บท
ตั้งค่า

ไม่อยากแต่ง

4

ไม่อยากแต่ง

บุรุษหนุ่มอายุเกือบยี่สิบรีบวิ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากว่าอยากกินแป้งย่างมีหรือบุตรชายแสนดีเช่นเขาจะไม่ตามใจ มู่โมโฉวรีบออกไปตลาดเพื่อซื้อแป้งย่าง ก่อนหน้านี้มารดาเขายังคงแข็งแรงดีจนกระทั่งได้รับรู้ว่าสหายสนิทเพียงคนเดียวตายในกองเพลิงไปแล้ว หลังจากนั้นมู่หยางซื่อจึงล้มป่วย เจ็บปวดอยู่เสมอ ต้องลมนานก็พาลจะป่วยไข้

หมอทั่วทุกสารทิศได้มาทำการรักษาแต่นางก็ไม่ดีขึ้นเลย ผู้เป็นบุตรจะทนเห็นมารดาทุกข์ทรมานได้อย่างไร เช่นนี้เขาจึงเข้าป่าตามหาหมอเทวดาตั้งใจพามารักษามารดา

“ลูกแม่เจ้าไปไหนมาหรือ เหตุใดจึงนานเพียงนี้”

“ท่านแม่ข้าออกไปซื้อแป้งย่างให้ท่านแม่อย่างไรเล่า ท่านแม่ลองกินเถิดดีหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขานั่งลงข้างเตียงผู้เป็นมารดายื่นแป้งย่างแผ่นสุดท้ายให้ อย่างที่เนี่ยนเจินกล่าวหากเขาไปช้ากว่านี้ทั้งตลาดก็คงไม่เหลือแป้งย่างแล้วสักร้าน

จะกล่าวให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมคุ้นจมูกล่อตาลวงใจต่างหาก กลิ่นหอมที่คงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ใช้อีกแล้ว แต่เขากลับจดจำใบหน้าเจ้าของกลิ่นนี้ได้ชัดเจน จึงได้เผลอเดินตามนางไปจนถึงนอกตรอกการค้า

“เช่นนั้นหรือ งั้นแม่ขอลองชิมเสียหน่อยว่าใช่รสชาติที่คุ้นเคยหรือไม่” มู่หยางซื่อตอบบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียแต่แฝงด้วยความอ่อนโยน ไม่รู้ตนเองจะอยู่กับบุตรชายได้อีกนานเพียงใด ยังไม่ทันได้เห็นงานแต่งก็คงต้องจากไปเสียแล้วกระมัง

นางรับแป้งย่างมาจากมือบุตรชายกัดไปคำหนึ่ง พลันนึกถึงสหายสนิทผู้ที่เคยแบ่งแป้งย่างให้กันยามลำบากในครานั้น ดวงตาสั่นระริก หันไปยิ้มให้บุตรชายมองไปนอกประตูห้อง ผู้เป็นสามีเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเจื่อความเสียใจ มู่ชิงอีเองก็ใช้เส้นสายไม่รู้เท่าไรเพื่อพาหมอมายังตระกูล มีเงินมีอำนาจแต่ภรรยากลับไม่มีความสุข เช่นนี้บุตรชายคนเดียวจึงยังมิได้ออกเรือน

นางอยากเห็นบุตรชายออกเรือนกับคนที่รัก แต่ตระกูลมู่กลับมีสัญญาหมั้นหมายกับตระกลูสวี่จากจักรพรรดิองค์ก่อน ด้วยผู้เป็นภรรยาเจ็บไข้อยู่บ่อยครั้ง มู่ชิงอีจึงมิกล้าบังคับบุตรชายออกเรือนเกรงภรรยาจะตรอมใจจากไป

“ท่านพี่มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ” มู่หยางซื่อเอ่ยถามสามีทั้งยังทำท่าจะลุกยืน เขารีบปรี่เข้ามาหยุดภรรยาเอาไว้มิให้ลุกยืน นั่งลงบนเตียงข้าง ๆ นาง มู่โม่โฉวจึงลุกไปยืนข้างเตียงแทน

“ข้ามาดูเจ้าเท่านั้น มิได้มีสิ่งใด เจ้าเล่ามากวนอันใดแม่เจ้า”

“โธ่ ท่านพ่อข้าเป็นบุตรมาหาแม่ตนเองจะเรียกว่ากวนได้อย่างไร มีแต่ท่านพ่อกระมังที่ชอบเอาเรื่องปวดหัวมากวนท่านแม่ของข้า” มู่โม่โฉวเอ่ยเย้าบิดาทีเล่นทีจริงแม้จะจริงมากกว่า กล่าวจบก็เบนหน้ามองประตูหน้าต่างทำไม่รู้ไม่ชี้ มู่ชิงอีนึกอยากลุกขึ้นไล่ตีบุตรชายสักทีแต่พอเห็นภรรยายิ้มให้ท่าทางกวน ๆ ของลูกชายจึงปล่อยผ่านไป ถึงอย่างไรลูกก็ไม่ค่อยเคารพพูดจาดี ๆ กับเขาอยู่แล้ว

ไม่รู้ว่าเลี้ยงกันดีไปหรือไม่ ลูกชายตัวดีจึงมีนิสัยไม่เอาจริงเอาจังเช่นนี้

“อายุจนป่านนี้แล้ว ไม่คิดจะแต่งงานบ้างหรืออย่างไร” บุรุษรูปร่างสูงท้วมหันไปถามบุตรชาย ตั้งใจตะล้อมให้มู่โม่โฉวตกลงปลงใจแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลสวี่เสียที ถึงอย่างไรตระกูลก็ต้องมีผู้สืบสกุลต่อไป แม้จะผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน

“ท่านพ่อเลิกกล่อมข้าเสียทีเถิด ข้าไม่อยากแต่งกับนาง”

“นางงดงาม มีชาติตระกูลที่สุดในบรรดาคุณหนูสูงศักดิ์ในเมืองแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก เหตุใดไม่ชอบนาง ไม่ไปหาสู่กับนางรู้ได้อย่างไรว่านางไม่ใช่ผู้ที่เจ้าตามหา”

“เอาเป็นว่าข้าไม่ชอบนาง ไม่อยากแต่ง นางมีสิ่งที่ข้าไม่ชอบ แต่ท่านพ่อไม่ต้องรู้หรอกว่ามันคือสิ่งใด หากท่านพ่อยังบังคับข้า ข้าจะหนีไปบวช”

“ไอ้เด็กคนนี้”

“ท่านพี่ อย่าได้โมโหไปเลย โฉวเอ๋อร์ถูกข้าตามใจมาแต่เล็ก หากอยากจะโทษเช่นนั้นโทษข้าเถิด” นางออกรับแทนถึงเพียงนี้คนรักภรรยาจะกล้าเอาเรื่องได้อย่างไรกัน มู่ชิงอีหันไปทำสีหน้าโมโหใส่บุตรชาย ชี้นิ้วคาดโทษเขา ไว้ลับหลังภรรยาเขาจะมาเอาเรื่องทีหลัง เป็นอันรู้กันสองคน

“ท่านพ่อ ข้าอยากออกไปตามหาหมอเทวดาอีก” มู่โม่โฉวกล่าวกับบิดาหลังพามารดาเข้านอน จึงพากันไปยังห้องหนังสือ อย่างไรเขาก็ต้องหาหมอเทวดาผู้นั้นให้เจอ แม้จะตามหาหมอมารักษาเกือบแปดปีแล้ว

“ไปเจอโจรป่ายังไม่เข็ดหรืออย่างไร เจ้าไม่ต้องออกไปเอง คนงานมีเยอะแยะ” มู่ชิงอีก็คิดเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดหมดหวังเรื่องภรรยาตามหาหมอทั่วทุกสารทิศมารักษา แต่อย่างไรเสียมู่โม่โฉวก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว หากออกไปแล้วมีอันตรายเขาจะอยู่สู้หน้าบรรพบุรุษกับภรรยาเช่นไร

“ท่านพ่อส่งไปกี่หน ไม่เคยได้ข่าวใดเลย หลังบาดเจ็บครานี้ข้าได้รู้เรื่องบางอย่างมา ข้ามั่นใจว่าจะหาหมอเทวดาได้”

“เจ้ารู้สิ่งใดมา”

“ข้ายังบอกท่านพ่อไม่ได้ ให้ข้าแน่ใจแล้วจะบอกท่าน”

“เจ้าหรือข้ากันที่เป็นพ่อ”

“ข้าจะกล้าเป็นพ่อท่านได้อย่างไร พักผ่อนเถอะ ข้าเพียงมาบอกเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจขออนุญาต ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าไปล่ะ” พูดจนจบก็ลุกออกไปท่ามกลางความมึนงงของบิดา นี่เขาเลี้ยงบุตรชายให้กลายเป็นเทวดาใช่หรือไม่ มู่ชิงอีส่ายหน้าจนใจหันไปเทชาดื่มดับความโกรธเมื่อครู่

“เนี่ยนเจิน พรุ่งนี้ไปดื่มสุรากันดีหรือไม่”

“หากคุณชายอยากดื่มสุรา ข้าจะไปนำมาให้” เนี่ยนเจินบ่าวแสนซื่อถามด้วยความงุนงง คุณชายของเขานานทีจะอยากดื่มสุราขึ้นมา นอกจากอยากดื่มสุรายังอยากออกไปหอสุราที่ไม่ชอบไป

ตั้งแต่รับใช้คุณชายมู่มาเขาไม่เคยเห็นผู้เป็นเจ้านายย่างกรายเข้าหอสุรา หอนางโลมเลยสักครั้งเดียว แต่กลับถูกผู้คนภายนอกเล่าลือกันว่าเป็นคนไม่เอาไหน เกเรไม่สนผู้ใด ทั้งยังชอบดื่มเหล้าเมาสุรา ชื่อเสียงย่ำแย่ที่สุดในบรรดาคุณชาย

“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ” มู่โม่โฉวพึมพำบ่าวรับใช้คนสนิท ซื่อจนบางคราเขาก็หงุดหงิดเช่นกัน แต่เจ้าเด็กเนี่ยนเจินนี่ทั้งซื่อสัตย์และต่อสู้เก่ง เขาใช้เวลาอยู่ในคฤหาสน์เพื่อฝึกกระบี่จากเจ้าเด็กคนนี้ ตนเองไม่เคยสนใจดาบกระบี่มาก่อน แต่หลังจากมารดาล้มป่วยก็ขอร้องให้เขาฝึกกระบี่ไว้ มารดาขอร้องเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

ว่าจบก็เอามือไพล่หลังเดินหนีไป ทิ้งให้บ่าวคนสนิทยืนงงอยู่คนเดียว เนี่ยนเจินวิ่งตามสีหน้าตื่น

“คุณชายรอข้าด้วยขอรับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel