บทที่ 11 - เหมือนอย่างเคย
“กินขนมไหมปริม?” สายธารยื่นขนมปังให้เพื่อนสนิท พลางไล่สายตาตรวจสอบงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเธอคือน้องสาวเจ้าของบริษัทเลยไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายหรือตอแยพวกเธอสองคน
“ธารกินเลย เราไม่ค่อยหิวน่ะ”
“แล้วเป็นอะไร ฉันเห็นแกนั่งซึมมาทั้งวันแล้วเนี่ย”
“…..”
“คิดถึงพี่เธียรเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย! เรื่องอะไรจะคิดถึงคนใจร้ายแบบนั้น” ปาลิดาเผลอพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว ถึงแม้สายธารจะมองออกแต่เธอก็เลือกที่จะไม่ยอมรับ
“ว่าเขาใจร้ายแล้วไปชอบเขาทำไมย่ะ”
“ถ้ารู้ว่าจะเขาเป็นแบบนี้ก็คงไม่ชอบหรอก ไม่อยากชอบแล้วด้วย” คนตัวเล็กถอนหายใจยาวก่อนจะดึงสติให้กลับมาสนใจงานตรงหน้า
“พูดถึงพี่เธียรก็นึกได้พอดี ไม่รู้ว่าวันหยุดที่ผ่านมาแอบไปนอนค้างที่ไหน ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”
“…..” นัยน์ตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เพราะกลัวจะถูกเพื่อนรักจับได้ว่าคนที่เธียรธรรมแอบมามีความสัมพันธ์ด้วยก็คือเธอ
“ฉันโทรหาตั้งหลายสายกว่าจะยอมรับ แถมยังได้ยินเสียงแปลกๆเหมือนเสียงผู้หญิงด้วยนะ” คนพูดทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก จนเริ่มเกิดความสงสัยว่าเธอคนนั้นเป็นใคร เธียรธรรมถึงได้นอนค้างคืนด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยนอนค้างคืนกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“เสียงคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก”
“…..”
“แต่แกไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะพี่เธียรไม่เคยคิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ฉันรับประกันได้” สายธารหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของปาลิดาที่เปลี่ยนไป เธอแค่กลัวว่าเพื่อนจะเสียใจ
“ยังไงคนที่ฉันจะยอมรับเป็นพี่สะใภ้ก็คือแกคนเดียวนะ”
“…..”
-หลังเลิกงาน-
“วันนี้ให้เราไปส่งไหมปริม?”
หญิงสาวหันกลับไปมองเมื่อเห็นกรณ์วิ่งตามเธอมาถึงลานจอดรถหน้าบริษัท
“ไม่เป็นไรกรณ์ เดี๋ยวหกโมงเย็นน้องก็มารับแล้ว”
“ยังเหลือเวลาตั้งเป็นชั่วโมง ให้เราไปส่งน่ะดีแล้ว”
ร่างเล็กพูดอย่างลังเลเมื่อสายตามองเห็นเธียรธรรมที่ยืนสูบบุหรี่ออกไปไม่ไกล ถ้าให้คิดเขาก็คงกำลังจะเตรียมตัวกลับบ้านด้วยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรจริงๆ พอดีปริมต้องแวะซื้อของอีกนิดหน่อยเลยไม่อยากรบกวน เอาไว้คราวหน้าเราค่อยกลับด้วยกันนะ”
“งั้นเดี๋ยวเราเดินไปส่งขึ้นรถนะ”
“ขอบใจ งั้นไปกัน”
ริมฝีปากหนาพ่นควันบุหรี่จนลอยคละคลุ้งด้วยความรำคาญใจเมื่อปาลิดาเลือกที่จะไปพร้อมกับเด็กหนุ่มฝึกงานด้วยท่าทางสนิทสนมเธอทำราวกับว่าไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้!
เอี๊ยด~ ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นรถซุปเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนตัวมาจอดเทียบกับฟุตบาทตรงที่เธอกับกรณ์ยืนอยู่ มันคือรถของเธียรธรรม เธอจำได้ดี!
“จะไปไหน?”
“กำลังจะกลับบ้านค่ะ”
“ขึ้นรถมาสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวปาลินก็มารับแล้ว” หญิงสาวบอกปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ในบริษัท เขาทำเหมือนว่าเธอกลายเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักกัน
“บอกให้ขึ้นมา!”
เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงหันไปบอกลากรณ์ก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างเบาะคนขับ
“วันนี้คุณเธียรว่างแล้วเหรอคะถึงไปส่งปริมได้”
“อืม” ร่างสูงครางตอบในลำคอ ถึงแม้จะเป็นแค่คำถามธรรมดา แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าเธอกำลังประชดประชัน
-The t Residences-
“นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนิคะ คุณเธียรพาปริมมาที่นี่ทำไม?” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่อเธียรธรรมขับรถเลี้ยวเข้ามาในคอนโด แทนที่จะพาเธอกลับบ้าน
“รีบเก็บของแล้วตามฉันมา”
“ปริมอยากกลับบ้านค่ะ ไม่ได้อยากมาที่นี่”
“อยู่กับฉันก่อนแล้วค่อยกลับ”
“…..”
“ตามมาสิ จะมัวนั่งนิ่งอยู่ทำไม”
“…..” คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าสะพาย แล้วรีบเดินตามหลังชายหนุ่มเข้ามาในคอนโด
“เดินมาหาฉัน”
“…..” ปาลิดาเดินเข้าไปหาร่างสูงที่นั่งรออยู่บนโซฟา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อภาพในอดีตลอยวนเข้ามาในความคิดว่าวันนั้นโดนเขารังแกหนักมากขนาดไหน
“ตรงนั้นหายดีหรือยัง?” เธียรธรรมรั้งเอวบางให้เข้าใกล้ ก่อนจะดึงแขนเธอให้ลงมานั่งบนตักแกร่ง พลางสอดมือเข้าไปลูบไล้ยังกลีบดอกไม้งามผ่านกางเกงชั้นใน
“ยังเจ็บอยู่ค่ะ”
“ถ้าโดนเอาอีกจะทนไหวไหม?”
“คุณเธียรทำเจ็บ ปริมไม่อยากทำแล้ว” ใบหน้าน้อยๆ ส่ายไปมาเพื่อปฏิเสธ ก่อนที่ร่างกายช่วงล่างจะสั่นเกร็งเมื่อเธียรธรรมพยายามสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบที่ปิดสนิท ก่อนจะขยับข้อมือเข้าออกอย่างช้าๆ
“อะ…เอานิ้วออกจากตัวปริมได้แล้วค่ะ”
“ถ้าไม่ให้ฉันเอาบ่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะชิน”
“คุณเธียรอยากนอนกับปริมเหมือนวันนั้นอีกเหรอคะ?”
ปาลิดาถามด้วยความใสซื่อ เพราะเขาไม่ได้แสดงออกมาว่าสนใจเธอเลยสักนิดแล้วทำไมถึงมีอารมณ์ที่อยากจะทำเรื่องแบบนั้น
“ถ้าบอกว่าอยากจะยอมหรือเปล่า?”
“ถ้าคุณเธียรเอาปริมอีก มันต้องมะ…ไหวแน่เลยค่ะ ครั้งที่แล้วก็เกือบเป็นไข้”
“…..” ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าตรงนั้นของเธออาจจะยังไม่หายดี แต่เขาก็หักห้ามใจแทบไม่ไหวเมื่อเห็นสายตาออดอ้อน
“ครั้งที่แล้วปริมต้องนั่งรถแท็กซี่กลับเอง ทั้งๆ ที่ปวดหัว ไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้วค่ะ”
ขอบตาทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าวเมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนั้น เขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องป่วยแต่กลับไม่สนใจใยดีอะไรเลย
“คุณเธียรไม่ได้สนใจปริมเลย”
“วันนั้นฉันติดธุระด่วนจริงๆ เลยไปส่งไม่ได้”
“…..”
“เดี๋ยวหลังจากนี้ ฉันจะเป็นคนไปส่งเธอเอง ตกลงไหม?”
มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่างเมื่อใบหน้าคมคายโน้มลงมาคลอเคลียไปตามลำคอพร้อมพรมจูบเบาๆ จนรู้สึกหวั่นไหว
“ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน คุณเธียรจะไปส่งปริมหรือเปล่าคะ”
“…..”
“หมายความว่าที่คุณเธียรยอมทำดีกับปริม เป็นเพราะหวังแค่เรื่องแบบนั้นใช่ไหม?”
“…..”
“ถ้าคุณเอาหนูจนเบื่อ ก็คงจะเขี่ยหนูทิ้งเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นะ…หนูรู้ตัวดีค่ะ”
มือหนาเลื่อนไปจับปลายคางมนเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ฉันไม่มีวันเบื่อเธอ หยุดคิดอะไรแบบนั้นสักที”
“…..” เมื่อทนต่อไปไม่ไหว จึงปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาในที่สุด ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
“ร้องไห้ทำไม”
“คุณเธียรใจร้าย ปริมไม่อยากรักคุณเธียรเลย!”
“…..”
“ไม่อยากรักคุณเธียรแล้ว”
21 : 00
ปาลิดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาลดไข้ที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นเลยทำให้รู้สึกง่วงจนผล็อยหลับไปบนโซฟาแบบไม่รู้ตัว
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ติดผนังแล้วพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว
“สามทุ่มแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ยอมปลุกหนู” คนตัวเล็กพูดด้วยท่าทางงอแงใส่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้ามาหาจึงปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่
“เห็นเธอกำลังนอนหลับสบายเลยไม่อยากรบกวน”
“หนูต้องกลับบ้านแล้วค่ะ”
“ฉันส่งข้อความบอกพ่อเธอให้แล้ว กลับดึกสักหน่อยคงไม่เป็นไร”
“แล้วพ่อว่าไหมคะ?” ปาลิดารอฟังคำตอบด้วยความรู้สึกกดดัน ถ้าทำตัวเหลวไหลกลับบ้านไม่ตรงเวลาก็อาจจะถูกกักบริเวณเหมือนที่ปาลินชอบโดนอยู่บ่อยครั้ง
“พอบอกว่าอยู่กับสายธารก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“…..” คนที่ได้ฟังถึงกลับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อาจจะเป็นเพราะพ่อรู้ว่าเธียรธรรมคือผู้ปกครองของสายธารเลยไม่ได้คิดสงสัยอะไร
“หิวข้าวหรือเปล่า”
“หิวค่ะ”
“ฉันเห็นว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็น เลยสั่งข้าวมาไว้ให้”
เมื่อเห็นของกินมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเลยทำให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
“สั่งมาให้ปริมทั้งหมดเลยเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย เพราะอาหารหลายอย่างที่เขาสั่งมาคงกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ
“ให้เธอคนเดียว”
“คุณไม่กินเหรอ?”
“ยังไม่หิว”
“งั้นปริมขอกินไก่ทอดทั้งหมดเลยได้ไหม”
“ก็เอาสิ ถ้ากินเสร็จ เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน”
“…..”
“อารมณ์ดีขึ้นมาหรือยัง?”
“…..”
“คราวนี้จะยอมให้ฉันจูบได้หรือยัง?”
“ยอมแล้วค่ะ” สิ้นคำตอบอนุญาต ริมฝีปากหนาประกบจูบลงมาด้วยความดูดดื่มแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงหวานร้องครางด้วยความเคลิบเคลิ้มเมื่อชายหนุ่มค่อยๆ สอดเรียวลิ้นอุ่นเข้ามาในโพรงปากหวานทำให้เธอตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความหลงใหล
“ขอกินข้าวก่อนได้ไหม หนูหิวข้าวค่ะ”
“ทำเสร็จแล้วค่อยกินพร้อมกัน”
“แต่คุณเธียรทำนาน ปริมทนหิวไม่ไหวแน่ๆ”
“ครั้งนี้จะทำแค่รอบเดียว”
