ความลับของหญิงงาน
3
ความลับของหญิงงาม
นางใช้เวลาอยู่บนเขาสามวันจึงนั่งรถม้าลงจากเขา นอกจากเรียนวิชาแพทย์นางยังใช้เวลาฝึกการใช้อาวุธจากลุงจางในทุก ๆ เดือน พอครบวันก็ลงเขากลับหอสุรา หญิงสาวในหอสุราล้วนสงสัยที่นางทำแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถาม
ลี่อินถอดหมวกมีผ้าคลุมออกเมื่อกลับถึงห้องพักตนเองในหอสุรา ผิงผิงรีบเข้ามารินชาอุ่น ๆ ให้ นางนั่งลงหยิบจอกชาขึ้นมาจรดริมฝีปากบางสีเดียวกับผลอิงเถา พักหายเหนื่อยครู่หนึ่งจึงถามเรื่องบุตรชายตระกูลสวี่ผู้นั้น
“คุณชายสวี่ได้มาหาข้าหรือไม่ผิงผิง”
“มาเจ้าค่ะพี่ลี่อิน ผิงผิงบอกคุณชายสวี่แล้วว่าพี่ลี่อินไม่พบผู้ใดหลังการประมูลเกรงคนจะกล่าวเล่าลื่อ โชคดีคุณชายมิได้ดึงดั้นเช่นผู้อื่นจึงกลับไป คุณชายยังกล่าวว่าเดือนหน้าจะมาพบพี่ลี่อินอีกครา” นางได้ฟังก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบ ทุกอย่างเป็นตามที่นางคาดไว้ อีกไม่นานนางจะต้องได้เข้าไปในตระกูลสวี่อย่างแน่นอน
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะรอ แต่วันนี้เจ้าเตรียมตัวหรือยัง”
“ผิงผิง เก็บข้าวของเรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ รอพี่ลี่อินหายเหนื่อยเราก็ไปกันได้เลย” ลี่อินพยักหน้าให้ หันไปหยิบของสำคัญพร้อมเงินจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้าที่ผิงผิงเป็นผู้เตรียม หลังกลับจากวัดบนเขานางต้องไปแถบนอกเมืองเพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยยากไร้ทุกเดือน ยิ่งอากาศหนาวเช่นนี้ ทั้งขอทาน คนไร้บ้าน ผู้อพยพต่างกันป่วยไม่มีเงินรักษา แม้แต่ข้าวปลาอาหารจะกินยิ่งไม่มี
ถึงจะรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยจากการเดินทางหลายสิบลี้ เมื่อนึกได้ว่าคนพวกนั้นลำบากเพียงใด นางจึงมีแรงไปช่วย อีกทั้งตนเองยังได้ชื่อว่าหมออีก หากเมินเฉยเกรงจะทำผิดศีลธรรมในใจตน
“งั้นไปเถิด ช้ากว่านี้จะมืดกันเสียก่อน” หนึ่งเค่อผ่านไปนางเรียกผิงผิง หยิบห่อผ้าและหมวกคลุมหน้ามาสวม เดินออกจากห้องพักไปทางประตูด้านข้างของหอสุรา ยามออกไปข้างนอกนางไม่เคยใช้ประตูหน้า กลัวว่าจะมีผู้ใดจำกลิ่นหอมน้ำมันกุหลาบขาวผสมอิงฮวา กลิ่นประจำตัวที่นางทำขึ้นเอง ชาวบ้านทั่วไปคงจำกันไม่ได้ น้อยคนจะได้เจอนางใกล้จนได้กลิ่นหอมนี้ แต่หากออกทางประตูผลคงต่างกัน
เวลาหนึ่งก้านธูปหญิงสาวทั้งสองจึงเดินมาถึงเรือนไม้เก่านอกเมือง มีผู้คนรออยู่ไม่น้อยเลย คนเร่ร่อน ขอทานต่างพากันบอกปากต่อปากว่าที่นี่ในช่วงนี้ของเดือนจะมีหมอหญิงมาคอยรักษาทั้งยังเลี้ยงโจ๊กคนไม่มีที่ไปวันละมื้อ ทำให้มีคนมารอตั้งแต่เช้า ทั้งเด็กเล็ก หญิงชาย ผู้ชรา นางรักษาโดยไม่แบ่งแยก ให้อาหารทุกคนไม่มีข้อแม้ แต่ยามรักษานางใส่ผ้าคลุมหน้าไว้จึงไม่มีใครเคยเห็นหน้านาง มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนติดจมูกนี้เท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นนาง
“ผู้ใดมาหาหมอต่อแถวทางนี้ ผู้ใดหิวมาทางนี้ได้เลย” ผิงผิงพูดเสียงดังให้ผู้คนหน้าเรือนได้ยิน ผู้คนที่นั่งอยู่พากันขยับตัวไปคนละทาง ผู้ใดหิวก็ไปต่อแถวรอโจ๊ก ผู้ใดป่วยก็มายืนเข้าแถวรอตรวจกับหมอหญิง ท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของบุรุษสองคนที่ยืนแอบดูอยู่หน้าเรือน เขาเดินตามนางตั้งแต่กลางตรอกจนถึงเรือนไม้เก่านี้ โดยนางไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“ท่านยายนั่งเถอะ ท่านเป็นสิ่งใดมาหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามหญิงชราสวมเสื้อผ้าเก่า เนื้อตัวมอมแมม ที่ยืนอยู่ตรงหน้า หญิงชราค่อย ๆ เลิกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย หมอหญิงจึงเห็นรอยแผลเปรอะเลือดหลบอยู่ข้างใน
“ท่านยายไปทำสิ่งใดมาเหตุใดจึงปล่อยให้เป็นหนักถึงเพียงนี้” ว่าจบนางก็ลุกจากที่นั่งตนเองเดินไปหยิบอ่างไม้ใส่น้ำผสมผงเกลือมาวาง ใช้ผ้าแห้งชุบน้ำบิดหมาดถูไปรอบแผล รอยเลือดรอยดินหายไปเหลือเพียงรอยแผลแตกยาวเท่านิ้วชี้ เช็ดเสร็จก็โยนผ้าลงในอ่างไม้ไม่ใส่สิ่งใด หยิบผงสมานแผลใส่แผลหญิงชรา จากนั้นพันแผลให้
“เสร็จแล้ว ท่านยายอย่าให้แผลโดนน้ำ ไปกินโจ๊กตรงนู้นก่อนกลับเถิด”
“ขอบคุณท่านหมอหญิง ขอบคุณจริง ๆ” หญิงชรากล่าวพร้อมกับน้ำเสียงสั่นไหว หยดน้ำก่อเป็นม่าน นางรู้สึกขอบคุณหมอผู้นี้เหลือเกิน คนขอทาน คนยากไร้เช่นนี้จะมีผู้ใดมาสนใจกัน แม้แต่ทางการเองยังไม่เห็นอยู่ในสายตา หากไม่มีผู้ใจบุญเช่นหมอหญิงมิรู้ป่านนี้จะมีอีกสักกี่คนต้องหิวตาย
“ท่านยายมิต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงทำเพื่อความสบายใจของตนเองเท่านั้น หากทำแล้วเป็นบุญจริงดังผู้อื่นว่า ข้าก็อยากให้ครอบครัวข้าในปรภพได้รับบุญนี้เช่นกัน”
“เช่นนั้นยายแก่อย่างข้าขอให้ท่านหมอหญิงสมปรารถนาทุกสิ่งที่หวัง”
“ขอบคุณท่านยาย ท่านไปกินโจ๊กเถิด” นางส่งหญิงชราไปต่อแถวรับโจ๊ก ส่วนตนเองกลับมานั่งตรวจผู้อื่นต่อ มีผู้มาหาหมอเกือบยี่สิบคนเกรงว่าวันนี้คงได้ตรวจจนค่ำแน่ จึงให้ผิงผิงไปดูแลที่นอนในเรือนให้ ส่วนโจ๊กก็ให้ผู้อพยพมาช่วยกันแจก ผู้หิวโหยย่อมเข้าผู้โหยหิว นางมั่นใจว่าผู้คนที่นี่จะไม่รังแกกันจึงให้คนมีแรงช่วยกันจัดหาอาหาร
“คุณชายกลับกันเถิดขอรับ คุณชายมาแอบดูคนขอทานเพื่อสิ่งใดกัน” ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าถามอย่างสงสัย ผู้เป็นนายเดินตามหมอหญิงท่านนั้นตั้งแต่กลางตรอกมาถึงเรือนชานนอกเมือง แอบดูนางรักษาคนขอทาน คนอพยพอยู่ตรงนี้เกือบครึ่งชั่วยามแล้ว
ผู้ถูกถามหันกลับมามองคนถามตาเขียว ทั้งที่ก่อนจะถูกถามยังยิ้มมุมปากอยู่แท้ ๆ จะเข้าไปก็ไม่เข้าไป ไม่รู้แอบดูสิ่งใดกันแน่ หรือแอบมองหมอหญิงท่านนั้นแต่ก็ไม่เห็นหน้านางเสียหน่อย
“เจ้าสิแอบมองขอทาน เนี่ยนเจินเจ้ารู้หรือไม่หมอหญิงท่านนั้นเป็นผู้ใด”
“ไม่ขอรับคุณชาย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีหมอหญิงในเมืองนี้ด้วย โรงหมอมีกี่ที่ข้ารู้หมด แต่หมอหญิงผู้นี้ข้าไม่รู้เลยขอรับ เพียงแต่ได้ยินขอทานในตลาดกล่าวว่านางจะมารักษาผู้คนที่นี่ทุกเดือน วันที่เดิม ทั้งรักษาทั้งแจกอาหาร ครบสามวันนางก็จะไปไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเป็นผู้ใด”
“เช่นนี้นี่เอง”
“คุณชายขอรับ หากไม่กลับตอนนี้เกรงว่าขนมที่ฮูหยินอยากกินคงขายหมดก่อนคุณชายจะไปซื้อ” เนี่ยนเจินกระซิบเบา ๆ ให้ผู้เป็นนายฟัง ทั้งคู่ออกมาจากบ้านเพื่อซื้อขนมให้ฮูหยิน หากไม่บังเอิญได้เจอนางที่ตรอกการค้าเวลานี้ฮูหยินคงได้ยินขนมแล้วกระมัง
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปซื้อของก่อน”
“คุณชายยังไม่หายดี หากกลับช้าข้าว่าฮูหยินคงเป็นห่วงไม่น้อย”
“กลับก็กลับ เลิกพูดถึงท่านแม่ข้าเสียที”
