สตรีน่ารังเกียจ
5
สตรีน่ารังเกียจ
“ถึงเวลาข้าต้องไปให้ผู้อื่นเล่าลือเสียบ้าง” หญิงสาวกล่าวขณะนั่งหวีผมอยู่หน้าคันฉ่องทองเหลืองบานใหญ่ เตรียมตัวออกไปข้างนอกครั้งแรกในฐานะคณิกาแห่งหอสุราเพื่อให้ผู้คนได้ร่ำลือกันถึงความงดงามของหญิงงามอันดับหนึ่ง
หากชื่อเสียงยิ่งลือไกล ผู้คนจะยิ่งมาร่วมประมูลเช่นนั้นผู้ที่นางอยากให้รับรู้จึงจะรีบหานางในเร็ววัน
“พี่ลี่อินจะไปที่ใดเจ้าคะ”
“ไปซื้อผ้าสักพับสองพับ ไปกันเถอะ” นางปักปิ่นดอกท้อที่มวยผม เอื้อมมือไปหยิบผ้าปิดหน้าผืนบางมาคล้องหูสองข้าง ปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งจากนั้นจึงเดินนำผิงผิงออกจากห้องไป
“นั่นใช่แม่นางลี่อินหรือไม่”
“เห็นเพียงครึ่งหน้ายังงดงามถึงเพียงนี้”
“นางออกจากหอครั้งแรกใช่หรือไม่” ผู้คนภายนอกต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยเรื่องนาง นางไม่เคยออกจากหอสุรามาก่อน ซ้ำยังน้อยคนนักจะได้เห็นหน้านางชัด ๆ ข่าวนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ตลอดทางในตรอกการค้าคึกคัก ผู้คนพากันหลีกทางหันมองเหลียวหลัง บุรุษบางคนเดินตามอย่างไม่รู้ตัว สตรีบางคนเดิมตามเพราะกลิ่นหอมเฉพาะตัวของนาง
ไม่ช้านางกับผิงผิงก็เดินมาจนถึงร้านขายผ้าร้านใหญ่ที่สุดในตรอก และเป็นร้านค้าตระกูลมู่ ผู้ดูแลรีบเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นผู้คนมากมายอยู่หน้าร้าน พอออกมาจึงพบกับสตรีในอาภรณ์สีเขียวอ่อนพริ้วตามลม ปักลายดอกท้อเข้าคู่กับปิ่นที่มวยผมด้านบน ครึ่งล่างผมดำเงาแผ่สยายรับรูปหน้าเรียว แม้จะปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งกลับมิอาจบดบังความงดงามนางได้เลย
“แม่นาง เชิญด้านในก่อน” เถ้าแก่ผู้ดูแลปรี่เข้ามาเชื้อเชิญให้นางเข้าไปดูผ้าในร้าน หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นจึงเดินเข้าไปในร้าน ทุกย่างก้าวล้วนถูกผู้คนจับตามอง
นางใช้มือขวาลูบไปบนพับผ้าสีชมพูอ่อน ผ้าพับนี้งดงามอย่างยิ่งมิใช่ผ้าที่หาได้ง่ายเลย
“พี่ลี่อิน ผ้าพับนี้งดงามเข้ากับผิวขาวราวหิมะของพี่ลี่อินมากนัก” ผิงผิงยิ้มแย้มบอกกับพี่สาวบุตรธรรมของตนเอง ผ้าพับนี้ปักลายดอกอิงฮวาสีชมพูดเข้มในเมืองนี้จะมีหญิงใดงดงามเพียงพอตัดผ้าผืนนี้คลุมกายได้เหมาะเท่าพี่ลี่อินของนางอีก
“หากเจ้าว่าเหมาะ เช่นนั้นข้าเอาพับนี้ เถ้าแก่จัดไว้ให้ข้าได้หรือไม่”
“ได้เลยแม่นาง ช่างตาถึงยิ่งนักผ้าพับนี้ได้มาจากทางใต้ ปักเย็บอย่างปราณีตในเมืองนี้มีเพียงพับเดียว” เถ้าแก่ผู้ดูแลรีบเรียกคนงานในร้านมานำผ้าไปจัดให้สตรีตรงหน้า เมื่อคนงานยกผ้าขึ้นก็มีเสียงเรียกรั้งไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวเถ้าแก่ ข้าอยากได้ผ้าพับนี้จัดผ้าพับกับอีกสี่ห้าพับตรงนั้นส่งให้ข้าที่จวนด้วย” สตรีรูปร่างบอบบาง หน้าตาหมดจด งดงามจนหาบุตรสาวตระกูลผู้ดีเทียบเคียงยากนัก สีหน้าไม่เป็นมิตรกับผู้ใด ท่าทีหยิ่งทรนงช่างสมกับที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านโหวตระกูลสวี่
นางกล่าวกับเถ้าแก่ผ็ดูแลร้านเสียงแข็งไม่มีทีท่าสุภาพอ่อนโยน ถือตัวว่าตนเองเป็นบุตรสาวผู้สูงศักดิ์จึงไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา นางเป็นที่รู้จักกันดีว่าเอาแต่ใจตนเอง อยากได้สิ่งใดต้องได้ มีเพียงอย่างเดียวที่นางยังมิอาจครอบครอง
“คุณหนูสวี่ ผ้าพับนี้แม่นางผู้นี้ได้ตกลงซื้อขายกับร้านข้าแล้ว หากคุณหนูอยากได้เกรงว่าจะต้องรออีกครึ่งเดือนผ้าจึงมาถึง”
“ข้าต้องการผ้าพับนี้ ตอนนี้ ลองดูเถิดหากไม่ขายให้ข้าร้านเจ้าจะเป็นเช่นไร” วาจาของนางช่างหยาบกระด้างราวกับฤดูแล้งที่ไม่มีฝน ผู้คนด้านนอกจับกลุ่มนินทากิริยาเอาแต่ใจของนาง แต่เมื่อดวงตาคมเหลือบมองก็พากันเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยขัดขึ้นอีกจึงเงียบรอฟังว่าคนถูกแย่งชิงจะว่ากล่าวอย่างไร
“เช่นนั้นคุณหนูสวี่งคงต้องขอซื้อจากแม่นางลี่อิน”
“ให้ข้าซื้อจากสตรีน่ารังเกียจเช่นนี้ เจ้าดูถูกข้าหรือเถ้าแก่”
“มิกล้า ๆ” เถ้าแก่ยกมือมาประสานกันขออภัยที่กล่าวคำพูดไม่คิดให้คุณหนูสวี่ขุ่นเคืองใจ อย่างไรเสียนางก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายคุณชายมู่มาหลายปี เถ้าแก่จึงยังต้องไหวหน้านางอยู่บ้าง
“คุณหนูสวี่อย่าแย่งชิงกับคณิกาต่ำต้อยเช่นข้าเลย หากท่านชอบก็เอาไปเถิด แย่งชิงกับข้าอยู่เช่นนี้จะเสียเกียรติตระกูลสวี่” ลี่อินขยับตัวหันไปมองคุณหนูผู้เย่อหยิ่ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มิได้มีท่าทีโกรธแค้นแต่อย่างใด ยิ่งนางเจียมเนื้อเจียมตัวเพียงใดคุณหนูสวี่ผู้นี้กลับยิ่งดูไม่น่าเข้าใกล้ คนมากมายยิ่งเข้าใจว่าเหตุใดตระกูลจึงยังไม่แต่งนางเข้าเรือนเสียที
“หากรู้ว่าตนเองต่ำต้อยยังเสนอหน้ามาทำไม”
“ข้าเพียงอยากออกมาหาซื้อผ้าสักพับเท่านั้น มิทราบว่าจะทำให้คุณหนูขุ่นเคืองเช่นนี้”
“รู้แล้วรีบไปเสีย หายใจร่วมกับเจ้า ข้าสะอิดสะเอียนนัก”
“หากเป็นเช่นนั้นลี่อินขออภัยคุณหนูสวี่ ลี่อินขอตัวก่อน รบกวนเถ้าแก่แล้ว ขออภัยเถ้าแก่ด้วย” นางกล่าวจบก็หันกลับไปทางประตูร้าน หมายจะเดินออกไป หากไม่บังเอิญได้ยินเสียงคนอีกผู้หนึ่งนางคงก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้ว
“แม่นาง เชิญเลือกได้ตามใจเลย ร้านข้าไม่มีกฎไล่ผู้ซื้อ ซื้อก่อนย่อมได้ก่อน เถ้าแก่ผ้าพับนั้นให้แม่นางผู้นี้เถิด”
“คุณชายมู่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“คุณหนูสวี่ ตระกูลข้าค้าขายหากเจ้าไล่ผู้ซื้อของข้าทุกร้าน ตระกูลข้ามิล่มจมหรอกหรือ” มู่โม่โฉวยืนฟังทั้งสองอยู่นาน พอเห็นผู้มีบุญคุณถูกไล่อย่างไร้เกียรติเช่นนี้จึงอดทนไม่ไหวต้องออกหน้าให้นาง
คุณหนูสวี่มีท่าทางไม่พอใจที่คู่หมั้นคู่หมายผู้นี้เข้าข้างคณิกาชั้นต่ำตรงหน้า ทั้งที่เขามิเคยพูดจากับนางเลย ใบหน้างดงามบูดบึ้ง คิ้วเรียวขมวดหากันจนแน่น
ผู้คนภายนอกมุงดูการสนทนาในร้านอย่างตั้งใจ คุณชายมู่เองก็ไม่ค่อยออกมาแสดงตัวเช่นนี้ จนมีเสียงเล่าลือว่าเป็นบุรุษรูปไม่งาม ครานี้ผู้คนเห็นกันทั่วเมืองว่าเขารูปงามเพียงใด เหตุการณ์วันนี้อีกไม่นานคงลือไปทั่วเมืองและคงลือกันไปอีกนาน
