ตอนที่ 16 ข้าหลงเสน่ห์เขาเข้าอีกแล้ว
"นี่คือรายงานที่ชีอันและหยุนไฉส่งมา เจ้าอ่านและสรุปเป็นหัวข้อต่างๆมาให้ข้า"
"เจ้าค่ะ"
"ทำได้หรือไม่"
"ข้าทำได้เจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหากไม่เข้าใจที่ใด ก็มาถามข้าก่อน ส่วนรายงานใดที่ดูเหมือนเรื่องด่วนก็ให้บอกข้าทันที"
"เรื่องเร่งด่วนมีอันใดบ้างเจ้าคะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยถามด้วยความสงสัย เนื่องจากระหว่างที่ชายหนุ่มพูด ดูเหมือนในรายงานจะมีเรื่องที่ดูเร่งด่วนมากเสียด้วย ทั้งเรื่องเสบียง ยารักษา เครื่องนุ่งห่ม การซ่อมแซม ก็ล้วนด่วนเสียทุกอย่าง
"เรื่องที่ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่อาจก่อให้เกิดปัญหา"
"เช่นฐานกั้นน้ำที่หมู่บ้านหนานกู่กำลังจะแตก ให้ส่งทหารเข้าไปซ่อมแซมด่วนมิเช่นนั้นจะท่วมบ้านเรือนชาวบ้านเล่มนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
"อื้ม"
จ้าวเทียนหยางพยักหน้าให้หญิงสาว ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องกังวลแล้ว หญิงสาวมิเพียงฉลาดและเรียนรู้ได้เร็ว อีกทั้งไหวพริบและการคาดการณ์ยังแม่นยำอีกด้วย
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าจะตั้งใจแบ่งเบางานท่านและให้มันผิดพลาดน้อยที่สุด"
เยี่ยนฝางเอ่ยจบก็เดินไปนำรายงานกองโตมาวางไว้ที่โต๊ะตนเอง ก่อนที่จะนั่งลงและตั้งใจทำงานไปอย่างเงียบๆ จ้าวเทียนหยางมองท่าทางกระตือรือร้นก็อดเอ็นดูนางมิได้ เขาส่ายหน้าให้นางเล็กน้อย และกลับไปทำงานของตนเช่นเดิม
เวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วยาม เยี่ยนฝางที่นั่งจดจ่ออยู่กับรายงานมากมายก็เริ่มเมื่อยล้าและตาลายไม่น้อย ใบหน้างามหันไปทางคนตัวโตที่ยังคงนั่งตัวตรงและไม่เอ่ยอันใดออกมาเลย พลางคิดในใจว่าคนผู้นี้ร่างกายทำจากอันใดกัน ใช่มนุษย์ทั่วไปเหมือนนางรึเปล่า นางไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพบ่นเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทั้งวันทั้งคืนเอาแต่ทำงาน คนผู้นี้นอนตอนใดกันนะ ข้านั่งทำงานเพียงไม่นานยังรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้ แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอันใดเพลินๆ จู่ๆท้องของนางก็ร้องดังขึ้นมา มือเรียวกุมที่ท้องเรียบทันทีด้วยความอาย จ้าวเทียนหยางที่นั่งเขียนรายงานอยู่ก็แอบยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
"หากเจ้าหิวก็ไปทานข้าวก่อน ข้ามิใช่พวกใช้แรงงานเถื่อน"
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปกว่าสองชั่วยาม
"คงเป็นเพราะเมื่อเช้าข้ามิได้ทานข้าว เลยหิวนิดหน่อยเจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยอธิบายพลางเกาท้ายทอยแก้เขินให้ตนเอง
"เหตุใดถึงมิกิน"
"ข้าเกรงว่าจะมาพบท่านสาย เลย......"
"ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หากเจ้ามิทานข้าวเช้า วันนั้นก็มิต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก เข้าใจหรือไม่"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยดุหญิงสาว แต่ยามเอ่ยปกติสีหน้าเขาก็จริงจังอยู่แล้ว พอเขาดุเช่นนี้จึงทำให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่ ใบหน้าของหญิงสาวสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองเผลอดุนางเหมือนอย่างที่ชอบทำกับผู้ช่วยคนสนิทและทหาร
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปกินข้าวก่อนเถิด ข้าอนุญาต"
"ขอบคุณท่านแม่ทัพ แต่เดี๋ยวข้าค่อยไปท่านพร้อมกับทุกคนเจ้าค่ะ"
"เพราะเหตุใด"
"นี่พึ่งต้นยามอู่ โรงครัวยังมิทันทำอาหารเสร็จเจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยจบก็เดินไปยังที่นั่งตนเอง
"เดี๋ยว!"
"เจ้าคะ"
"เอาขนมนี้ไปกินรองท้องก่อน"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยพลางส่งสายตาไปยังขนมที่ผู้ช่วยเขายกมาให้ เยี่ยนฝางยิ้มร่าก่อนจะเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม และหยิบขนมขึ้นก่อนกัดกินไปหนึ่งชิ้น
"อื้มอร่อย ขอบคุณท่านแม่ทัพ"
"ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยพลางหยิบชิ้นใหม่ยื่นไปที่หน้าชายหนุ่ม นางมักเห็นเขาไม่เคยแตะต้องขนมหวานเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นมันวางไว้ที่นี่อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็เห็นสาวใช้เก็บมันออกไปทั้งที่มิได้แตะต้องเลยสักนิด จ้าวเทียนหยางมองขนมที่นางยื่นมาที่หน้า แต่ก็มิได้คิดที่จะกินมัน เพราะเขาไม่ชอบขนมหวาน อีกอย่างเขาบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเอาขนมหวานมาให้เขา แต่ก็ยังเห็นอยู่บ่อยๆ ช่างสิ้นเปลืองเสียจริง
"ข้าไม่ชอบกินขนมหว...."
ชายหนุ่มยังเอ่ยไม่ทันจบ มือเรียวก็ถือวิสาสะหยัดขนมใส่ปากชายหนุ่ม เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะนางหยุดมือไว้ไม่ทัน หากเขาบอกว่าไม่ชอบกินก็คงไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวแข็งข้างอยู่กลางอากาศและขนมที่หยัดเข้าปากไปครึ่งชิ้นแล้ว ปากหนากัดเข้าที่ขนมหนึ่งคำอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาหวานมองปากเขาที่เคี้ยวขนมของนาง หลังจากที่บอกว่าไม่ชอบกินขนมหวาน
"หวาน"
เสียงเข้มเอ่ยเพียงเรียบๆ
"ชะ.....เช่นนั้น ข้าเอากลับไปกินที่โต๊ะ"
หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทีติดขัด และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานไม้ตนเองด้วยท่าทีรนรานเล็กน้อย นางไม่กล้ามองชายหนุ่ม เอาแต่ตั้งใจกินจนแทบสำลัก มือเรียวยกชาขึ้นดื่มพร้อมทุบที่อกตนเอง จ้าวเทียนหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทีของนาง แต่จู่ๆคำพูดที่ว่า 'ข้านับถือเขาเป็นบิดา' ก็ดังขึ้นมาในหัวของชายหนุ่ม
......
ปลายยามโฉ่ว
ซ่า~~~ ครึ่ม! คลื่น~
ยามค่ำคืนที่มืดมิดพายุฝนยังคงตกไม่หยุด ผู้ใดจะคิดว่าอากาศเช่นนี้ยังมีคนผู้หนึ่ง กำลังเดินกางร่มเข้าไปในป่าไผ่รกบริเวณที่ไม่ไกลจากจุดตั้งกระโจมพักแรมเท่าใด ร่างกายของคนผู้นี้สวมชุดสีดำตลอดทั้งตัว อีกทั้งยังปกปิดใบหน้าเหมือนกลัวผู้ใดจะเห็น ในมือถือร่มบังฝนทำท่าทีลับๆล่อๆ ถึงแม้จะปิดบังตัวตนแต่ก็ยังมองออกว่าคนผู้นี้คือสตรี
หวี๊ด~~~
นางผิวปากเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คนผู้หนึ่งออกมา ไม่นานก็ปรากฏกายชายชุดดำ คารวะนางที่พื้นและยื่นของให้ มือเรียวรับกระดาษนั้นมาและเปิดอ่านข้อความด้านใน
'เลือดบริสุทธิ์ สำแดงฤิทธิ์ต่อแท่นผนึกโลหิต' ข้อความเพียงประโยคเดียวในจดหมาย ก่อนจะถูกทำลายด้วยคมกระบี่จนกลายเป็นเศษผงฟุ้งกระจายเต็มพื้นเปียก เพียงไม่นานเม็ดฝนก็ละลายไปจนไม่เหลือร่องรอย ชายเสื้อดำที่มาส่งสารก็หายตัวไปในที่มืดทันที สวนสตรีลึกลับผู้นั้นก็เดินเข้าไปทางที่ตั้งของกระโจมของเหล่าสตรี
