บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 - ไม่ได้เป็นอะไรกัน

-จังหวัดภูเก็ต-

ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองไปยังทะเลผืนกว้างในยามค่ำคืน เสียงเกลียวคลื่นและสายลมเย็นที่พัดผ่านร่างกาย ทำให้เธอรู้สึกสบายใจจนอยากจะนั่งอยู่บนหาดทรายไปจนถึงรุ่งเช้า

“เป็นยังไงบ้างปริม รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” ปาลินเอ่ยถามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง

เมื่อเห็นว่าปริมเศร้าที่ไม่ได้ไปเที่ยว เธอจึงอาสาขับรถพามาเองซะเลย ถึงแม้ว่าปริมจะมีท่าทางขัดขืนในตอนแรก แต่ในที่สุดก็โดนบังคับลากมาจนได้

“ดีขึ้นมากแล้ว”

“ตัวจะไม่บอกเค้าจริงๆ เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่ไม่อยากพูดถึงมันอีก” ใบหน้าแสนหวานวางซบลงบนไหล่มนของน้องสาวอย่างเศร้าสร้อย

ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาผิดนัด แต่มันเป็นเรื่องมากมายที่สะสมอยู่ภายในใจ จนทนเก็บต่อไปไม่ไหวระเบิดความอัดอั้นออกมาทั้งหมด

“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วจะร้องไห้ทำไม เช็ดน้ำตาออกสิ”

“พี่จะพยายามไม่ร้องไห้นะ” เมื่อเห็นว่าน้องเป็นห่วงยิ่งรู้สึกผิด เธอไม่ได้อยากเป็นอ่อนแอแบบนี้

“ถ้าปริมเศร้า ลินก็เศร้าไปด้วยนะ อย่าร้องไห้เลย”

“…..” หญิงสาวหยิบกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด ถึงแม้ว่ารสชาติของมันจะขมแต่กลับรู้สึกว่าอยากดื่มมันอีกเรื่อยๆ

“เอาเบียร์อีกไหม กินให้เมาไปเลย เดี๋ยวลินดูแลปริมเอง”

“อยากเมาเหมือนกัน จะได้ลืมความรู้สึกแบบนี้สักที”

“ลืมได้แค่ตอนเมามันจะไปมีประโยชน์อะไร ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจต่างหาก”

สิ่งที่น้องสาวพูดนั้นถูกทุกอย่าง ถึงแม้จะเมามากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลืมใครบางคนได้

“ถ้าพี่เข้มแข็งได้เหมือนลิน พี่คงไม่รู้สึกเจ็บขนาดนี้”

“ปริมก็คือปริม เป็นตัวของตัวเองมันดีที่สุดแล้ว ทุกคนมีข้อดีข้อเสียเหมือนกันหมดนั่นแหละ ไม่เห็นอยากจะต้องเหมือนใครเลย”

“…..”

“อย่างน้อยถ้าเขาไม่รัก แต่ยังมีครอบครัวที่รักปริมนะ พ่อกับแม่ให้ความสุขกับเราได้ทุกอย่าง แล้วจะเป็นทุกข์เพราะคนอื่นทำไมกัน”

ปาลินลูบแผ่นหลังของพี่สาวเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรมา พวกเธอสองคนไม่เคยซ้ำเติมกันเลยสักครั้ง มีแต่ช่วยกันหาทางออกและให้กำลังใจ

“ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าปริมร้องไห้แบบนี้ คิดว่าพ่อกับแม่จะรู้สึกยังไง”

“พี่เข้าใจ พี่ขอโทษนะ สัญญาว่าจะไม่ร้องไห้แล้ว” เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

ติ๊ด! ทันทีที่กดเปิดเครื่อง รายชื่อของเธียรธรรมก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ตโฟนเป็นอย่างแรก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างชั่งใจ ก่อนจะกดตัดสายทิ้งแต่เขาก็ยังโทรเข้ามาซ้ำๆ อยู่แบบนั้น

“ใครโทรมา?”

“…..”

“ใช่ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า?”

“อืม” ร่างบางพยักหน้าแทนคำตอบ

“ไม่ต้องรับนะ กดบล็อกมันไปเลย ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั่นน่ะ” ปาลินพูดด้วยท่าทางเดือดดาลแทนพี่สาว

“แต่เราต้องทำงานด้วยกันนะ แล้วถ้าต้องเจอหน้ากันอีกจะทำยังไง?” เธอพูดด้วยความหนักใจ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว

“ก็ไม่ต้องทำยังไง แค่ไม่ต้องมอง ไม่ต้องสนใจ ทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่อากาศไม่มีตัวตน”

“…..”

-บริษัทธราธร-

และแล้วก็มาถึงวันเปิดงานอีกครั้ง ปาลิดายังคงมาทำงานเหมือนเดิมพร้อมกับใบหน้าที่สดใส อาจจะเป็นเพราะมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เลยได้หยุดคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง

“มอนิ่งเพื่อนเลิฟ ไปภูเก็ตไม่ชวนฉันเลยนะ” สายธารพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้จริงจังมากนัก เป็นเพราะปริมถ่ายรูปอวดลงบนโซเชียลเลยทำให้รู้ว่าเพื่อนแอบหนีไปเที่ยวที่ภูเก็ตมา

“เราไปกับลินแบบกระทันหันน่ะ เลยไม่ได้ชวน”

“ครั้งนี้ไม่เป็นไร แต่ครั้งหน้าห้ามลืมกันนะ”

“ไม่ลืมแน่นอนสัญญาเลย” ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบบางอย่างให้เพื่อนสนิท

“มีของฝากให้ธารด้วยนะ”

“ของโปรดฉันทั้งนั้นเลยอ่ะ ขอบคุณนะ” สายธารทำตาลุกวาวเมื่อเห็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด

“เรารู้ว่าธารชอบเลยซื้อมาฝากเพียบเลย”

“บนโลกใบนี้ ไม่มีใครรู้ใจฉันดีเท่าแกอีกแล้ว”

“ธารก็พูดเว่อร์ไปนะ คงไม่ขนาดนั้นหรอก” คนตัวเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ

“น้องปริม ท่านประธานเรียกเข้าพบ”

หญิงสาวหยุดชะงักจากงานที่ทำเมื่อได้ยินในสิ่งที่หัวหน้าแผนกเดินมาบอก

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

“เห็นบอกมีเอกสารด่วนที่ต้องแก้ เลยเรียกให้หนูเข้าพบด่วน”

“…..” เพียงแค่คิดว่าจะได้เจอหน้าเธียรธรรมอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยก็เริ่มบีบรัดแน่นเพราะมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

“แกจะโดนดุไหมนะ ถึงได้เรียกหาแต่เช้าขนาดนี้” สายธารมีสีหน้าหนักใจไม่แพ้กัน เพราะยังไม่เคยเห็นพี่ชายเรียกพนักงานคนไหนเข้าพบตั้งแต่เริ่มงานแบบนี้

“งั้นแกรีบเข้าไปหาพี่เธียรเลย เสร็จแล้วรีบมารายงานฉันด้วยนะ”

“อืม”

แกร๊ก~ บานประตูห้องทำงานของชายหนุ่มถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่

“คุณเรียกปริมให้เข้าพบด่วน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

“…..” ใบหน้าคมคายจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเมื่อรู้สึกได้ถึงความห่างเหินจากแววตาคู่นั้น

“ทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมเข้ามาใกล้ฉัน เข้ามานั่งบนตักฉันสิ”

“คุณมีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ พอดีปริมมีงานค้างที่ต้องรีบไปทำ”

“บล็อกเบอร์ฉันทำไม?”

“…..” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้เห็นสายตาดุดันที่เขามองมา สำหรับเธอแล้ว เธียรธรรมยังเป็นผู้ชายที่ดูน่ากลัวอยู่เสมอ

“ตอบมาสิ ว่าบล็อกเบอร์ฉันทำไม?”

“ปริมคิดว่าเราไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันส่วนตัวแล้วค่ะ”

“ที่พูดแบบนี้เพราะยังโกรธที่วันนั้นฉันผิดนัดกับเธอใช่ไหม?” ไม่พูดเปล่าแต่ยังเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอด้วยตัวเอง

“…..” คนตัวเล็กรีบขยับถอยห่างเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้

“งั้นเย็นนี้ไปดินเนอร์ด้วยกันสิ ฉันโทรจองโต๊ะไว้ให้แล้ว เพื่อเป็นการไถ่โทษที่วันนั้นฉันผิดนัดกับเธอไง”

“…..” หัวใจของเธอเริ่มคิดสับสนเมื่อมองเห็นแววตาของเขาที่สะท้อนความร้อนรนออกมาอย่างชัดเจน

“หรือจะให้ฉันพาไปเที่ยวตอนนี้เลยก็ได้ เธอจะเอาแบบนั้นหรือเปล่า จะให้ฉันชดใช้ยังไงก็บอกมา”

“พอเถอะค่ะ”

“ถ้ามันยังไม่พอหรือเธอต้องการอะไรที่มากกว่านี้ก็บอกมาเลย ฉันให้เธอได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

“คุณเธียรไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก เพราะปริมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณแล้ว”

“วันนั้นฉันติดประชุมด่วนจริงๆ เข้าใจกันหน่อยสิ”

“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น แต่มันหลายเรื่องจนปริมไม่อยากอดทนอีกแล้ว” ร่างบางพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือไปมากกว่านี้

“เธอช่วยพูดอะไรที่มันเข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม”

“คุณเธียรไม่เคยให้ความชัดเจน ไม่เคยให้สถานะอะไรปริมเลย พอมีอะไรกันเสร็จก็แยกย้ายทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนที่ผ่านมาคุณเห็นแค่ปริมเป็นเครื่องระบายอารมณ์”

“…..”

“ที่ปริมไม่เคยพูดหรือเรียกร้อง ไม่ใช่ว่าปริมไม่รู้สึกอะไร” หญิงสาวลำคอตีบตัน พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกร้อนผ่าวที่ผุดขึ้นมาในดวงตา มันคงดูน่าสมเพชถ้าเกิดว่าเธอร้องไห้ต่อหน้าเขาในตอนนี้

“หรือเป็นเพราะที่ผ่านมาปริมทำตัวง่ายกับคุณใช่ไหม คุณเลยไม่เคยเห็นค่าของปริมเลยสักนิด”

“ใครมันสั่งมันสอนให้เธอคิดแบบนั้น!”

“ถ้าฝึกงานเสร็จ ปริมสัญญาว่าจะไม่มาให้คุณเห็นหน้ารำคาญใจอีกเลย”

ปึง! เธียรธรรมถอนหายใจหนักเมื่อถูกปาลิดาปิดประตูใส่หน้าอย่างแรงทั้งๆ ที่ยังมีเรื่องค้างคาใจกันอยู่แบบนี้

เขาพยายามระงับสติอารมณ์ แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันจะบานปลายกลายเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน

เขาไม่เคยรู้ตัวเองเลยสักนิด ว่ากำลังละเลยผู้หญิงคนนึงได้มากขนาดนี้ กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อทุกอย่างมันแย่ลงไปแล้ว

-โรงอาหาร-

“วันนี้กินอะไรดี?” สายธารไล่สายตามองร้านอาหารหลายสิบร้านที่มีไว้บริการสำหรับพนักงานในบริษัท

“เราอยากกินสุกี้ ไปกินกันไหม?” ปริมออกความเห็น พวกเธอสองคนมักจะลงมาทานอาหารร่วมกับพนักงานคนอื่นอยู่เป็นประจำ

“เป็นความคิดที่ดีมาก ช่วงนี้ฉันกำลังไดเอทพอดี”

“งั้นไปกินสุกี้กัน”

บรรยากาศเจื้อยแจ้วภายในโรงอาหารจู่ๆ ก็เงียบสงัดลงไป ไม่ได้ยินแม้เสียงที่กำลังพูดคุยกัน

สายธารถึงกลับบางอ้อ เมื่อรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะการมาของท่านประธานอย่างเธียรธรรม พนักงานคนอื่นๆ เลยพากันเกร็งขนาดนี้

“ที่นั่งตรงนี้ว่างพอดี พี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ โดยที่ไม่รอให้เธอบอกอนุญาตเสียก่อน

ปริมก้มหน้าก้มตาทานอาหารของเธอต่อไปเงียบๆ โดยทำเหมือนว่าเขาไม่ได้มีตัวตนในตอนนี้

“พี่มาปรากฏตัวแบบนี้ พนักงานเขาพากันแตกตื่นกันหมดแล้วเนี่ย”

“…..” เธียรธรรมไม่ได้ฟังในสิ่งที่สายธารกำลังพูดเลยสักนิด เขาเอาแต่นั่งมองปาลิดาอยู่แบบนั้น

“แล้ววันนี้พี่คิดยังไงถึงได้ลงมากินข้าวที่โรงอาหาร?”

“ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากมาก็มา”

“งั้นพี่อยู่คุยกับปริมไปก่อนนะ น้องขอตัวไปซื้อน้ำแป๊บนึงเดี๋ยวรีบมา”

สายธารพูดแค่นั้น ก่อนจะรีบเดินออกไป ทิ้งให้พวกเขาสองคนนั่งร่วมอยู่โต๊ะเดียวกัน

“วันนี้หนูกินข้าวกับอะไร ดูท่าทางน่าอร่อยเชียว ให้พี่กินด้วยคนสิ”

พรึ่บ! หญิงสาวหยัดตัวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะถือถาดอาหารเดินมาหากรณ์ที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป

“ขอนั่งด้วยคนนะกรณ์ พอดีนั่งโต๊ะนั้นแล้วกินข้าวไม่อร่อยน่ะ”

“เอ่อ…คุณเธียรจ้องตามปริมใหญ่เลย จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” กรณ์ถามอย่างอึกอักเพราะรู้สึกได้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งบางอย่างต่อกัน

“ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะเรากับคุณเธียรไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“…..” ใบหน้าคมคายขบกรามแน่นเมื่อได้ยินทุกคำที่เธอบอกกับผู้ชายคนอื่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel