บทที่ 12 - เรียกว่าเมีย
ร่างเล็กนอนมองชายหนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวขยับอยู่บนตัวเธอด้วยอารมณ์สุขสม ซึ่งเขาทำมันเป็นรอบที่สามของคืนนี้
ครั้งเดียวสำหรับเขาไม่มีจริง! คุณเธียรน่ะเจ้าเล่ห์จะตายไป
น้ำหวานสีขุ่นที่ถูกปล่อยเข้าไปในช่องทางฉ่ำเยิ้มก่อนหน้านั้น ค่อยๆ ไหลเยิ้มออกมาจนเปรอะเปื้อนไปตามต้นขาขาวเนียน
“มองหน้าพี่ทำไม?” เธียรธรรมก้มมองเรือนร่างอรชรที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างด้วยความหลงใหลไม่แพ้กัน
“ไหนบอกจะทำแค่รอบเดียวไง พี่กำลังโกหกอยู่นะ”
“แล้วมายั่วพี่ก่อนทำไม”
“หนูไปยั่วพี่ตอนไหน”
“ก็เธอจูบพี่ก่อนไม่ใช่อยากโดนพี่เอาหรอกเหรอ?”
“หนูแค่อยากจูบ ไม่ได้อยากให้พี่ทำแบบนี้สักหน่อย”
“แต่พี่ทำไปแล้ว”
“งั้นก็หยุดสิ หนูอยากกลับบ้าน” มือเล็กดันหน้าท้องแกร่งให้ถอยห่างเพื่อให้เขาหยุดการกระทำ
ปัก! ปัก! แต่ไม่ได้ผล เมื่อเธียรธรรมทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันคือกระแทกกระทั้นด้วยจังหวะที่แรงกว่าเดิม
“อ๊าา เบาหน่อยค่ะ” จนคนตัวเล็กเบ้หน้าออกมาด้วยความจุกแน่น เธอพยายามหุบขาเข้าหากัน แต่ก็ถูกเขาจับแยกออกทุกที
“แต่ในร่องของเธอมันตอดพี่ไม่หยุดเลยนะ อย่าให้หยุดแน่เหรอ”
“อื้ออ~ ตรงนั้นมันชาหมดแล้ว พี่อย่าทำแรงสิ”
“ก็เพราะทำแรงไม่ใช่หรือไง เธอถึงได้เสร็จคา…พี่ไปตั้งหลายรอบ”
“ทำไมถึงชอบพูดจาหยาบคายตอนที่เอากับหนู”
“พูดตอนอยู่กับเธอสองคน ไม่ได้พูดต่อหน้าคนอื่น”
“…..”
หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเมื่อเห็นสายตาคู่คมฉายแววความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างชัดเจน สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายยอมจนกว่าเขาจะหยุดไปเอง
-บนรถ-
“พรุ่งนี้ตอนเลิกงาน ให้ลงมารอที่ลานจอดรถ พี่จะพาไปฝังยาคุม”
“…..” หญิงสาวรีบหันไปมองเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น เธอไม่คิดมาก่อนว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกจากปากของเธียรธรรม
“เธอคงไม่อยากท้องตอนนี้หรอกใช่ไหม?”
“…..”
“กินยาบ่อยๆ มันไม่ดีต่อร่างกาย พี่ลองไปหาข้อมูลดูแล้ว ฝังยาคุมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“ปริมไม่คิดมาก่อนว่าพี่จะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย”
“มันเป็นเรื่องที่ควรรู้”
“กับผู้หญิงคนอื่น พี่ทำแบบนี้ไหมคะ?”
“รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา”
คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยเพียงเพราะอยากรู้ว่าเขามองเห็นเธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่เคยผ่านมาไหม
“ตอบปริมมาก่อน ว่ากับคนอื่นพี่เคยทำแบบนี้ไหม?”
“ไม่เคย กับคนอื่นเอาเสร็จก็แยกกันไป”
“…..”
“อย่าคิดมากไม่เข้าเรื่อง อดีตก็คืออดีต เข้าใจหรือเปล่า” เธียรธรรมพูดแทรกขึ้นมาราวกับรู้ทันว่าหญิงสาวกำลังคิดมากเรื่องอะไร
“เข้าใจ”
ชายหนุ่มใช้เวลาขับรถราวๆ สามสิบนาทีก็มาถึงตามสถานที่ที่เธอบอก แต่ช่างน่าแปลกที่ปาลิดาไม่ยอมให้เขาขับรถไปจอดถึงหน้าบ้าน
“พี่จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูเดินเข้าไปเอง”
“แล้วทำไมไม่ให้ไปส่งถึงบ้าน?”
“หนูกลัวพ่อรู้ค่ะ แล้วอีกอย่างที่หน้าบ้านมีกล้องวงจรปิดเพียบเลย ถ้าพี่เข้าไปไม่รอดสายตาของพ่อแน่ๆ”
“พ่อดุมากหรือไง ถึงได้กลัวขนาดนั้น”
“ดุค่ะ แต่ดุแบบมีเหตุผล”
“แล้วที่แอบพ่อมาเอากับพี่นี่มีเหตุผลหรือเปล่า?”
“เหตุผลคือรักไงคะ ถ้าหนูไม่รักพี่ หนูคงไม่ยอมขนาดนี้หรอก”
“…..” หัวใจของเขาแทบจะหลอมละลายด้วยคำพูดแสนหวานของเธอ เธียรธรรมรีบยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติเมื่อเผลอจ้องหน้าเธอนานเกินไป
“ปริมเข้าบ้านก่อนนะ แล้วค่อยเจอกันที่บริษัทค่ะ”
“…..”
“กลับบ้านซะดึกเชียวนะ ใครมาส่งหล่อนมิทราบย่ะ”
ปาลิดาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงของน้องสาวดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าบ้าน
“ตกใจหมดเลยลิน มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อยู่นานพอที่จะเห็นภาพบาดตาบาดใจก็แล้วกัน”
“ภาพบาดตาบาดใจอะไรของลิน” ร่างบางแสร้งทำหน้าตาใสซื่อ ราวกับไม่เข้าใจว่าสิ่งที่น้องพูดมันคือเรื่องอะไร
“นัวกันในรถจนเกือบจะสิงร่างกันซะขนาดนั้น ยังจะกล้ามาถามอีก”
“ละ…ลินเห็นด้วยเหรอ?” ดวงตากลมโตเริ่มฉายแววหวาดหวั่นเพราะกลัวว่าน้องจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ
“เห็นทั้งหมดนั่นแหละ คนนั้นเป็นแฟนปริมเหรอ?”
“ไม่ใช่”
“ที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ชอบมีพิรุธเพราะหายไปอยู่กับเขามาใช่ไหม?”
“อืม”
“ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วเป็นอะไร อย่าบอกนะว่าปริมเป็นเมียน้อยเขาอ่ะ” ปาลินจ้องมองพี่สาวอย่างจับผิด ถ้าเกิดว่าปริมกลายเป็นเมียน้อยขึ้นมาจริงๆ เธอไม่มีวันยอมแน่ๆ
“ไปกันใหญ่แล้ว พี่ไม่ได้เป็นเมียน้อย”
“ถ้าไม่เรียกเป็นแฟน ไม่ได้เป็นเมียน้อยแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาคงให้พี่เป็นได้แค่คู่นอนล่ะมั้ง”
“…..” ปาลินถึงกลับทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินในสิ่งที่พี่บอก แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ปริมก็เดินหายออกไปก่อนแล้ว
-วันต่อมา-
“ซวยตั้งแต่เช้า นี่มันเป็นวันอะไรกันนะ”
“ท่านประธานวีนแตกขนาดนี้ เงินโบนัสเราจะยังเหลือกันไหมพี่”
“พวกแกยังจะหวังเงินโบนัสกันอีกเหรอ ไม่โดนไล่ออกก็ดีขนาดไหนแล้ว”
ปาลิดาเลือกที่นั่งก้มหน้าฟังบทสนทนานั้นแบบเงียบๆ ภายในออฟฟิศดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายตั้งแต่เริ่มงาน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” เมื่อทนต่อความสงสัยไม่ไหว สายธารจึงหันไปกระซิบกระซาบถามหัวหน้าแผนกด้วยความอยากรู้
“ฝ่ายบัญชีทำเงินบริษัทตกหล่นน่ะสิ บอสตรวจสอบเจอพอดี เลยพาลมาวีนใส่หัวหน้าทุกแผนก หัวใจพี่เกือบหยุดเต้นเลยนะ นึกว่าจะถูกไล่ออกยกแผงซะแล้ว”
“มินาล่ะ พี่เธียรถึงได้ทำหน้าเครียดตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว” ในที่สุดก็รู้สาเหตุสักทีว่าเธียรธรรมหัวฟัดหัวเหวี่ยงตั้งแต่เช้าเพราะเรื่องอะไร
“ชงกาแฟไปให้พี่เธียรสิ ถ้าเห็นหน้าแก เขาจะได้อารมณ์ดีขึ้นไง”
“จะบ้าเหรอธาร ขืนเข้าไปตอนนี้พี่เธียรได้โมโหกว่าเดิมแน่ ถ้าเราโดนจับหักคอขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ไม่หรอกน่า พี่เธียรเขาปากร้ายแต่ใจดี ไม่ดุแกหรอก”
“…..”
“รีบไปสิ เข้าไปหาเขาเลย”
ก๊อก~ ก๊อก~ แต่เมื่อทนต่อความรบเร้าไม่ไหว ปาลิดาจึงยอมเป็นฝ่ายมาหาเขาในที่สุด
“เข้ามา”
สิ้นประโยคอนุญาตเธอจึงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อนๆ
“ปริมเอากาแฟมาให้ค่ะ สายธารบอกว่าคุณเธียรชอบกินกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“สีหน้าคุณเธียรดูไม่ค่อยดีเลย เครียดเรื่องงานเหรอคะ?”
“มีเรื่องให้รำคาญนิดหน่อย”
“ปริมพอจะช่วยอะไรคุณเธียรได้ไหม”
“ฉันจัดการเองได้”
“ถ้ามีอะไรให้ปริมช่วย บอกมาได้เลยนะคะ”
“มานั่งตรงนี้สิ” ปาลิดาเดินเข้าหาพร้อมหย่อนตัวนั่งลงตามคำสั่งแต่เขากลับไม่จบแค่นั้นเมื่อเริ่มใช้ริมฝีปากพรมจูบไปตามลำคอจนรู้สึกขนลุก
“คุณเธียรห้ามจูบปริมนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น มันดูไม่ดีค่ะ”
“กลัวคนอื่นรู้หรือไงว่าเป็นเมียฉัน”
“เมื่อกี้คุณเธียรเรียกหนูว่ามะ…เมียเหรอคะ?”
“รีดน้ำฉันออกจนหมดตัวขนาดนั้น ถ้าไม่ให้เรียกเมียแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?”
“…..”
