งก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความผิดหวัง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเธอเลย ไม่ควรไปคาดหวังอะไรจากเขาเลยจริงๆ
“ไหนบอกจะไปภูเก็ตไงปริม ทำไมถึงได้กลับมาเร็วนัก” ปาลินเอ่ยถามพี่สาวที่หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินกลับเข้ามาในบ้าน
“มะ…ไม่ได้ไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเขาเทปริมเหรอ?”
“พี่รู้สึกปวดหัวน่ะ ขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะ”
“…..” ปาลินได้แต่ยืนมองพี่สาวที่เดินขึ้นบ้านไปด้วยสายตาละห้อย ใบหน้าสะสวยแดงก่ำของปาลิดาคล้ายกับคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
-บริษัทธราธร-
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอยกเลิกการประชุมไว้เพียงเท่านี้” เธียรธรรมรีบเดินออกจากห้องประชุมด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก
การเข้าประชุมในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่มีสมาธิเลยเลยด้วยซ้ำ สายตาเอาแต่มองไปยังนาฬิกาแต่สุดท้ายเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสี่โมงเย็น
“เธียรเป็นอะไรหรือเปล่าคะ วันนี้คุณดูใจลอย ไม่ค่อยมีสมาธิเลย” ต้องตาที่อยู่ในการประชุมครั้งนี้สังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่ม
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้วุ่นวายไปกันหมดเลย”
“อย่าให้พลาดแบบนี้บ่อยๆ แล้วกัน ผมไม่ชอบร่วมงานกับคนที่ไม่มีความรอบครอบ!”
“คะ…ค่ะ” ต้องตาถึงกลับหน้าถอดสีหลังจากที่ชายหนุ่มแสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจ
“วันนี้ตาไม่ได้ขับรถมาเอง เธียรช่วยไปส่งที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ”
“รถฉันจอดอยู่ที่เดิม ถ้าสูบบุหรี่แล้วจะรีบตามไป”
“ขอบคุณค่ะ” ต้องตายิ้มหวานแล้วรีบเดินไปขึ้นรถของชายหนุ่มที่จอดอยู่
‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งนะคะ’
“ปิดเครื่องทำไม” เธียรธรรมกดเบอร์โทรออกหาหญิงสาวนับสิบๆ ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
เขายกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อตั้งสติคิดทบทวน ก่อนจะหยิบมวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบเพื่อดับอารมณ์ร้อนใจในตอนนี้
เพราะที่ผ่านมาปาลิดาไม่เคยปิดเครื่องหนีไปแบบนี้ บางทีเธออาจจะโกรธหรือไม่พอใจที่เขาผิดนัด!
