บท
ตั้งค่า

สี่ นางต้องดูแลคนบาดเจ็บ

“ห้ามส่งเสียงร้องมิเช่นนั้นข้าบั่นคอขาดแน่!”

ลู่เอินนั่งนิ่งตัวแข็งเกร็งตามเสียงที่ขู่จากข้างหลังของนาง ทว่าพอได้สติก็พอจับสังเกตว่าโจรชั่วเบื้องหลังถือมีดมือสั่นเทา อีกทั้งลมหายที่ที่เป่ารดนางอยู่ก็ขาดห้วงดูไม่ปกติ

ราวกับว่าโจรลักลอบเข้ามาก็กำลังบาดเจ็บอยู่!

“แม้ข้าจะบาดเจ็บแล้วไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถบั่นคอเจ้าได้ อย่าได้คิดตุกติก แฮ่ก”

ลู่เอินฟังแล้วนางคุ้นๆเสียงของโจรผู้นี้อย่างไรไม่รู้ เหมือนว่าเพิ่งได้ยินไปไม่นานนี้

“ต้องการอันใด?”

“ขะข้า...อั่ก”

ตอนนี้เจ้าของมีดร่วงลงไปกองบนพื้นเสียแล้ว โดยที่ลู่เอินไม่ทันทำอันใด พอนางมองหน้าโจรอีกทีก็เป็นดังคาด เขาคือคนที่นางเพิ่งรู้จัก คุณชายอี้ สหายใหม่พี่ชายผู้นั้นนี่เอง

สภาพหน้าซีดไร้สีเลือด อีกทั้งมีกลิ่นคาวเลือดกำจายรอบตัวเช่นนี้ดูน่าเวทนายิ่งนัก

“หนีมาพึ่งข้าแล้วยังมาขู่กันอีก เช่นนี้มันน่าช่วยไหมเนี่ย”

“อยะ อย่าเพิ่งบอกคะใครเด็ดขาด”

ลู่เอินมองปากพะงาบๆทั้งที่หลับตาของเขาแล้วอยากโยนเขาออกไปสิ้นดี หากไม่ติดว่าเป็นคนที่พี่ชายรู้จักก็ไม่คิดที่จะช่วยแล้ว

เอาไว้หลังจากช่วยเขาแล้วนางค่อยจัดการทวงบุญคุณให้หนักเลยดีกว่า กำลังอยากได้เงินมาลงทุนเพิ่มพอดี

ด้วยความที่ตอนนี้ก็ดึกจนคนทั้งจวนน่าจะหลับไปหมดแล้ว ทั้งหน้าที่แบกคนบาดเจ็บไปพักบนเตียง ไปต้มน้ำมาเช็ดแผลที่ถูกห้ามเลือดมาประมาณนึงแล้ว และนำยามาเตรียมใส่แผลล้วนเป็นลู่เอินที่ต้องทำทั้งสิ้น

นางเหนื่อยสายตัวแทบขาด อิจฉาคนบาดเจ็บยิ่งนัก

“ข้าขอถอดชุดทั้งหมดของท่านทิ้งก่อนแล้วกัน ตื่นมาแล้วข้าค่อยหาชุดใหม่ให้นะ”

อ้อ ลู่เอินคุยคนเดียวน่ะ เพราะคนบาดเจ็บนอนไม่ได้สติอยู่

นางใช้มีดตัดเสื้อของเขาออก ระวังเป็นพิเศษตรงบาดแผลยาวเท่ากำปั้นที่หน้าท้อง ดูแล้วน่าจะถูกดาบฟันแต่ไม่ลึกมาก เพียงเสียเลือดเยอะจึงสลบไร้สติเช่นนี้

ส่วนตามเนื้อตัวที่เลอะคราบเลือดและคราบสกปรกไปหมดลู่เอินก็เช็ดพอผ่าน ใส่ยาที่แผลเสร็จก็ใช้ผ้าห่มที่นางใช้อยู่ทุกวันคลุมตัวเขาเลย

“หนะหนาว หนาว”

“นี่มันคิมหันตฤดูเอาอันใดมาหนาวกัน บ้ากระมัง”

แต่ถึงเอ่ยไปเช่นนั้น ลู่เอินก็ไปหยิบผ้าห่มจากในตู้เสื้อผ้าที่เก็บไว้สำหรับยามอากาศหนาวเย็นมาสามผืนและห่มเขาไปทั้งหมด ส่วนนางก็ออกไปห้องครัวเล็กอีกครั้งพร้อมต้มยาแก้ไข้มาเตรียมให้เขากินตอนได้สติ

พอทำทุกอย่างเสร็จร่างกายที่อ่อนล้าก็ประท้วงเสียแล้ว เตียงของตนเองก็มีคนจอง เจ้าของห้องอย่างลู่เอินจึงต้องพาร่างตนไปนอนที่ตั่งข้างหน้าต่างแทน

เช้าวันต่อมา...

“นี่! นี่! คุณหนูไป๋ ๆ ไป๋ลู่เอิน ตื่นได้แล้ว!!”

คนนอนหลับสบายอยู่แท้ๆเหตุใดมีคนมารบกวนได้ นางก็ว่าบอกแล้วว่าหากตนตื่นจะเปิดประตูเรียกเอง เหตุใดวันนี้มีคนกล้ามาปลุกนางได้!

งืมๆ เอ๊ะ ไม่ใช่นี่หว่า เสียงของคนผู้นั้น!

ลู่เอินลืมตาเบิกโพลงและลุกขึ้นนั่งทันที พอหันมองที่เตียงของตนเองก็เห็นว่าเขายังนอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกไปที

“หยุดทำสายตาราวจะฆ่ากันเช่นนั้นได้แล้ว ไม่รู้จักบุญคุณคนเสียเลย...”

สายตาเกรี้ยวกราดของคุณชายอี้ทำให้ลู่เอินไม่อยากเดินเข้าไปหาเขา อีกทั้งดูท่าสีหน้ามีเลือดฝาดและทำสายตาข่มขู่ได้เช่นนี้ก็คงอยู่ไกลจากยมโลกแล้วล่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว

“มาแก้เชือกนี่ออกจากตัวข้าก่อนเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นหากข้ารอดไปได้เองอย่าหวังว่าคุณหนูไป๋จะอยู่รอดอย่างมีความสุขเลย”

ความหยิ่งยโสของเขาช่างมากเกินจนลู่เอินบึนปากอย่างหมั่นไส้ แต่มองสภาพเขาแล้วก็รู้สงสารอยู่เหมือนกัน

บาดเจ็บไม่พอยังถูกห่มทับด้วยผ้าห่มสามสี่ชั้นและจบด้วยถูกเชือกมัดให้ทั้งตัวติดกับเตียงอีก ลู่เอินจะนอนหลับแล้วก็ผวากลัวไม่ได้ตื่นมาอีกเพราะถูกคนที่บาดเจ็บเอามีดจ้วงท้องของนางตอนหลับ กลางดึกจึงลุกขึ้นมาอีกรอบและมัดเขาไว้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตน

“รอสักครู่แล้วกัน ข้าต้องขอล้างหน้าล้างตาก่อน ตอนนี้มองอันใดไม่ชัดเลย”

สีหน้าไม่พอใจของคุณชายอี้สร้างความสุขหรรษาให้นางยิ่งนัก พอทำอย่างว่าเสร็จก็กลับมายืนที่หน้าเตียง จ้องมองคนนอนหลับตานิ่งซึ่งคนถูกจ้องรู้สึกตัวก็ลืมตามาจ้องกลับทันที

“ยังมีอันใดต้องทำก่อนแกะเชือกนี่ให้ข้าอีกหรือไม่?”

ลู่เอินส่ายหน้าพัลวัน ก่อนยกมือเอื้อมไปแกะเชือกให้เขา ทว่าปลดปมได้ครึ่งเดียวก็หยุดมือพร้อมเลื่อนสายตาขึ้นจ้องใบหน้าของคนบนเตียง

“ข้าช่วยจัดการทำแผลให้ท่านอีกทั้งเฝ้าเช็ดตัวจนหายไข้แทบไม่ได้นอนทั้งคืน มิรู้ว่าคุณชายอี้มีสิ่งตอบแทนให้ข้าหรือไม่?”

บอกแล้วว่านางเป็นคนตรงๆ อยากได้อันใดก็เอ่ยปากขอ โดยเพราะตอนนี้ที่ตนได้เปรียบอยู่ต้องใช้ให้เกิดประโชน์เสียหน่อย

“แน่นอนว่ามี จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของคุณหนูไป๋แล้ว”

เขาจะบอกว่าหากนางทำดีเป็นที่พอใจเขาก็จะมีของตอบแทนให้มากน่ะสิ

เล่นลิ้นสิ้นดี! ลู่เอินฟังแล้วไม่ค่อยถูกใจเท่าไร

“โอ๊ะ จะว่าไปแล้ว เมื่อคืนนี้ข้าเช็ดตัวให้ท่านแต่ยังไม่ล้างหน้าให้เลย เช้าแล้วก็ต้องล้างหน้าหน่อยมิใช่หรือ?”

ไม่ว่าเปล่ามือที่กำลังแกะเชือกอยู่ก็ละมาเพื่อถอดหน้ากากบนหน้าออก

“คุณหนูไป๋ชักจะซนมิเข้าเรื่องแล้วกระมัง”

น้ำเสียงข่มขู่นี้พอทำให้ลู่เอินหยุดมือลงแต่เจตนายังไม่หมดไป

“ข้าหวังดีกับท่านทั้งนั้น ไม่ว่าจะเชือกนี่ที่มัดไว้ก็เพื่อกันไม่ให้ท่านขยับตอนไม่รู้สึกตัวจนบาดแผลเปิด ส่วนเรื่องถอดหน้ากากก็อยากช่วยเพราะต้องการเช็ดหน้าให้เท่านั้น...”

น้ำเสียงตัดพ้อนี้ไม่ได้ทำให้คนนอนบนเตียงมีความคิดเปลี่ยนไปเลย

“ขอบใจในความหวังดี ทว่ามากเกินไปก็ไม่ดีเท่าไร...

อ้อ แล้วก็ขอเตือนก่อนว่าข้าสวมหน้ากากเพราะกลัวคนเห็นแล้วจะตกใจกับแผลเป็น หากคุณหนูไป๋ไม่กลัวก็เชิญถอดเถอะ”

นางว่าเขาขู่เพื่อให้นางไม่ถอดหน้ากากมากกว่า ไม่แน่เขาอาจต้องการปกปิดตัวตนจากคนอื่น เช่นนั้นหากลู่เอินรู้ใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้นางก็อาจเอาแต้มต่อนี้ไปต่อรองเขาภายหลังได้

คิดได้ดังนั้นก็ดำเนินการปลดเชือกที่ผูกไว้ออก หน้ากากหนังสีดำถูกมือเรียวขาวผ่องหยิบออกแล้ว...

“...”

“เป็นอย่างไร พอใจเจ้าหรือไม่?”

ลู่เอินมองใบหน้าหล่อเหลาแต่มีแผลเป็นอย่างคนถูกไฟไหม้อยู่บริเวณใกล้ดวงตา ทั้งเหนือคิ้วและโหนกแก้ม พอเห็นว่าตนทำเกินไปแล้วความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาโดยพลัน

“ขออภัยด้วย ข้าไม่ ขะ...”

“สตรีมากมายพอเห็นเข้าต่างพากันบอกว่าแผลเป็นเหล่านี้มิทำให้ความหล่อเหลาของข้าลดลงเท่าไร คุณหนูไป๋คิดเห็นนั้นเช่นกันกระมัง”

คุณชายอี้เช่นเขามีความสง่าแผ่กำจายออกทั่วตัวมิแปลกที่จะมีสตรีมากหน้าพยายามเข้าหา พวกนางต่างคิดว่าแม้นเขามีบาดแผลบนหน้าก็ไม่ใช่อุปสรรคอันใดทั้งนั้นพวกนางยินดีแต่งงานกับบุรุษอัปลักษ์เช่นเขา ทว่ายามเห็นแผลนี่ก็มักจะเผยสีหน้ารังเกียจออกมาแทบปิดไม่ผิดทั้งนั้น แล้วค่อยเอ่ยคำหวานว่าไม่สนใจเรื่องนี้ ทว่ามีหรือคนเช่นเขาจะมิรู้ว่าพวกนางรังเกียจบุรุษเช่นเขาที่มีใบหน้าดั่งตัวประหลาดมากเพียงใด แต่เงินและอำนาจก็หอมหวานเกินพอ

คุณชายอี้จดจ้องอารมณ์ของลู่เอินมาตลอด เขาแปลกใจอยู่บ้างที่นางเผยสีหน้ารู้สึกผิดมาเช่นนี้ แทนที่จะฉายความรังเกียจออกมาอย่างเช่นสตรีอื่นที่ผ่านมา

“หากไม่มีแผลก็จะดีกว่า ท่านสวมหน้ากากนี่น่ะดีแล้ว”

มุมปากเจ้าของแผลกระตุกทันใด แม้ไม่ได้ยินคำว่าน่าเกลียดออกจากปากแดงนั่นแต่คำพูดของนางชัดเจนพอแล้ว

“เหอะ คุณหนูไป๋ช่างพูดตรงดียิ่ง”

ลู่เอินปลดปมเชือกมัดตัวออกหมดแล้ว คนบนเตียงจึงสามารถขยับลุกขึ้นนั่งได้

“คุณชายอี้น่าจะสามารถกลับไปได้เองแล้ว เดี๋ยวให้บ่าวรับใช้นำโจ๊กธัญพืชมาวางไว้หน้าประตูให้ และเช้านี้ข้าต้องออกไปข้างนอก ไม่อยู่ส่งท่านนะ ส่วนสิ่งตอบแทนเอามาให้เร็วที่สุดก็ดี ข้าไม่เรื่องมากเท่าใด แต่แจ้งไว้ก่อนว่าไม่ขอเป็นเครื่องประดับใดใดที่ไร้ประโยชน์ หากเป็นเงินได้จะดีมาก...”

เมื่อพูดสิ่งที่ต้องการไปหมดแล้ว ลู่เอินก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปข้างนอกทันใด นางหวังว่ากลับมาแล้วบุรุษผู้นี้จะไม่อยู่บนเตียงแล้วน่ะนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel