บท
ตั้งค่า

หนึ่ง พี่ชายเถลไถลเสียแล้ว

ลู่เอินกลับจวนมาพบกับบ่าวส่วนตัวสองคนรออยู่ก่อนแล้ว คือแม่นมลี่ถังและบ่าวอายุมากกว่านางหน่อยนึงอย่างลี่มี่ พอเห็นเจ้านายก็รีบนำน้ำเย็นมาวางถึงมือ พร้อมผ้าเย็นอีกผืนคอยซับเหงื่อให้ อีกทั้งเดินไปอีกหน่อยก็เห็นว่าบุรุษสองคนเดินสลับกันไปมาราวคอยใครอยู่

พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาพอดีที่ลู่เอินก้าวเท้าเขาจวนก็รีบเดินเข้ามาหาราวสุนัขเจอเจ้าของมิผิด

“พ่อกลับจากค่ายทหารพอดีที่เอินเอ๋อร์กลับจวนเลย ช่างเป็นเพราะสวรรค์นำพาชัดๆ”

“พี่ก็เช่นกัน ออกไปทำงานมามิคิดว่าจะถึงจวนพร้อมกับน้องน้อยของพี่ได้ เอินเอ๋อร์ออกไปข้างนอกซื้อของมาเงินเหลือหรือไม่ หากไม่พอมาขอพี่ได้นะพี่ไม่ใช้อันใดอยู่แล้ว”

“ท่านทั้งสองยังคิดว่าข้าเสียใจเรื่องเมื่อวานอีกหรือเจ้าคะ ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่เป็นอันใดสักนิด คุณชายหลิงนั่นมิใช่บุรุษคนสุดท้ายในเมืองหลวงนี้เสียหน่อย!”

ใช่แล้ว อาการเอาอกเอาใจนางของสองพ่อลูกนี้เป็นมาตั้งแต่เมื่อวาน ลู่เอินชักไม่ไหวกับการกระทำอันใดมากเกินความเป็นจริงของสองบุรุษแล้ว ตอนนี้นางอยากได้ตัวช่วย!

“ตามจริงเจ้ามิต้องให้ท่านแม่ช่วยหาสามีแล้วดีหรือไม่ อย่างไรพี่ก็สามารถเลี้ยงเจ้าไปได้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว หากเจ้ามิออกเรือนพี่ก็มิแต่งภรรยาเช่นกัน!”

“ใช่ๆ พ่อเองก็มีสมบัติมากพอให้เลี้ยงเจ้าตลอดชีวิต เอินเอ๋อร์อย่าได้ออกเรือนไปเลย”

“ไร้สาระสิ้นดี! ท่านพี่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีสิ มิใช่ตามใจคนจนเกินเหตุเช่นนี้ ส่วนเจ้ามีเงินเหลือนักใช่หรือไม่ เดี๋ยวแม่จะลดเงินลงให้พอดีแก่เจ้าเอง!”

น้ำเสียงดุดันมาพร้อมกับร่างงามสง่าของมารดาลู่เอินเอง ฮูหยินหนึ่งเดียวของแม่ทัพไป๋เฝิงห้าว นางมีนามว่า ซูเยี่ยน มาจากตระกูลพ่อค้ารายใหญ่นอกเมืองหลวงตระกูลกู้ มีลูกคนโตเป็น ไป๋ลู่เหลียน ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ และนาง ไป๋ลู่เอิน

แม้มาจากตระกูลพ่อค้าแต่ท่าทางองอาจมากกว่าผู้เป็นสามีเสียอีก ลู่เอินมองมารดาเป็นต้นแบบตั้งแต่เด็กยันออกเรือนก็ให้มารดาเลือกเฟ้นสามีให้หมด

“ท่านแม่อย่าได้ดุท่านพ่อและท่านพี่เลยเจ้าค่ะ พวกเขาเพียงพูดหยอกเล่นเท่านั้น ใช่ไหมเจ้าคะ?”

สายตาของสองพ่อลูกล้วนมิอยากตามน้ำที่แก้วตาดวงใจของพวกเขาส่งมาให้เลย เพราะพวกเขามิอยากให้ลู่เอินจากอ้อมอกพวกเขาไปจริงๆ แต่ก็ต้องจำยอมพยักหน้าอย่างขัดใจมิได้

“เห็นไหมเจ้าคะ ลูกเหนื่อยแล้ว ขอไปอาบน้ำนอนเลยก็แล้วกันเจ้าค่ะ ส่วนมื้อเย็นนั้นลูกกินมาจากข้างนอกแล้วเชิญพวกท่านตามสบายเจ้าค่ะ”

ลู่เอินย่อคารวะและวิ่งไปยังเรือนเหมยฮวาของตน แต่มิได้เข้าไปเรือนนอนทันที นางหยุดอยู่ที่ทางแยกไปยังเรือนนอนและเรือนลับ

“ลี่มี่ฝากเจ้าไปนำอาหารมาสักอย่างสองอย่างให้ข้าที่เรือนเทียนเมิ่งที ส่วนแม่นมถังไปพักผ่อนได้แล้ว”

ลู่เอินมีอารมณ์อยากเข้าไปทำงานที่นางทำค้างไว้เมื่อช่วงเช้าต่อ ถึงแม้ว่าจะถูกสายตาไม่ชอบใจของแม่นมถังห้ามไม่อยากให้นางเข้าไปยังเรือนเทียนเมิ่งอันหมายความว่าคุณหนูของตนจะอยู่โต้รุ่งเพื่อทำสิ่งนั้นในเรือน แต่ก็มิอาจห้ามได้ ทำได้แต่ส่งสายตาร้องขอแบบไร้ผลต่อไปเช่นทุกที

สุดท้ายก็ได้แต่มองคุณหนูของตนเข้าไปยังเรือนเทียนเมิ่ง และตนเองกลับไปพักตามคำสั่ง...

หลายวันมานี้ลู่เอินมัวแต่วนเวียนกับการเข้าไปทำงานในเรือนเทียนเมิ่งออกมารับสำรับอาหารเข้าไปกินคนเดียวในนั้นและส่งชามว่างเปล่าออกมา วันนี้ก็เข้าวันที่สามแล้วในที่สุดความตั้งใจทั้งหมดที่ลู่เอินทำมาก็ออกผล สุราสูตรใหม่ที่นางทำแล้วล้มเหลวมาสองคราวันนี้รสชาติได้ที่ จึงตั้งใจว่าก่อนแอบออกจากจวนไปขายที่โรงสุรานางขออาบน้ำแต่งตัวและหลับให้เต็มอิ่มเสียก่อน

“แม่นมถัง เหตุใดวันนี้จวนเราเงียบนัก ท่านแม่ หรือคนอื่นๆไม่อยู่หรือ?”

ถามไปปากก็อ้ารับขนมหยกเลิศรสเข้าปากไปด้วย ความหวานของมันทำเอานางสดชื่นกว่าเดิมมากโข

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันที่ฮูหยินออกไปตรวจบัญชีที่ร้านค้าพอดี นายท่านออกไปทำงานแต่เช้า ส่วนคุณชายนั้น เอ่อ บ่าวไม่แน่ใจว่ากลับมาหรือยังเจ้าค่ะ เมื่อคืนบ่าวไม่เห็นรถม้าของคุณชายจอดอยู่ที่โรงเก็บรถเลย...”

ประหลาดอยู่นะ พี่ชายที่ติดท่านแม่ยิ่งนักเหตุใดถึงไม่กลับมากินมื้อเย็นที่จวนกัน

“ไปเรียกบ่าวสักคนในเรือนมู่ฮวามาหาข้าที”

ใช้เวลาราวสองเค่อบ่าวสตรีนางหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้าของลู่เอิน “วันนี้คุณชายของเจ้าออกไปที่ใดกัน เจ้ารู้หรือไม่?”

บ่าวผู้ดูแลเรือนคุณชายอันมีนิสัยอ่อนโยนกับคนในจวนไม่ต่างจากท่านประมุขมักเลี่ยงยามต้องเผชิญหน้ากับสตรีในจวนอย่างคุณหนูรองและฮูหยินที่ดุจนน่ากลัว ทว่าพออ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยก็ถูกสายตากดดันจนต้องรีบพ่นทุกอย่างที่รู้ออกมา

“คะ คุณชายใหญ่ไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ วันนี้จึงยังไม่เห็นเลย...”

“แล้ววันก่อนหน้าเขาได้กลับมาหรือไม่? เจ้ามิได้คุยกับบ่าวคนใดในเรือนเลยหรือจึงไม่รู้ว่าคุณชายไปที่ใด”

ลู่เอินเข้าใจพฤติกรรมของเหล่าบ่าวที่ข่าวในจวนสามารถกระจายได้อย่างรวดเร็วเพียงมีคนแรกที่รู้ พี่ชายของนางไปที่ใดก็ย่อมมีอย่างน้อยก็สารถีเขาที่รู้ เช่นนั้นจะไม่ถึงหูสหายสารถีบ้างเลยหรือ

“ช่วงนี้คุณชายไม่ค่อยเรียกใช้สารถีเท่าไรเจ้าค่ะ มักให้ซวี่เซิงเป็นผู้ขับรถม้าไปให้มากกว่า”

ซวี่เซิง คือ บ่าวใกล้ชิดพี่ชายนั่นเอง หมายความว่าพี่ชายต้องการไม่ให้คนในจวนรู้สินะว่าออกไปที่ใด

“แล้วยามพี่ใหญ่กลับมา มีอันผิดไปจากปกติบ้างหรือไม่?”

ลู่เอินไม่พูดเปล่า นางล้วงหยิบก้อนเงินจากอกมาโยนเล่นไปด้วย ทำให้บ่าวของพี่ชายตาลุกวาวขึ้นในทันที

“อืม บ่าวพอสังเกตได้อยู่เจ้าค่ะ ช่วงนี้คุณชายใหญ่มักกลับมาพร้อมกับมีกลิ่นเครื่องหอมติดตัว บ้างก็กลิ่นสุราปนเปเจ้าค่ะ”

ลู่เอินพยักหน้าให้บ่าวผู้นั้นออกไปได้แล้ว ที่แท้ยามมารดาต้องยุ่งกับการออกตรวจบัญชีประจำปี พี่ชายของนางก็เถลไถลเช่นนี้นั่นเอง ในฐานะน้องสาวผู้แสนดีนางต้องทำหน้าที่แทนมารดาเสียหน่อยแล้ว

“แม่นมถัง มื้อเย็นนี้ข้าไม่รับที่จวนนะ อยากจะไปกินข้างนอกเสียหน่อย ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าข้าไปทำธุระกับพี่ใหญ่น่าจะกลับมาพร้อมกับเขา มิต้องเป็นห่วง”

รอยยิ้มสมใจของลู่เอินที่กำลังเบิกบานเต็มที่ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงแข็งขึ้นของบ่าวผู้รู้ใจเสียแล้ว

“คุณหนูหาเรื่องไม่อยู่จวนต่างหากเล่า ส่วนเรื่องตามพี่ชายน่ะ ท่านสร้างหลักฐานให้น่าเชื่อถือเท่านั้น”

อา นางถูกคนรู้ทันเสียแล้ว ความจริงนางเรียกบ่าวของพี่ชายมาเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ เวลามารดามาถามจะได้มีคนของเรือนพี่ชายและบ่าวในเรือนนางช่วยกันบอกแทน แท้จริงแล้วนางหาโอกาสออกไปจวนอย่างสง่าผ่าเผยตามที่แม่นมเอ่ยจริง

“โถ่ แม่นม ข้าน่ะกำลังช่วยให้ท่านตอบมารดาอย่างง่ายดายต่างหาก ไว้ข้าทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ ไปล่ะ”

นางต้องไปเตรียมตัวและก็ของที่ทำไว้อีกล่ะ ออกไปนอกจวนคราวนี้นางคงต้องให้สารถีช่วยทั้งขนของและขับรถไปเลย... 
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel