บท
ตั้งค่า

เจ็ด ตั๋วไม้เจ้าปัญหา

“คุณหนูกัว ข้าขอดูตั๋วไม้นั่นหน่อยสิ”

ตอนแรกลู่เอินก็เกือบจะไม่ได้ตั๋วนั่นมาดูแล้วเพราะ

กัวเย่หรงกลัวนางไม่คืนกระมัง แต่ได้พี่ชายขอมาให้

ตั๋วไม้ใช้เข้างานแสดงยอดนิยมนี้มีลักษณะธรรมดา ทำมาจากไม้แข็งมีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นและความชื้นได้ดี ไม้ชนิดนี้ชาวเมืองเราไม่ค่อยนิยมเท่าไร แต่เมืองที่คณะแสดงที่จากมาคงเป็นที่นิยมน่าดู มันเหมาะกับการแกะสลักและคงสภาพได้นาน

พลิกดูไปมา ก็มีสิ่งหนึ่งที่ลู่เอินนึกขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามกับฝ่ายคุณหนูรองฉี

“วันนี้พวกท่านไปร้านขายเครื่องหอมมาหรือ?”

คนถูกถามทั้งนายทั้งบ่าวตกใจไปทันใด “ใช่ เมื่อเช้าก่อนมาที่โรงเตี๊ยมพวกเราไปซื้อของมา ทำไมหรือ?”

ลู่เอินมิได้มองอดีตได้ แต่เมื่อครู่ตอนนางเดินผ่านสองนายบ่าวมีกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกเข้าจมูกชัดเจน ด้วยความที่นางเป็นคนจมูกดีและเชี่ยวชาญเรื่องการแยกกลิ่นอยู่แล้วจากการชอบทำสุรามากรส นางจึงค่อนข้างมั่นใจว่ากลิ่นนี้ต้องไม่ใช่เพียงแค่ออกมาจากขวดน้ำหอมที่ปิดฝา แต่พวกนางต้องทำมันหกมาก่อนแน่

“ขอดูน้ำหอมนั่นหน่อยได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องสงสัยนิดหน่อยว่าจะเกี่ยวกับเจ้าของตั๋วไม้นี้”

“เรื่องนั้น น้ำหอมที่ข้าซื้อมาเมื่อเข้าตกแตกแล้ว ตอนนี้ไม่มีให้เจ้าดูหรอก แต่แล้วมันจะเกี่ยวกับตั๋วไม้ของข้าได้อย่างไรกัน!”

ผิดจากที่นางคิดไปหน่อยหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าทำหกแต่ถึงกับตกแตกเลย ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าเรื่องตั๋วไม้นี้มีทางออกแล้ว

“เกี่ยวสิ ตั๋วไม้เข้าชมการแสดงของคุณหนูรองฉีคงเก็บกับบ่าวผู้นั้นใช่หรือไม่ เก็บไว้ตรงไหนหรือ?”

บ่าวที่ถูกดึงเข้ามาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะให้ความร่วมมือโดยการหยิบถุงปักขนาดเท่าฝ่ามือสตรีสองฝ่ามือออกมา พร้อมกันนั้นกลิ่นหอมโชยที่ลู่เอินได้กลิ่นก่อนหน้าก็ลอยฟุ้งจนทุกคนได้กลิ่นทันใด

“บ่าวเก็บใส่ไว้ในถุงปักนี้อย่างดีเจ้าค่ะ ทว่าปากถุงเหมือนจะชำรุดจึงเปิดออกเองอย่างไม่รู้ตัวบ้าง เมื่อเช้าตอนเดินทางอยู่ในรถม้า น้ำหอมที่พึ่งซื้อมาก็หล่นล่วงแตกอย่างไม่รู้ตัวเช่นกันเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงรู้สึกผิดและการไม่กล้าสู้หน้ากับเจ้านายตนเองทำดูน่าเวทนานัก ดูท่าจะถูกต่อว่ามาหนักเช่นกัน

“เช่นนั้นตอนนี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่าตั๋วไม้ชิ้นนี้มิใช่ของคุณหนูรองฉีแน่ๆ ตั๋วไม้นั้นของท่านคงตกและก็คงมีคนอื่นเก็บไปแล้วล่ะ”

ลู่เอินคืนของให้เจ้าของแล้ว แขนของนางถูกดึงรั้งจากคนที่อยู่ดีดีก็ถูกหักหน้าเสียอย่างนั้น

“นี่อย่าได้มาตัดสินมั่วๆนะ ข้ามีหลักฐานบอกทุกคนมากมายเหตุใดถึงมั่นใจว่าไม่ใช่ของข้าได้! ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อว่าพวกเจ้ารังแกข้า!!!”

ลู่เอินนั้นมีสหายสตรีด้วยกันเพียงกลุ่มเล็กๆ หาได้มีคนไหนช่างเอาแต่ใจและขู่เก่งเช่นคุณหนูรองฉีไม่ นางนึกอยากให้ใครเอาผ้ามาอุดปากเสียจริง

“ตั๋วไม้นี่ทำมาจากไม้ที่ดูดซับกลิ่นได้เป็นอย่างดี หากเป็นตั๋วของคุณหนูรองฉีจริงก็บไว้ในถุงปักที่มีน้ำมันหอมหกใส่เช่นนั้นย่อมมีกลิ่นติดตั๋วไม้ และหากลองดมกลิ่นของแต่ละชิ้นในถุงปักนั่นแทบทุกชิ้นต้องมีกลิ่นติดมิใช่หรือ เพียงเท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามิใช่ตั๋วของท่าน...”

ฉีหมิงเสียหน้าบึ้งทันใด นางไม่สามารถหาข้อโต้แย้งมาตอบโต้ได้จึงทำได้แต่หันไปทำตาขวางใส่บ่าวของตนแทน จากนั้นก็รีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่แลกลับมาอีกเลย

“ขอบคุณแม่นางท่านนี้มากเลยเจ้าค่ะที่ช่วยข้าไว้ หากไม่ได้ท่านข้าก็คงต้องเสียของสำคัญให้ผู้อื่นแล้ว” กัวเย่หรงเอ่ยเสียงหวานสีหน้าแสดงความซึ้งใจ

“นี่คุณหนูไป๋ ไว้กลับไปพี่จะส่งของกำนัลไปตอบแทนคุณแทนเอง”

ลู่เอินหยักยิ้มตอบรับส่ายหน้าจะปฏิเสธแต่ก็ถูกสายตาหมายมาดจากคนที่นางมาดูตัวขัดเสียก่อนจึงได้แต่ยอมรับไป

ลู่เอินนั้นปล่อยให้สองพี่น้องตระกูลกัวออกไปก่อนส่วนนางก็เดินเข้าไปหาเถ้าแก่ร้านที่กลับไปสนใจบัญชีร้านของตนต่อนานแล้ว

“เถ้าแก่ข้าถามอันใดหน่อยสิ”

“ว่าอย่างไรหรือ?”

“เสี่ยวเอ้อที่ทำงานวันนี้อยู่ที่นี่ครบทุกคนเลยหรือไม่ โดยเฉพาะเสี่ยวเอ้อที่มีหน้าที่เก็บโต๊ะพิเศษนี่โดยเฉพาะ”

หากจะบอกว่าตั๋วไม้ของคุณหนูฉีที่หายไปนั้นเป็นฝีมือของคนที่มาใช้บริการก็ต้องเป็นคนที่มานั่งโต๊ะนี้ ซึ่งเป็นโต๊ะที่อยู่ลึกสุดจนเกือบกลายเป็นห้องส่วนตัวเลยล่ะ และเท่าที่ทราบก็มีเพียงคุณหนูฉีและตามด้วยกลุ่มสหายคุณหนูกัวเท่านั้นที่มาบริการวันนี้ ลู่เอินจึงคาดว่าเป็นมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือเสี่ยวเอ้อมากกว่า

“อืม ไม่ครบหรอก ก่อนเข้าไปรับรายการไม่กี่ชั่วยามนี้มีเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งขอตัวกลับไปพักก่อนเลิกงาน พอดีเกิดเหตุให้เจ็บตัวนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้ก็น่าจะขาดคนผู้นั้นเพียงคนเดียว”

“เช่นนั้นตอนที่กัวหรู่เผยตรวจค้นเหล่าเสี่ยวเอ้อก็เป็นเขาที่ไม่ถูกตรวจค้นด้วยอย่างนั้นสิ”

ก่อนแยกย้ายกันไป กัวหรู่เผยเรียกคนแถวนี้มาขอตรวจบ้างแล้ว เพราะเขานั้นมีหน้าที่ช่วยบิดาในศาลด้วย จึงอยากช่วยคุณหนูฉีหาตั๋วนั่นให้เจอเช่นกัน เพราะคาดว่านางก็น่าจะไม่ยอมแพ้ไปแจ้งทางการในเวลาต่อมา หากเริ่มสืบหาตอนนั้นก็อาจช้าเกินไป แต่ตรวจค้นเบื้องต้นแล้วก็ยังไม่เจอว่าใครขโมยตั๋วไม้ไปนั่นแหละ

“เป็นเช่นนั้นขอรับ”

ลู่เอินถามอีกเล็กน้อยก็เดินจากมา นางเขียนจดหมายและให้คนไปส่งให้กัวหรู่เผยส่วนตนเองก็ขึ้นรถม้าเตรียมกลับจวนเสียที

วันต่อมาลู่เอินได้รับข่าวร้ายจากคุณชายกัว ว่าเสี่ยวเอ้อที่นางแจ้งว่ายังไม่ถูกตรวจค้นนั้นตายแล้ว คนของกัวหรู่เผยตามไปถึงบ้านพบศพของเขา ดูเหมือนว่าจะถูกโจรปล้นและฆ่าเขาตาย ทั้งบ้านถูกค้นจนเละไปหมด อีกทั้งก็พบว่าที่โรงประมูลจันทรามีการเอาตั๋วของการแสดงนี้ที่แสนหายากและหมดไปตั้งแต่วันแรกมาเปิดประมูลขายวันนี้เสียด้วย

ซึ่งพอตรวจสอบตั๋วไม้นั้น พบว่าเป็นตั๋วไม้ที่มีกลิ่นหอมเดียวกับของคุณหนูฉี แต่เรื่องนี้ทางโรงประมูลไม่เห็นว่าเพียงพอต่อการจะให้เขามองตั๋วไม้นั่นคืนทางการ

ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าหาตั๋วของคุณหนูฉีไม่พบอีกแล้ว แต่ปัญหาคือทางคุณหนูฉีไม่ยอมออกเงินเพื่อประมูลตั๋วไม้ของตนคืนมา และก็ไม่ยอมที่จะไม่ได้ตั๋วคืน หากโรงประมูลคู่กรณีที่ถูกหาว่ารับของโจรมานั้น หากไม่ใช่โรงประมูลจันทราอันมีคนสนับสนุนเบื้องหลังคือคนของไทเฮาล่ะก็คงไม่มีปัญหาใด ทางศาลคงแจ้งขอให้คืนของมาได้อย่างง่ายดาย

ทว่าพอโรงประมูลก็มีคนค้ำจุนที่ยิ่งใหญ่ และเจ้าของที่แท้จริงก็ไม่ยอม จึงทำให้เกิดปัญหาใหญ่ให้ต้องแก้ปัญหาต่อมาเช่นตอนนี้

“ตอนนี้ทางประมุขน้อยฉี พี่ชายของฉีหมิงเสียไปแจ้งต่อศาลอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะขอจับหัวหน้าโรงประมูลที่ทำการค้าอย่างไม่สุจริตรับซื้อของโจรมาขายคนอื่นอีกที ส่วนทางเจ้าของโรงประมูลก็โต้ว่าเขาไม่ทำเช่นนั้น หากจะแจ้งจับต้องมีหลักฐานมาบ่งชี้มิเช่นนั้นเขาก็จะไปร้องเรียนต่อไทเฮาเรื่องนี้แน่ วันนี้นัดของเราที่บอกจะไปขี่ม้าด้วยกันข้าถึงต้องขอยกเลิกไปก่อนน่ะ หวังว่าคุณหนูไป๋จะไม่เคืองข้า”

“ไม่เลย ข้าว่าอย่างไรวันนี้ก็ไม่มีอันใดทำแล้วจะเป็นอันใดไหมหากข้าขอเดินทางไปกับคุณชายด้วย...”

ลู่เอินเคยตามพี่ชายไปสืบคดีบ่อยๆ แล้วยิ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วนางฟังมาทั้งหมดกลับรู้สึกว่าเหมือนมีอันใดไม่สมเหตุสมผลด้วยแล้วยิ่งจำเป็นต้องรู้ให้ได้ มิเช่นนั้นนางต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันแน่

“เอ่อ เรื่องนั้น คง...”

“หากกลัวว่าท่านพ่อและคนในจวนจะว่าท่านเรื่องนี้มิต้องกังวลเลย ข้าเคยไปทำงานกับพี่ชายบ่อย เรื่องนี้ขอให้ข้าจัดการเอง เช่นนั้นคุณชายรอข้าสักครู่นะเจ้าคะ ข้าขอไปเตรียมตัวก่อน”

ไม่รอให้ถูกห้ามอีกครา ลู่เอินวิ่งออกจากห้องรับรองจวนนางกลับเรือนไปแต่งตัวในชุดทะมัดทะแมงหน่อยแต่ก็ยังคงความสง่างามของคุณหนูตระกูลแม่ทัพไว้ ใช้เวลาเขียนจดหมายฝากให้แม่นมถังไว้และก็รีบไปขึ้นรถม้าของกัวหรู่เผยทันที

คนถูกมัดมือชกเมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรจึงต้องตามน้ำไป อีกทั้งในความคิดของกัวหรู่เผยคุณหนูตรงหน้านี้ก็ดูรู้บางอย่างมากกว่าเขาเสียอีก

รถม้าตระกูลกัวจึงเดินทางไปยังบ้านพักของเสี่ยวเอ้อ คนที่คิดว่าเป็นผู้ขโมยตั๋วไปขายและตายในเวลาต่อมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel