บทที่ 7 ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
บทที่ 7
ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
หลังจากเหตุการณ์ที่เจียงซูฉีถูกลงโทษ คนที่เหลือยกเว้นสองแม่ลูกก็ได้พากันไปยังห้องหนังสือของเจียงลู่ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงินเป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง เจียงเม่ยที่ได้ยินเรื่องนี้อยากจะเข้าไปคัดค้าน ทว่าจางหยุนผิงกลับลอบกระซิบบอกความนัยกับหลานสาว
"วางใจเถิด เงินจำนวนนี้จะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน"
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงลู่จึงปล่อยให้เจียงเม่ยได้สนทนากับท่านตาและท่านยานตามลำพัง ซึ่งเจียงเม่ยได้เชื้อเชิญผู้อาวุโสทั้งสองไปนั่งรับลมที่ศาลาริมสระบัว พร้อมกับสั่งให้บ่าวนำขนมและน้ำชามาต้อนรับเป็นอย่างดี
"ท่านตาท่านยาย หลานคิดถึงจังเลยเจ้าค่ะ พวกท่านทั้งสองสบายดีหรือไม่เจ้าคะ"
เจียงเม่ยคล้ายกับเด็กน้อยในวันวาน ใบหน้างามที่ยังคงมีรอยแดงแย้มยิ้มอย่างน่าเอ็นดู ผู้อาวุโสทั้งสองเห็นเช่นนั้นต่างพากันหัวเราะร่วน เอื้อมมือไปลูบศีรษะของหลานสาวอย่างรักใคร่
"ตาสบายดี แล้วเจ้าเล่า อยู่ที่นี่คงลำบากมิน้อยเลยสินะ"
"ลำบากกายไม่เท่าลำบากใจหรอกเจ้าค่ะ อีกไม่นานหลานก็จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว"
"จริงสินะ ตอนนี้เจ้าก็อายุ 18 แล้ว ถึงวัยที่จะต้องออกเรือนเสียที" สีหน้าของจางหยุนผิงเคร่งเครียดในฉับพลัน นางเชยคางของหลานสาวให้เงยหน้าขึ้นมอง "เจ้างดงามมิต่างจากแม่ของเจ้าเลย ใบหน้าเช่นนี้คงมีบุรุษไม่น้อยที่อยากจะครอบครองเจ้า ทว่ายายกลับกังวลใจเหลือเกิน ด้วยกลัวว่านางหลี่จะหาบุรุษไม่ดีให้กับเจ้า เช่นนั้นการแต่งงานของเจ้าก็จะยิ่งทุกข์ตรมนัก"
"เห็นทีตาแก่เช่นข้าคงจะต้องทำอะไรเสียแล้วสิ"
หัวใจของเจียงเม่ยพลันอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้นางล้วนอยู่ในครอบครัวที่ไม่ดีเลย ทว่าในชาตินี้นางกลับได้พบคนที่รักและเป็นห่วงนางจากใจจริง เมื่อคิดเช่นนั้นหัวใจดวงน้อย ๆ พลันอุ่นวาบไปด้วยความสุข
เจียงเม่ยเอื้อมมือไปจับมือท่านตาและท่านยาย "เรื่องนี้แม้แต่ฮูหยินใหญ่ก็มิอาจเข้ามาก้าวก่ายได้เจ้าค่ะ ด้วยในอีกสามเดือนข้างหน้าจะมีการคัดเลือกพระชายาขององค์รัชทายาท และท่านพ่อต้องการที่จะเกี่ยวดองกับราชวงศ์ เช่นนั้นข้าและน้องรองจึงต้องเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ"
"พระชายาองค์รัชทายาทหรือ?" ทั้งสองร้องถามด้วยความตกใจ การเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เป็นเรื่องที่ไกลตัวพวกเขานัก
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ข้าคิดว่าตนเองคงจะไม่ได้ตำแหน่งนั้นหรอกเจ้าค่ะ"
"ทำไมเล่า หรือว่าเจ้าไม่ชอบองค์รัชทายาทกัน"
เจียงเม่ยพลันหลับตาลงเมื่อหวนนึกถึงพระเอกในนิยาย "พระองค์เป็นคนดีเจ้าค่ะ ทว่าเป็นคนดีกับทุกคนแต่กลับไม่ใช่กับภรรยาของตน"
เขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่นางชมชอบ นางชอบคนที่เห็นนางสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง มิใช่สนใจเรื่องบ้านเมือง การถ่วงดุลอำนาจในราชสำนัก จนทำร้ายจิตใจของนาง หากเป็นเช่นนั้นมิสู้อย่าได้มาเจอกันอีกเลยจะดีเสียกว่า
"อย่างนั้นเองหรือ เช่นนั้นเม่ยเอ๋อร์อยากให้ตาหาสามีให้เจ้าหรือไม่"
เจียงเม่ยพลันยิ้มกว้าง "เรื่องหาสามีข้าขอเป็นคนหาด้วยตนเองนะเจ้าคะ เพราะคนที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตเคียงคู่ไปด้วยกันก็คือข้ากับเขานี่เจ้าคะ"
จางหยุนผิงผุดยิ้มบาง "เช่นนั้นก็ตามแต่ใจของเม่ยเอ๋อร์เถิด แต่หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ตากับยาย หรือท่านลุงของเจ้าช่วยหรือก็จงรีบบอกทันที เข้าใจหรือไม่"
"ขอบคุณท่านตาและท่านยายมากนะเจ้าคะ"
เจียงเม่ยเอนตัวไปกอดจางหยุนผิงและเหอจื้อหลินด้วยความตื้นตันใจ นานมากแล้วที่นางไม่ได้รับไออุ่นเช่นนี้
ช่างโชคดีเหลือเกิน!
หลายวันผ่านไปหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น การที่เจียงซูฉีถูกลงโทษนั้นทำให้บ่าวไพร่ในจวนเริ่มมองเจียงเม่ยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รั่วจูที่เคยถูกเจียงเม่ยข่มขู่รู้สึกชีวิตของตนเองกำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา นางกลัวเหลือเกินว่าจะเป็นคนต่อไปที่ถูกเจียงเม่ยเล่นงาน
"รั่วจูคุณหนูใหญ่ให้เจ้าไปพบที่เรือน เจ้ารีบไปเสียสิ"
'ชุนฝู' สาวใช้ในเรือนใหญ่เข้ามาตามรั่วจูให้กับเจียงเม่ย
"ทำไมต้องเป็นข้าด้วย ข้าคือสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูรองนะ"
"แต่ตอนนี้คุณหนูรองถูกกักบริเวณ และคุณหนูใหญ่ก็เป็นเจ้านาย หรือเจ้าคิดจะขัดคำสั่งของเจ้านายกัน"
"ข้า..."
"เจ้ารีบไปเสียเถิด หากให้คุณหนูใหญ่รอนานคงไม่ดีแน่"
"เข้าใจแล้ว"
ไหล่ทั้งสองของรั่วจูลู่ลงด้วยความจำนน ตอนนี้คงถึงคราวของนางเสียแล้ว ทว่าตัวนางกลับคิดผิดเพราะเจียงเม่ยไม่ได้เรียกนางไประบายโทสะแต่อย่างใด แต่กลับให้นางติดตามไปยังร้านค้าในเมืองหลวง โดยตลอดทั้งวันเจียงเม่ยเดินเข้าออกแต่ละร้านเป็นว่าเล่น ทั้งนางยังมอบของล้ำค่าให้รั่วจูมิน้อยเลย
รั่วจูที่ไม่เคยได้รับของล้ำค่ารู้สึกดีใจยิ่งนัก นางรับของพวกนั้นจากเจียงเม่ยด้วยความดีใจยิ่ง ไม่ว่าเจียงเม่ยจะเอ่ยถามเรื่องใดนางก็ตอบทั้งหมด ทว่ามีเพียงเรื่องของเจียงซูฉีเท่านั้นที่นางมิได้แพร่งพรายออกไปเลย เจียงเม่ยเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร นางเพียงถามความนิยมในช่วงนี้ของเมืองหลวง และเรื่องราวข่าวลือที่เกิดขึ้นในเวลานี้ รั่วจูผู้นี้ก็สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับนางมาไม่น้อยเลย
ห้องบรรพชน
เจียงซูฉีต้องนั่งคัดมารยาทสตรี 100 จบ ภายในห้องที่ทั้งมืดและอับชื้น ตั้งแต่นางมาอยู่ที่ห้องบรรพชนสติของนางที่เคยแจ่มใสพลันขุ่นมัวตลอดเวลา ภายในใจยิ่งนึกแค้นเคืองเจียงเม่ยอย่างหาที่สุดไม่ได้ ยิ่งได้รู้ว่าสาวใช้ข้างกายไปคอยรับใช้เจียงเม่ย นางก็ยิ่งไม่พอใจนัก
"วันนี้รั่วจูก็ออกไปข้างนอกกับคุณหนูใหญ่อีกแล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้เลยว่ารั่วจูนั้นจะแพร่งพรายเรื่องของคุณหนูรองออกไปมากน้อยเพียงใด" ชุนฝูเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก
"หากรั่วจูทรยศข้าจริง ข้าไม่ปล่อยไปแน่!"
"บางทีรั่วจูอาจจะกำลังช่วยสอดส่องคุณหนูใหญ่ให้กับคุณหนูก็ได้นะเจ้าคะ"
"อย่างนั้นหรือ"
น้ำเสียงอันเรียบนิ่งที่ไม่บ่งบอกว่าผู้พูดกำลังรู้สึกอะไรอยู่นั้น กลับยิ่งน่าหวาดหวั่นยิ่งนักในความรู้สึกของคนฟัง
"บ่าวเชื่อว่ารั่วจูจะต้องภักดีต่อคุณหนูรองอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"
"ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น"
เจียงซูฉีตวัดพู่กันในมือเขียนเป็นอักษร 'ซื่อสัตย์' ก่อนจะตามด้วยคำว่า 'ทรยศ' หลังจากนั้นนางก็จุ่มพู่กันลงในแท่นฝนหมึกอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคู่นี้มองเลยออกไปไกลอย่างใช้ความคิด...
ตำหนักบูรพา
หรงป๋อไฉ่กำลังตกอยู่ในอาการเบื่อหน่าย เขามองดูภาพหญิงงามในแคว้นฉินแล้วรู้สึกเฉยเมยยิ่งนัก แม้ว่าสตรีเหล่านี้จะงดงามแตกต่างกันไป ทว่ากลับไม่มีใครเลยที่จะทำให้เขาสนใจได้
"สองภาพนี้คือบุตรสาวจากตระกูลเจียงพ่ะย่ะค่ะ ทางด้านนี้คือคุณหนูใหญ่นามว่าเจียงเม่ย ส่วนทางด้านนี้คือคุณหนูรองนามว่าเจียงซูฉีพ่ะย่ะค่ะ" เจากงกงกางภาพเหมือนของสตรีทั้งสองให้องค์รัชทายาทได้ทอดพระเนตร
"ข้าเบื่อแล้ว ไว้ข้าค่อยดูคราวหน้าก็แล้วกันนะเจากงกง"
หรงป๋อไฉ่ลุกขึ้นพรวดทันที เขาไม่แม้แต่จะมองไปทางภาพเหมือนพวกนางเลย ตอนนี้เขาดูภาพสาวงามจนตาลายไปหมดแล้ว เขาอยากไปพบท่านอามากกว่า
"แต่ว่าฝ่าบาท..."
"อีกสามเดือนก็จะถึงงานคัดเลือกแล้ว ไว้ข้าค่อยพบพวกนางเวลานั้นก็ได้มิใช่หรือ"
"ก็ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่หากมีคนที่องค์รัชทายาททรงสนพระทัยก่อนจะได้พบหน้ากัน กระหม่อมจะได้ดูแลนางเป็นพิเศษอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ้อ... ไม่ว่าสตรีคนไหนก็ไม่ถูกใจข้าทั้งนั้นแหละ เมื่อถึงเวลาข้าก็คงต้องเลือกสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งของข้ามิใช่หรือ"
"เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
เจากงกงเหน็ดเหนื่อยกับการถวายงานองค์รัชทายาทยิ่งนัก ด้วยพระองค์มีนิสัยเอาแต่พระทัยตนเอง บางครั้งก็ทำอะไรอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน ทว่าหากเป็นเรื่องของบ้านเมืองแล้วนั้น พระองค์จะให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก ด้วยพระองค์คือว่าที่ฮ่องเต้ที่จะต้องดูแลไพร่ฟ้าประชาชนของตนเองสืบไป
