บทที่ 5 โฉมงามร่ำไห้
บทที่ 5
โฉมงามร่ำไห้
เจียงซูฉีรู้สึกอับจนหนทางเหลือเกิน นางไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะมาเสียรู้ให้กับเจียงเม่ยเช่นนี้ได้ ต้องเป็นเพราะนังเจียงเม่ยต้องการกลั่นแกล้งนางเป็นแน่ ถึงได้วาดนกยวนยางเช่นนี้ ช่างน่าเจ็บใจนัก!
"เจ้าไม่ต้องกลัวนะฉีเอ๋อร์ หากเจ้าบอกว่าไม่ได้ทำก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้ทำ แต่ว่า... ภาพวาดบนพัดนั้นเจ้าไม่ได้เป็นคนวาดเองหรอกหรือ เช่นนั้นแล้วเป็นผู้ใดวาดเล่า"
เสิ่นเยว่สือเข้ามาปลอบสหายด้วยความเห็นใจ ทว่าคำพูดของนางราวกับกำลังจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเจียงซูฉีเป็นสตรีโกหก ชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมานาน เห็นทีจะต้องมัวหมองในวันนี้เสียแล้ว
"ข้า ข้า ฮือ ๆ หม่อมฉันไม่รู้จริง ๆ เพคะว่ารูปนกยวนยางนั้นเป็นฝีมือของผู้ใด ด้วยตอนหม่อมฉันวาดรูปก็มีเพียงสาวใช้ และ และพี่หญิงใหญ่เท่านั้นเพคะ"
เจียงซูฉีจะไม่ยอมรับเป็นอันขาดว่านางนั้นไม่ได้เป็นคนวาดรูปเอง มิเช่นนั้นคงได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะเป็นแน่ มีเพียงแค่ทางเดียวคือการโยนความผิดทั้งหมดให้กับเจียงเม่ย
เสิ่นเยว่สือเอ่ยถาม "เช่นนั้นนี่ก็เป็นฝีมือของคุณหนูใหญ่เจียงหรือ"
"ข้าไม่แน่ใจ บางทีอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้"
เจียงซูฉีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตนเอง ไหล่เล็กที่ลู่ลงทำให้คนมองรู้สึกเห็นใจยิ่งนัก หรงป๋อไฉ่เองก็เกือบจะเชื่อไปแล้วว่านี่คือการกลั่นแกล้งในหมู่พี่สาวน้องสาว ทว่าเมื่อเขาหยิบพัดในมือของเสิ่นฮูหยินกลับมาแล้วพิจารณาอีกครั้ง กลับรู้สึกว่าน้ำหนักการลงสีที่มีทั้งหนักและเบาของนกยวนยางนั้น ช่างเหมือนกับต้นหลิวลู่ลมยิ่งนัก
"อืม... ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ต้องขออภัยคุณหนูรองเจียงด้วย"
"หามิได้เพคะ ทั้งหมดเป็นความสะเพร่าของหม่อมฉันเองที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ทำให้องค์รัชทายาทต้องรู้สึกไม่ดีไปด้วย หม่อมฉันต้องขออภัยจริง ๆ เพคะ"
ใบหน้าที่เคยซีดขาวพลันคลี่ยิ้มบางด้วยความโล่งใจ หัวใจที่เคยเต้นระรัวด้วยความตื่นกลัวพลันกลับมาเต้นปกติดังเดิม
"ช่างเรื่องนั้นเถิด แต่ว่า... ข้าเองชอบฝีพู่กันของคุณหนูรองเจียงมาก และข้าเองก็มีพัดที่ไม่ได้วาดลวดลายใดเลย หากข้าจะขอให้คุณหนูรองเจียงช่วยวาดต้นหลิวลู่ลมบนพัดของข้าตอนนี้เลยได้หรือไม่"
เจียงซูฉีที่คลี่ยิ้มหวานพลันชะงักงันด้วยความตกใจ นางตกใจจนแทบจะกักเก็บสีหน้าอันสุขุมของตนไม่ได้เลย หรงป๋อไฉ่ที่เห็นเช่นนั้นลอบยิ้มในใจ สตรีผู้นี้ช่างร้ายกาจไม่เบาเลย โยนความผิดให้กับพี่สาวของตนเองอย่างหน้าตาเฉย เขาที่ชมชอบเรื่องสนุกแทบจะอดใจรอไม่ไหวเลย
"มะ หม่อมฉันเกรงว่า..."
"อ่า... ข้าคงจะขอมากเกินไปสินะ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้วสิ"
"มะ ไม่ใช่เช่นนั้นนะเพคะ คะ คือว่า..."
"ช่างเถอะ! ในเมื่อเจ้าไม่สะดวกใจที่จะวาดรูปให้กับข้า ข้าก็จะไม่บังคับฝืนใจเจ้า เช่นนั้นข้าขอตัวกลับตำหนักบูรพาเลยก็แล้วกัน"
หรงป๋อไฉ่คร้านจะอดทนฟังคำแก้ตัวของเจียงซูฉีแล้ว เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่านางโกหก
"อะ องค์รัชทายาท!"
เจียงซูฉียืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ด้วยหรงป๋อไฉ่ได้กล่าวอำลาเสิ่นฮูหยินแล้วลุกจากไปทันที ตัวเขาที่เดินผ่านร่างของเจียงซูฉีนั้นมีแต่ความเย็นชา ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่แม้แต่จะชายตาแลนางเลย สร้างความปวดใจให้กับเจียงซูฉีเป็นอย่างมาก
"ฮึก ๆ"
เมื่อหรงป๋อไฉ่จากไปแล้ว เจียงซูฉีก็มิอาจมีหน้าอยู่ต่อได้อีกแล้ว นางทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้กังขาในฝีมือการวาดภาพเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นมีแต่จะต้องรีบกลับจวนแล้วไประบายโทสะใส่เจียงเม่ย ผู้ที่ทำให้นางต้องอับอายขายหน้าทุกคน โดยเฉพาะองค์รัชทายาทผู้เป็นบุรุษในดวงใจของนาง!!
จวนตระกูลเจียง
เจียงเม่ยถูกตามตัวให้มาที่เรือนหลักเป็นการด่วน นางก็พอจะคาดเดาได้แล้วล่ะว่าเรื่องอะไร เพราะในนิยายมีเขียนไว้ว่าเจียงซูฉีจะนำพัดที่นางเอกวาดไปมอบให้กับองค์รัชทายาท ทว่าในนิยายไม่มีใครสงสัยแต่กลับชื่นชมในฝีมือของเจียงซูฉี กว่าทุกอย่างจะเปิดเผยว่าที่ผ่านมาการวาดภาพของเจียงซูฉีคือฝีมือของเจียงเม่ย ก็เป็นตอนที่ทั้งสองเข้ารับการคัดเลือกพระชายาขององค์รัชทายาท ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่นางได้วาดภาพนกยวนยางเพื่อสร้างสถานการณ์ยากลำบากให้กับเจียงซูฉี คนฉลาดเช่นองค์รัชทายาทจะต้องจับสังเกตได้เป็นแน่
"เจียงเม่ยคารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ"
เพล้ง!
ถ้วยชาในมือของหลี่หลินถงพลันถูกเขวี้ยงใส่หน้าของเจียงเม่ย ทว่าตัวนางกลับเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทำให้ถ้วยน้ำชาที่ถูกเขวี้ยงมานั้นหล่นตรงแทบเท้าของนาง น้ำชาบางส่วนยังกระเด็นเปื้อนชายอาภรณ์ของนางด้วย
"บังอาจหลบอย่างนั้นหรือ เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วสินะเจียงเม่ย!" หลี่หลินถงชี้หน้าเจียงเม่ยอย่างมีโทสะ
เจียงเม่ยพลันแสยะยิ้มมุมปาก "ท่านเป็นถึงฮูหยินใหญ่แต่กลับกระทำกิริยาเช่นนี้ข้ารู้สึกตกใจยิ่งนัก มิทราบว่าข้าทำผิดอันใดร้ายแรง จนฮูหยินใหญ่แสดงกิริยาที่ไร้การศึกษาเช่นนี้กันเจ้าคะ"
"จะ เจ้า!!"
เพียะ!
เจียงซูฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างมิอาจทนได้ นางตรงดิ่งเข้ามาตบหน้าของนังพี่สาวตัวดีเต็มแรง ใบหน้านวลพลันขึ้นสีแดงก่ำ รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดบนใบหน้าของเจียงเม่ยอย่างชัดเจน ริมฝีเล็กพลันปริแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมา ทว่าเจียงเม่ยหาได้รู้สึกเจ็บปวดไม่ นางเพียงเช็ดคราบเลือดของตนออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้องสาวตัวดีด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก
"ทำร้ายข้าที่เป็นพี่สาวถึงเพียงนี้ เจ้าคงรอรับผลที่จะตามมาแล้วสินะเจียงซูฉี"
"หึ! ขยะไร้ค่าอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ต่อให้วันนี้ข้าตีเจ้าให้ตายก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวโทษข้า"
เจียงซูฉีเชิดหน้าตอบอย่างไม่กลัวเกรง นางมองเจียงเม่ยผู้นี้เป็นเพียงก้อนกรวดที่ขวางหูขวางตานางเท่านั้นเอง
"เช่นนั้นข้าก็จะเป็นขยะไร้ค่าที่คนเช่นเจ้ามิอาจมาเทียบเคียงได้"
เจียงเม่ยประกาศกร้าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เจียงซูฉีได้ยินเช่นนั้นก็มิอาจกักเก็บความโกรธได้อีกต่อไป นางตรงเข้ามาทุบตีเจียงเม่ยด้วยความโกรธแค้น โดยมีหลี่หลินถงจิบน้ำชามองดูการกระทำของบุตรสาวด้วยสายตาเรียบเฉย เจียงเม่ยเองก็ทำเพียงปัดป้องเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เวลานี้ใบหน้าของนางมีรอยแดงจากฝ่ามือของเจียงซูฉีทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
"ฮูหยินเจ้าคะ คนจากจวนตระกูลเหอมาขอพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ" สาวใช้เข้ามารายงานด้วยสีหน้าย่ำแย่
"เม่ยเอ๋อร์ไม่สบาย ตอนนี้ไม่สะดวกให้ผู้ใดเข้าพบ"
หลี่หลินถงพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เหตุใดคนตระกูลเหอจะต้องมาที่นี่วันนี้ด้วย นางคิดว่าพวกเขาตัดขาดจากเจียงเม่ยไปแล้วเสียอีก แล้วเพราะเหตุใดกันเล่าคนพวกนี้ถึงยังมาหาเจียงเม่ยอีกเล่า สายตาของหลี่หลินถงที่ใช้มองเจียงเม่ยเต็มไปด้วยความกังขา
ดูท่าว่าเจียงเม่ยจะไม่ได้ว่าง่ายดั่งเช่นกาลก่อนเสียแล้ว...
"บะ บ่าวแจ้งแล้วเจ้าค่ะ แต่พวกเขาก็ยังยืนกรานว่าจะพบคุณหนูใหญ่ให้ได้เลยเจ้าค่ะ ละ และตอนนี้ก็มีชาวบ้านมิน้อยเลยที่เริ่มมามุงดูหน้าประตูจวนเจ้าค่ะ"
"เฮ้อ... เช่นนั้นเจ้าก็ไป..."
"นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดเม่ยเอ๋อร์ถึงมีสภาพเช่นนี้กันเล่า"
น้ำเสียงแหบต่ำของ 'จางหยุนผิง' ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเหอดังขึ้นตรงหน้าประตูห้องโถง โดยด้านหน้าของพวกเขามีเจียงลู่ที่เดินนำหน้ามา พวกเขาทั้งหมดล้วนติดตามท่านประมุขตระกูลเจียงเพื่อเข้ามาเยี่ยมหลานสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน ทว่าภาพที่พวกเขาเห็นนั้น กลับทำให้สีหน้าของสองผู้เฒ่าตระกูลเหอหม่นคล้ำลงทันที
"เห็นทีท่านเสนาบดีคงต้องอธิบายเรื่องนี้ให้คนแก่อย่างข้าแล้วล่ะ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน! เหตุใดหลานสาวของข้าที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่ถึงได้มีสภาพน่าอนาถถึงเพียงนี้!!"
'เหอจื้อหลิน' นายท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เขารีบรุดเข้าไปพยุงร่างของหลานสาวที่บวมช้ำไปทั้งตัวให้ลุกขึ้นยืน สายตาแห่งความไม่พอใจพลันตวัดมองเจียงซูฉีด้วยความโกรธเคือง
สมควรตายนัก!!
