ตอนที่ 2-1 เจอตัวแล้ว
ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรง พนาเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์หลังโตที่ผุดขึ้นมาในไร่ส้ม หลังคาสีแดงจึงตัดกับสีเขียวและสีส้มซึ่งเป็นสีหลักภายในไร่ ตัวคฤหาสน์ปลูกแยกออกมาเป็นสัดส่วนด้วยงบประมาณหลายสิบล้านบาทแต่กลับไม่ค่อยมีใครอยู่
น้องสาวคนสวยของเขากลับมาพักที่บ้านได้สองวันก็เข้าไปในเมืองแต่เช้า ผู้หญิงคงไม่พ้นหนีเข้าไปทำสวย มีน้องสาวคนเดียวแล้วยังไม่ชอบงานไร่ ฝ่ายนั้นชอบทำงานบริการเพราะมีความฝันอยากเป็นนางฟ้ามาตั้งแต่เด็ก แต่เขาชอบล้อเธอ บอกว่าเป็นขี้ข้าบนเครื่องบินมากกว่า พอพูดคำนั้นออกไปก็จะถูกคนเป็นน้องสาวมองด้วยหางตาถากถาง แล้วไล่ให้ไปผ่าหมาออกจากปากซะ
ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ออร์เดอร์เข้ามามากเป็นพิเศษ ที่พักก็ถูกจองเต็มล่วงหน้า
ใบหน้าเคร่งเครียดกำลังจับพวงส้มที่เริ่มแก่จัด “งานยุ่งฉิบ_ ยังมาลาหยุดพร้อมกัน มันน่า...”
ชายหนุ่มเจ้าของไร่ส่ายหน้าขณะกำลังจัดการกับการคัดแยกส้มอย่างไรให้รวดเร็วทันใจลูกค้ามากกว่าเดิม เพราะส้มโชกุนที่นี่มีทั้งส่วนที่คัดเพื่อส่งขายยังต่างประเทศและในประเทศ เขาตัดสินใจสั่งเครื่องคัดแยกส้มเพิ่มอีก หลังคนงานเปรยมาแล้วว่าผลผลิตและออร์เดอร์ในปีนี้มากเกินกำลัง ลำพังแค่แรงคนคงจะทำงานยาก
หลังจากตัดสินใจดีแล้ว ร่างสูงกำยำที่มีความหล่อเหลาแบบดิบเถื่อนอยู่เป็นทุน มีคำพูดลุ่นๆ เป็นสไตล์ไม่มีใครลอกเลียนแบบไปได้ แต่ถ้าเรื่องน้ำใจแล้ว พ่อเลี้ยงพนาก็ไม่เป็นสองรองใคร ใจคอกว้างขวางจนเป็นที่ยอมรับในหมู่คนงาน
“วันนี้ไอ้ชาญมันไม่มาครับ พ่อเลี้ยง”
พนาหันไปพยักหน้าให้กับคนงาน แล้วเหยียดริมฝีปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย แค่นี้ก็หล่อขึ้นเป็นกอง “ไอ้ชาญโทร.มา มันบอกแล้วว่าจะพาเมียใหม่ไปหย่ากับผัวเก่า ฉันเลยอนุญาตให้มันพาเมียมันไปอำเภอ หย่ากับผัวเก่าให้เสร็จๆ ซะ วันนี้คนงานขาดหลายคน เหนื่อยกันหน่อยนะพวกเรา เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะเลี้ยงหมูกระทะก็แล้วกัน”
เสียงของคนงานหลายสิบคนเฮดังลั่น พวกเขาเหนื่อยแต่ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ เพราะทำงานด้วยความสุขใจ
ความเงียบเข้าครอบคลุม พนากำลังคิดแผนงานจัดสรรคนงานไปคัดแยกส้มส่วนหนึ่ง ส่วนคนที่เหลือจะให้ไปเก็บส้มที่ไร่ทางซ้ายติดเชิงเขา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะ หน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าโชว์ชื่อคนคุ้นเคย คนโทร.มาคือพ่อเลี้ยงเหมราช เพื่อนซี้ของเขาเอง แต่ช่วงนี้เขายี้ขี้หน้ามันหนักเพราะเพื่อนรักเลิกติดเหล้า ห่างหายไปไม่ค่อยมาเมาหัวทิ่มด้วยกันแล้วหันไปติดเมียแทน
“ไอ้เหม มึงโทร.มาหากูทำไม จำได้ด้วยเหรอว่ามีกูเป็นเพื่อน”
“มึงงอน ว่างั้น?”
“กูเปล่างอน หรือมึงเบื่อจะนอนกับเมียมึงแล้วเลยคิดถึงกู”
“ไอ้พนา มึงนี่กวนไม่เลิก กูบอกแล้วไง ห้ามแกล้งกูแบบนี้ เดี๋ยวใครได้ยินหาว่ากูกับมึงเป็นคู่เกย์กันอีก กูขี้เกียจแก้ข่าว”
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนยาวพับแขนกับกางเกงยีนส์ตัวเก่าแต่ราคาเหยียบหลักหมื่นแหงนมองท้องฟ้าในวันอากาศสดชื่น แล้วระเบิดเสียงหัวเราะ “เออ งั้นมึงว่าเรื่องของมึงมา โทร.หากูทำไม”
“กูมีเรื่องให้มึงช่วย”
“ช่วยอะไรวะ ช่วยไปชวนมึงกินเหล้า ได้เลย กูมีบรั่นดีอยู่หลายขวด อยากจะเปิดพอดี”
“เมียกูกำลังท้องอ่อนๆ กูงดเหล้ายาวจนเมียคลอด”
“ไอ้คนดี” พนาแดกดันไม่จริงจังนัก “ชวนแดกเหล้าก็ไม่แดก แล้วยังหน้าด้านมาขอความช่วยเหลือ มึงจะให้กูช่วยอะไร”
เพราะเหมราชต้องพาลูกและเมียไปพักผ่อนยาวๆ ที่ต่างประเทศ แต่แปลงสตรอว์เบอรี่ในอำเภอสะเมิง ไร่แห่งใหม่ที่เขากับพนาทำธุรกิจร่วมกัน ช่างเพิ่งโทร.มาบอกว่าตัวที่พักเรียบร้อยดีแล้ว อยากจะให้เข้าไปดูรายละเอียดก่อนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักจริง เขารู้ พนามันยุ่งมากแต่ก็มองไม่เห็นใครจะช่วยจัดการได้
น้ำเสียงของเพื่อนรักดูกระวนกระวายว้าวุ่นใจ พนาจึงเอ่ยรับปากยิ้มๆ “เออ มึงไปเที่ยวกับลูกกับเมียมึงให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องห่วงที่นั่น เดี๋ยวกูเข้าไปดูช่างเก็บรายละเอียดเอง”
“เออ กูขอบใจมึงมากไอ้พนา เดี๋ยวตอนกูกลับจะซื้อตุ๊กตายางกลับมาฝากมึง”
“ไอ้เหม กวนตีนกูแล้ว คนอย่างกูต้องใช้หรือไง มีที่ดิ้นได้ให้เล่นอยู่ทุกคืน” สองเพื่อนรักคุยกันด้วยภาษาคนสนิท แต่ในที่สุดพ่อเลี้ยงพนาก็ได้งานเพิ่ม ตอนนี้เขาต้องดูงานที่ไร่ส้มซึ่งยุ่งเอาการและต้องปลีกเวลาไปดูงานที่ไร่สตรอว์เบอรี่ที่เตรียมจะเปิดเร็วๆ นี้
ด้วยงานที่รัดตัวที่พูดไปเมื่อครู่ว่ามีของดิ้นได้มาเป็นเพื่อนเล่นทุกคืนเขาก็แค่บลัฟไอ้เหม เช้าทำงานไร่ สายๆ เข้าออฟฟิศ เย็นมาไล่เช็กผลผลิตว่าวันต่อไปจะเริ่มให้เก็บผลส้มที่โซนไหนได้บ้าง แล้วจะเอาเวลาไหนไปหาของเล่น พอดีกับสายตาของเขาหันไปเห็นลุงชมคนขับรถ วันนี้แกเดินราวกับคนหมดแรง คิ้วหนาเข้มเลิกสูงขึ้นด้วยความสงสั้ย
“อ้าวลุง เดินยังกับคนหมดแรง เป็นอะไรไป แล้วจะไปไหน”
“คุณออมหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ เขาวานผมให้ไปรับพนักงานจัดซื้อคนใหม่ครับเห็นว่ามาไกลจากกรุงเทพฯ”
มองท่าทางของนายชมแล้ว พนาหยุดคิดแล้วพูดขึ้น “ผมกำลังเข้าเมือง เอาอย่างนี้ ลุงกลับบ้านไปพักเถอะ เดี๋ยวจะแวะรับให้เอง”
ลุงชมรีบส่ายหน้าหวือ “ไม่ได้หรอกครับพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเป็นถึงเจ้าของไร่ ไม่ใช่คนขับ จะขับรถไปรับพนักงานได้ยังไง”
พนาโคลงศีรษะแล้วยิ้ม “เป็นพ่อเลี้ยง เป็นเจ้าของไร่ แล้วขับรถไม่เป็นหรือไง ว่าแต่...ทำไมช่างเป็นพนักงานกิตติมศักดิ์เหลือเกิน มาเครื่องบิน แล้วยังต้องส่งคนขับไปรับ ฉันชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ”
ช่วงที่ผ่านมา เขายุ่งมาก โดยปกติแล้ว หากเป็นพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน เขาจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจคัดเลือก แต่ด้วยงานที่ยุ่งเหยิง การรับพนักงานจัดซื้อคนใหม่ เขาให้หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อคัดสรรเอง แต่ย้ำเน้นให้ดูให้ดี เขาไม่อยากแจ้งความจับพนักงานของตัวเองเข้าคุกอีก เพราะฝ่ายจัดซื้อเป็นฝ่ายที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตได้ง่าย
“แล้วคนที่หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเขาให้ลุงไปรับชื่ออะไร”
