บทที่ 6 ข้าผิดไปแล้ว
บทที่ 6
ข้าผิดไปแล้ว
เจียงลู่รู้สึกเลือดลมในกายกำลังจับแข็งเป็นก้อน เพราะการกระทำอันไร้หัวคิดของบุตรสาวคนรอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจไยดีในตัวเจียงเม่ย ทว่าตัวนางก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง และตอนนี้ตระกูลเหอก็ได้กลายเป็นคหบดีที่ร่ำรวยมากในเมืองหลวง เขาจึงคิดจะสานสัมพันธ์ในอดีตให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เมื่อกลับมาถึงจวนแล้วพบผู้อาวุโสทั้งสองจึงได้ชวนกันเข้ามาในจวนทันที ทำให้ไม่รู้ว่าภายในจวนได้เกิดเรื่องไม่งามหน้าขึ้น
"นี่มันเรื่องอะไรกันฮูหยิน ข้าไว้ใจให้เจ้าจัดการงานในเรือน แล้วนี่เหตุใดฉีเอ๋อร์ผู้เป็นน้องสาวถึงได้ลงมือทุบตีเม่ยเอ๋อร์ผู้เป็นพี่สาว อย่างไม่รู้จักกฎระเบียบของความอาวุโสเช่นนี้กัน"
หลี่หลินถงพลันหน้าซีดขาว ด้วยที่ผ่านมาไม่มีครั้งไหนเลยที่เจียงลู่จะสนใจเจียงเม่ย ทว่าวันนี้เขากลับกล่าวโทษนางเพียงเพราะคนจากตระกูลเหอมาเห็นภาพนี้เช่นนั้นหรือ
"ก็แค่พี่น้องเล่นกันเท่านั้นเองเจ้าค่ะ เหตุใดท่านพี่ถึงกล่าวคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้กันเล่าเจ้าคะ"
"เหอะ! ข้าเพิ่งรู้ว่าจวนตระกูลเจียงชอบละเล่นกันเช่นนี้ ถ้าหากข้าเองก็อยากจะเล่นกับเจ้าเช่นนี้บ้างจะได้หรือไม่"
จางหยุนผิงจับจ้องไปทางหลี่หลินถงด้วยความไม่พอใจ รังแกหลานสาวของนางถึงเพียงนี้ คิดว่านางจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ หรือไร
"นี่เป็นเรื่องในตระกูลเจียง หาใช่เรื่องที่คนตระกูลเหอจะเข้ามาสอดได้ไม่"
"ใช่ ๆ นี่เป็นเรื่องตระกูลเจียงของพวกเจ้า" เหอจื้อหลินยิ้มกริ่ม ก่อนจะหันไปมองยังเจียงลู่ด้วยสายตาเห็นใจ "สงสัยว่าเรื่องที่ข้าจะให้ท่านเสนาบดีเจียงยืมเงินไปลงทุนนั้นคงจะไม่ได้เสียแล้วสิ"
"นี่มัน! ไม่ได้นะท่านพ่อตา ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะมอบเงินหนึ่งแสนตำลึงทองให้ข้าไม่ใช่หรือ"
เจียงลู่ที่ต้องการนำเงินไปลงทุนกับสหายหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก ด้วยเขาเพิ่งจะพูดคุยเรื่องนี้กับเหอจื้อหลินเมื่อครู่นี้เอง และอีกฝ่ายก็ไม่ได้อิดออดที่จะมอบเงินให้กับเขาเลย
"เพราะข้าเป็นตระกูลเหอที่มิอาจยื่นมือยาวไปยังตระกูลเจียงได้อย่างไรเล่า"
"หลี่หลินถง! เจ้าช่างเป็นสตรีที่ไม่รู้ความนัก รีบขอโทษท่านพ่อตาและท่านแม่ยายของข้าเดี๋ยวนี้เลย"
"ท่านพี่!"
"ขอโทษซะ"
คำสั่งของเจียงลู่ทำให้หลี่หลินถงตกที่นั่งลำบาก ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหลี่ของนางกำลังตกต่ำลง มีหรือที่นางจะต้องลดศักดิ์ศรีของตนเองมาทำเรื่องเช่นนี้
"ปะ เป็นข้าที่ล่วงเกินผู้อาวุโสทั้งสองเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยพวกท่านทั้งสองด้วยเจ้าค่ะ"
สีหน้าที่ก้มต่ำลงนั้นของหลี่หลินถงมีแต่ความเคียดแค้น นางโกรธสามีและคนตระกูลเหอจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
"ช่างเถอะ! ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้ความมากนักหรอก มิเช่นนั้นเจ้าจะปล่อยให้เจียงซูฉีผู้เป็นน้องสาว ลงมือทุบตีเม่ยเอ๋อร์ของข้าโดยไม่ห้ามปรามอะไรเลยหรือ"
จางหยุนผิงเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ นางตรงเข้ามาจับพลิกใบหน้าของหลานสาวดูเป็นการใหญ่ เช่นเดียวกับเหอจื้อหลินที่ใช้สายตากวาดมองทั่วทั้งร่างของหลานสาวอย่างปวดใจนัก เป็นพวกเขาที่ละเลยเจียงเม่ยจนทำให้นางต้องทนทุกข์ถึงเพียงนี้
"ท่านตาท่านยาย หลานอกตัญญูยิ่งนัก มิได้ไปคารวะพวกท่านทั้งสองที่จวนเลย โปรดลงโทษหลานด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
เจียงเม่ยรีบทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าของสองผู้เฒ่า การกระทำนี้ของนางยิ่งทำให้สองสามีภรรยาเจ็บลึกกลางอก พวกเขาได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างจากเหอต้าเจิงแล้ว และรู้ด้วยว่าเป็นเพราะเจียงเม่ยจึงทำให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤติมาได้
"นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลยเม่ยเอ๋อร์ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะผู้อื่นทั้งสิ้น"
สายตาของจางหยุนผิงพลันมองไปทางหลี่หลินถงอย่างคาดโทษ หลี่หลินถงที่สบตาเข้ากับจางหยุนผิงพลันกระจ่างแจ้งแก่ใจ เรื่องที่นางกีดกันไม่ให้เจียงเม่ยไปพบหน้าคนตระกูลเหอ คงถูกพวกเขาล่วงรู้เสียแล้ว
"เอ่อ ข้าว่าเราไปนั่งพูดคุยกันที่ห้องหนังสือของข้าดีหรือไม่ เราจะพูดคุยเรื่องสัญญาการยืมเงินด้วย" เจียงลู่ไม่ต้องการปล่อยเวลาให้นานนัก เขาอยากได้เงินก้อนนี้อย่างเร็วที่สุด
"ได้สิ! แต่ข้าขอดูความยุติธรรมของท่านเสนาบดีเจียงจะได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าบุตรสาวที่ท่านรักและหวงแหนที่สุด เมื่อทำผิดแล้วจะถูกลงโทษเช่นไร"
"อ่า... นั่นสินะ" เจียงลู่ลูบคางของตนเองอย่างครุ่นคิด "เช่นนั้นก็ให้ฉีเอ๋อร์ไปสำนึกตนที่ห้องบรรพชนสักเจ็ดวัน แล้วให้คัดหนังสือมารยาทมา 100 จบก็แล้วกัน"
"ท่านพ่อ! แต่นังเจียงเม่ยเป็นคนทำให้ข้าเสียหน้านะเจ้าคะ ข้าต้องถูกองค์รัชทายาทเข้าใจผิดว่าไปยั่วยวนพระองค์เลยนะเจ้าคะ นี่เป็นความผิดของนังเจียงเม่ย เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ลงโทษมันบ้าง"
"น้องรองกล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก เจ้าให้ข้าวาดรูปบนพัดโดยไม่บอกกล่าวสิ่งใดเลย ตัวข้าเองก็แค่วาดรูปเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าเจ้าจะนำพัดที่ข้าวาดรูปต้นหลิวลู่ลมที่มีนกยวนยาง ไปมอบให้กับองค์รัชทายาทได้เล่า! ทั้งเจ้ายังแอบอ้างว่าตนเองเป็นคนวาดรูปเองอีก เช่นนี้จะมาโทษว่าเป็นความผิดของข้าได้อย่างไรกัน"
"นี่มันหมายความว่าอย่างไร! เจ้าขโมยผลงานของเม่ยเอ๋อร์ไปเป็นของตนเองหรือ คนแก่เช่นข้าได้ยินเรื่องน่าละอายใจเช่นนี้ชักจะทนไม่ไหวเสียแล้วสิ!" จางหยุนผิงแตะแขนของสามีเบา ๆ "ท่านพี่เรากลับจวนตระกูลเหอของเรากันก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้ามิอาจ..."
เพียะ!
เสียงตบหน้าที่ดังสนั่นภายในห้องโถงดังก้องไปทั่วบริเวณ เจียงซูฉีที่ถูกเจียงลู่ตบหน้าจนตกใจแทบสิ้นสติ เช่นเดียวกับหลี่หลินถงที่ตกใจมิต่างกันนัก
นางรีบรุดเข้ามาดูอาการของบุตรสาวทันที พบว่าแก้มนวลเนียนปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้า ริมฝีปากปริแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมาด้วย เพียงครู่เดียวปากของนางก็บวมช้ำขึ้นมาทันที แรงตบเมื่อครู่นี้ของเจียงลู่มิเบาเลย
"ข้าไม่คิดว่าจะเลี้ยงดูบุตรสาวที่น่ารังเกียจเช่นนี้เลย เจ้ารีบไปคุกเข่าขอโทษพี่สาวของเจ้าเดี๋ยวนี้!!"
"ท่านพ่อ ขะ ข้าไม่ผิด ปะ เป็นนังเจียงเม่ย"
เพียะ!
ร่างของเจียงซูฉีเซถลาไปกองกับพื้น นางกอบกุมใบหน้าที่แดงก่ำของตนด้วยความคาดไม่ถึง
"หากเจ้ายังไม่รู้จักสำนึกอีก ข้าจะส่งเจ้าไปถือศีลที่อารามตงไห่เสีย เจ้าจะเอาอย่างนั้นหรือไม่"
"ขะ ข้า"
"รีบขอโทษเร็วเข้า"
หลี่หลินถงที่มองสถานการณ์ออกรีบกระตุกแขนบุตรสาวเป็นการใหญ่ ตอนนี้พวกนางสองแม่ลูกมิอาจทำสิ่งใดได้แล้ว
"ท่านแม่..."
แววตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองหน้ามารดาอย่างคาดไม่ถึง นี่ท่านแม่กำลังสั่งให้นางก้มหัวให้นังเจียงเม่ยหรือ นางไม่ยอมโดยเด็ดขาด!
"รีบขอโทษพี่สาวของเจ้าเดี๋ยวนี้"
"ฮึก ๆ ไม่มีใครรักข้าเลย"
"เจียงซูฉี! แม่บอกให้ขอโทษพี่สาวของเจ้าเดี๋ยวนี้"
หลี่หลินถงเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อนั้นเจียงซูฉีจึงได้ยินยอมไปขอโทษเจียงเม่ย นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเจียงเม่ยแล้วก้มศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างขอไปที
"ขออภัยพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ"
"การขอโทษของน้องรองช่างไม่จริงใจเอาเสียเลย"
"นี่เจ้า!" เจียงซูฉีกัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ
"รีบคุกเข่าโขกศีรษะพี่สาวของเจ้าเสียฉีเอ๋อร์" เจียงลู่เอ่ยเสียงเข้ม
เจียงซูฉีกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ นางจำใจคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะขออภัยเจียงเม่ย
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอพี่หญิงใหญ่อภัยให้ข้าด้วย"
"..."
นางโขกศีรษะหนึ่งทีแล้ว ทว่าฝ่ายเจียงเม่ยก็ยังคงไม่ยอมเอ่ยปากยกโทษให้ เจียงซูฉีจึงกัดฟันแน่นแล้วโขกศีรษะอีกครั้ง
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอพี่หญิงใหญ่อภัยให้ข้าด้วย"
"..."
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอพี่หญิงใหญ่อภัยให้ข้าด้วย"
"..."
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอพี่หญิงใหญ่อภัยให้ข้าด้วย"
"...."
"ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอพี่หญิงใหญ่อภัยให้ข้าด้วย"
เจียงซูฉีโขกศีรษะถึงห้าครั้ง ทำให้หน้าผากของนางปรากฏรอยแดงก่ำ
"ในเมื่อน้องรองรู้ผิดแล้ว ข้าก็จะอภัยให้น้องรองสักครั้ง แต่หากมีครั้งหน้าต่อให้น้องรองมาคุกเข่าขออภัยข้า ข้าก็คงมิอาจทำใจยกโทษให้เจ้าได้"
"ขอมิกล้าแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ที่ยกโทษให้ข้าเจ้าค่ะ"
"เจ้าลุกขึ้นเถิด"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
