ตอนที่ 17 มิใช่บ่าวรับใช้ เช่นนั้นนางเป็นคนรักท่านแม่ทัพหรือ
หนึ่งเดือนผ่านไป
ดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ทอแสงส่องกระทบหยดน้ำค้างใสไหลลงสู่พื้นดิน หมอกหนาปกคลุมยอดเขาสูง ยามเช้าตรู่เช่นนี้กลับมีคนผู้หนึ่งกำลังยืนเป่าขลุ่ยอยู่บนแพเล็กที่ไหลตามกระแสน้ำช้าๆ ท่ามกลางแม่น้ำผืนใหญ่ที่คดเคี้ยว เสียงจากเครื่องดนตรีไม้ท่วงทำนองไพเราะชวนให้จิตใจสงบ คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ตลอดทั้งตัว รูปกายสูงโปร่งดูสง่างาม เขาคือบุรุษอย่างมิต้องสงสัยแต่กลับมีใบหน้างดงามเยี่ยงสตรี ระหว่างคิ้วหนาปรากฏรูปวาดเล็กๆสีแดงคล้ายหยดน้ำ ดวงตาคมมีเสน่ห์น่าหลงใหล มิว่าเป็นสตรีหรือบุรุษด้วยกันคงยากที่จะต้านทานสายตานี้ได้ แพเล็กๆค่อยๆเทียบท่าช้าๆ ที่ริมแม่น้ำปรากฏคนสองคนที่มาเฝ้ารอเขาอยู่นานแล้ว
“รัชทายาทคงเดินทางถึงทางเข้าอำเภอแล้วกระมัง เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้”
อี้หนิงหลง องค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเทียนเอ่ยทักทายจ้าวเทียนหยางที่มารออยู่ที่นี่ไม่นานนัก
“องค์ชายสี่”
จ้าวเทียนหยางเอ่ยพลางทำท่าคารวะก่อน อี้หนิงหลงเองก็ทำท่าคารวะตอบกลับเช่นกัน
“เชิญ”
จ้าวเทียนหยางเอ่ยเพียงสั้นๆ พร้อมผายมือให้และเดินนำไปก่อน
……
ณ บริเวณทางเข้าเมืองหย่าฝู้
นายอำเภอรวมถึงขุนนางทุกตำแหน่ง ชาวบ้าน ต่างมายืนรอต้อนรับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยเทียนอย่างพร้อมเพรียงด้วยความตื่นเต้น ไม่นานคณะเดินทางจากวังหลวงก็มาถึง
“คารวะองค์รัชทายาท”
ห่าวหลาน นายอำเภอเมืองหย่าฝู้รีบเข้าไปต้อนรับด้วยความนอบน้อม ชายในชุดหรูหราที่อยู่บนหลังม้าพยักหน้า กริยาดูเหย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเป็นถึงผู้ใดกัน แค่นายอำเภอตำแหน่งต่ำต้อยไม่มีค่าให้เขาต้องใส่ใจ
“เชิญด้านในเรือนรับรองขอรับ”
ห่าวหลานเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เหวินเย่วเสียง กวาดสายตาดูเหล่าขุนนางที่บ้างก็คุ้นหน้าเป็นอย่างดีคราที่อยู่เมืองหลวง แต่ผู้คนเหล่านี้มิได้จงรักภักดีกับเขา หรือไม่ใช่คนของเขาเช่นกัน ขณะที่ม้าค่อยๆเดินเข้าไปยังเรือนรับรองที่ถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดี เยี่ยนฝางเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน นางถูกทุกคนลากตัวมาที่นี่และก็ไม่เคยเห็นหน้ารัชทายาทมาก่อน หญิงสาวธรรมดาเช่นนางจะรู้จักเขาได้เช่นไรกัน
ดวงตางามเงยหน้ามองคนที่อยู่บนหลังม้า ก็ได้คำตอบในใจ ถึงแม้บนร่างกายจะสวมอาภรณ์หรูหราเพียงใด แต่กลับดูไม่สง่างามเหมือนแม่ทัพเจ้าที่สวมเพียงชุดธรรมดาหรือชุดแม่ทัพยามออกรบที่เต็มไปด้วยรอยขาดจากการสู้รบเลยแม้แต่น้อย แต่ขณะนั้นเองดวงตาคมที่อยู่บนหลังม้ากลับสบตาเข้ากับนางอย่างจัง เยี่ยนฝางรีบหลบตาเขาทันที
“จื่อหาวเหล่า”
ซีอันเดินเข้ามาถามในกลุ่มผู้ช่วยอีกสามคนที่นั่งอยู่ ขณะดูเหตุการณ์คณะเดินทางขององค์รัชทายาทอยู่ไกลๆ
“รายนั้นห่างกายท่านแม่ทัพได้กี่ก้าวกัน”
ห่าวอู๋เอ่ยตอบหญิงสาว ขณะที่สายตายังคงมองคณะเดินทางที่ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านหน้าไป โดยไม่คิดว่าจะเข้าไปตอนรับเหมือนคนอื่นๆ
“ไปกันเถิด ข้ามิอยากให้ท่านแม่ทัพต้องดูมิดี”
ซีอันเอ่ยขึ้นเหมือนเป็นกังวล แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ายังกังวลเรื่องนั้นอีกหรือ”
“ก็จริงของเจ้า มิเช่นนั้นคงเห็นท่านแม่ทัพอยู่ที่นี่วันนี้”
เอ่ยจบทั้งสี่คนก็เดินเข้าไป
…
ภายในห้องรับรอง เหวินเย่วเสียงนั่งที่หน้าสุดของห้องโถงรับรอง รองลงมาคือ ลู่จื่อหาร ห่าวหลาน และคนที่มีตำแหน่งอื่นๆอย่างพร้อมเพียง เยี่ยนฝางยืนอยู่กับผู้ช่วยของจ้าวเทียนหยาง ท้ายสุดจนเกือบถึงหน้าประตูทางเข้าเลยด้วยซ้ำ
แปะๆ
เสียงปรบมือของห่าวหลานดังขึ้น ไม่นานก็มีสตรีงดงามแต่งกายน้อยชิ้นเดินเข้ามาเป็นแถว ใบหน้าของพวกนางประดับด้วยรอยยิ้มหวาน นำอาหารและสุราเข้ามา
“มิคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ ห่าวหลานจะมีกระจิตกระใจสำราญ ชาวบ้านเพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วงมาได้ อีกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยด้วยซ้ำ”
หยุนไฉเอ่ยขึ้น
“เจ้าเบาเสียงหน่อย”
ซีซวนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยเตือน เนื่องจากที่นี่ยังมีคนผู้หนึ่งที่อำนาจไม่ธรรมดาอยู่ด้วย
มือเรียวยาวถือจอกสุรา จากนั้นค่อยๆเดินอ้อนแอ้นไปทางเหวินเย่วเสียงพร้อมใบหน้าที่ยิ้มหวาน ดวงตานางคมเฉี่ยวที่หางตาแต่งแต้มคล้ายกรีบดอกไม้เล็กๆ แต่จังหวะที่นางกำลังจะรินสุรา มือหนาของชายผู้นั้นก็ยกขึ้นห้ามเอาไว้
“ไม่ทราบว่านางทำอันใดให้องค์รัชทายาทไม่พอใจหรือไม่ขอรับ”
ห่าวหลานรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลทันที แม่นางคนนี้นับว่าเป็นบ่าวรับใช้สตรีที่งดงามที่สุดในอำเภอของเขาเลยก็ว่าได้
“นั้นสิเจ้าคะ ซินเออร์ทำอันใดให้องค์รัชทายาทไม่พอใจกันเจ้าคะ”
นางจีบปากจีบคอพูด ความงามของนางไม่เคยมีบุรุษผู้ใดกล้าปฏิเสธ และทำท่าจะรินสุราที่ตั้งใจไว้ต่อ แต่กลับถูกมือหนาคว้าถ้วยสุราออก จนน้ำสุราใสหกลงที่โต๊ะไม้แทน
“บังอาจ!”
ตุ๊บ!
องครักษ์ส่วนตัวของเหวินเย่วเสียงรีบเข้ามาขวางทันที ตามด้วยร่างของสตรีนางนั้นล้มลงไปที่พื้น ห่าวหลานรีบส่งสายตาให้นางรีบถอยไปให้ไวที่สุด
“ขออภัยที่ข้าอบรมนางไม่ดี ลากนางไปโบยจนตาย”
“ท่านห่าวหลานช่างใจร้ายนัก หากทำเช่นนั้นชาวบ้านจะมองข้าเป็นคนเช่นไรกัน”
“เช่นนั้น ท่านเห็นควรว่าจัดการนางเช่นไรกัน
“หากนางทำให้ คนผู้นั้นมารินสุราให้ข้าได้”
เหวินเย่วเสียงไม่เอ่ยเปล่า แต่ยังชี้ไปทางเยี่ยนฝางที่อยู่ท้ายสุดของห้องโถงอีกด้วย
“เรียนองค์รัชทายาท แม่ทางท่านนั้นเป็นคนของท่านแม่ทัพจ้าวขอรับ มิใช่บ่าวรับใช้”
นายอำเภอเอ่ยเสียงติดๆขัดๆ พร้อมกับเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าคนที่มิควรไปยุ่งด้วย นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว ยังมีอีกคนผู้หนึ่ง ขณะวันนี้ที่ทุกคนมาต้อนรับ เขายังไม่มาเสียด้วยซ้ำ
“อ้อ…เช่นนั้นหรือ”
“…… “
"เช่นนั้น นางมีตำแหน่งอันใดเหล่า สตรีของแม่ทัพจ้าว คนรักอย่างนั้นหรือ"
"เรียนองค์รัชทายาท นางมิใช่คนรักเจ้าค่ะ นางติดตามมาครั้งนี้เพื่อช่วยงานเจ้าค่ะ"
ซีอันที่ทนไม่ได้เอ่ยตอบกลับไป เนื่องจากนางได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพตั้งแต่เดินทางมาที่อำเภอเมื่อสองเดือนก่อนแล้วว่าให้คอยดูแลนางให้ดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรื่องอันใด นางก็จะไม่ให้หญิงสาวดูไม่ดีในสายตาคนอื่น
” ช่วยงาน…หึ! ซีอัน เจ้าว่ามีสตรีกี่คนที่จะเก่งกาจเท่าเจ้า ทั้งเรื่องบู้และบุ๋น สตรีเช่นนางคงมิพ้นมารับใช้ แล้วมันต่างอย่างไรกับบ่าวรับใช้ หรือนางมีหน้าที่แค่คอยรินชาให้แม่ทัพจ้าวผู้เดียว ข้ามิคู่ควรหรือ”
“นางมิได้เป็นบะ…”
ซีอันจะเอ่ยเถียง แต่กลับถูกซีซวนผู้เป็นพี่ชายห้ามไว้ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดเรื่อง ผู้เป็นนายของเขากับองค์รัชทายาทยืนกันคนละฝั่งผู้คนต่างรู้ดี หากพวกเขาที่เป็นผู้ช่วยกล้ามีเรื่องกับคนผู้นี้ เกรงว่าผู้เป็นนายจะถูกมองว่าไม่ดี แต่อีกใจหนึ่งพวกเขาก็ไม่อยากให้เยี่ยนฝางต้องทำเช่นนั้น เยี่ยนฝางส่ายหน้าเพื่อบอกว่าตนมิเป็นไร
” คารวะองค์รัชทายาท ข้านามว่าเยี่ยนฝางเจ้าคะ “
“เยี่ยฝางหรือ……ความสงบที่หอมหวน แต่ใบหน้าของเจ้าเหมือนกลับจะทำให้ทั่วแคว้นต้องวุ่นวายนะ “
” …… “
เยี่ยนฝางไม่ได้เอ่ยอันใดตอบกลับชายหนุ่ม เพราะคำพูดที่พ่นออกมาจากปากของเขา ล้วนเต็มไปด้วยความดูถูกและไม่ให้เกียติผู้อื่น
“เจ้าเต็มใจจะรินสุราให้ข้าหรือไม่”
“ข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา ไหนเลยจะกล้าปฏิเสธ”
“เช่นนั้นหากเจ้ามิใช่สตรีธรรดา ก็จะปฏิเสธข้าหรือ”
เหวินเย่วเสียงยังคงควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ แต่มือหนาที่อยู่ใต้แขนเสื้อกลับกำแน่นยากที่จะควบคุม บุรุษเช่นเขานอกจากฐานะที่สูงศักดิ์อีกทั้งยังรูปงามไม่แพ้บุรุษผู้ใดในแคว้น สตรีนางนี้ถืออะไรถึงได้กล้าอ้อมค้อม และเลือกปฏิเสธเขาเช่นนี้กัน
“มิได้เจ้าคะ ข้าเพียงกลัวจะทำให้องค์รัชทายาทต้องรำคาญใจ เดิมทีการเดินมาครั้งนี้เพื่อช่วยแบ่งเบางานที่มากมายของท่านแม่ทัพ อีกทั้งข้ามิเคยรับใช้อย่างเช่นรินชารินสุรา งานสตรีก็มิเคยได้แตะ “
” …… “
"ขายหน้าแล้ว เดิมทีสตรีฐานะเช่นข้าควรต้องทำเป็น แต่ข้าชินกับการที่จวนจ้าวบอกว่าหน้าที่เหล่านี้ควรเป็นของบ่าวรับใช้ เพราะงั้นตั้งแต่เด็กจึงทำตัวไม่เหมือนสตรี เอาแต่ท่องตำรา ร่ำเรียนกลยุทธ์ในสำนักศึกษา หวังใช้ความรู้ช่วยเหลือประชาชนชาวแคว้นเป่ยเทียนให้มากที่สุด เลยเป็นความสะเพร่าที่โอกาสครานี้คงไม่สามารถรับใช้ท่านให้ดี"
คำพูดของเยี่ยนฝางเอ่ยอธิบายด้วยใบหน้าเศร้า แต่คนที่ฟังกลับทำให้รู้สึกไม่พอใจ เหวินเย่อเสียงมีสีหน้าดำทมึน คำพูดของนางกำลังเตือนเขาว่านางมิใช่สตรีที่คอยรับใช้บุรุษ แต่เป็นสตรีที่มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งยังทำคุณแก่แคว้นเป่ยเทียนในครานี้ การที่เขาใช้นางรินสุราเหมือนกับบ่าวรับใช้นั้นก็เหมือนดูถูกชาวบ้านที่ต่างชื่นชมและยกย่องนางมาตลอด ผู้ช่วยสี่คนของจ้าวเทียนหยางหลุดขำออกมากับคำพูดของเยี่ยนฝาง ใครบอกสตรีผู้นี้อ่อนแอกัน มิเช่นนั้นจะรับมือ นั่งทำงานในห้องกับท่านแม่ทัพเป็นแรมเดือนได้เช่นไรกัน
“แม่นางมิต้องเป็นกังวล ข้าย่อมยินดีทำ “
เยี่ยนฝางหันมาเอ่ยกับบ่าวรับใช้สตรีที่กำลังจะถูกทำโทษ พร้อมเตรียมตัวจะเดินไปทาง แต่ขณะนั้นกลับมีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาใหม่เสียก่อน สาสตาจับจ้องไปที่เขาเป็นตาเดียว
“นั้นเจ้าจะทำอันใด”
เสียงเข้มเอ่ยถามร่างบาง ใบหน้างามหันมาหาเขาตามเสียง
“ท่านแม่ทัพ”
เยี่ยนฝางเอ่ยพลางทำมือคารวะ คนอื่นๆ ที่เหลือก็ทำตามเช่นกัน
