ตอนที่ 15 เหตุใดต้องวิ่ง เดินระวังๆหน่อย
"เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าท่านแม่ทัพดูเหมือนจะเปลี่ยนไป"
จื่อหาวเอ่ยขึ้นขณะที่เดินออกมาจากกระโจมพร้อมชีชวน
"เปลี่ยนไปเช่นไรหรือ"
ชีชวนที่ปกติมักไม่สนใจเรื่องใด เพราะทำแต่งานเขาเป็นบุรุษทื่อๆ มิเหมือนจื่อหาวที่นิสัยร่าเริงและชอบสร้างสีสัน อีกทั้งอายุยังน้อยที่สุดในบรรดาผู้ช่วยคนสนิทอีกด้วย
"มีชีวิต"
"มีชีวิต..... ท่านแม่ทัพก็มีชีวิตนี่ พูดอันใดของเจ้ากันข้ามิเห็นเข้าใจ"
ชีชวนเอ่ยพลางส่ายหน้าให้กับความคิดของจื่อหาว และเดินออกไปจากบริเวณดังกล่าว
"เอ๊~~~ ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ นั้นเจ้าจะไปที่ใด"
"ไปจัดการทหารเมื่อครู่ให้ท่านแม่ทัพ"
"รอข้าด้วย เจ้ารอข้าด้วย ข้าไปด้วย"
จื่อหาวเอ่ยพลางวิ่งออกไปตามหลังด้วยท่าทีทุลักทุเล เนื่องด้วยในมือยังหอบกองรายงานมากมาย
......
ทางด้านเยี่ยนฝาง หลังจากหัวเสียเรื่องเมื่อสักครู่ที่ถูกกล่าวหา ก็พลอยทำให้อารมณ์ไม่ดีนัก แต่นางก็เถียงไม่ได้ นางมีใจให้ท่านแม่ทัพจริงๆ แต่ก็มิได้คิดทำเรื่องไม่ดีอย่างที่ทหารเหล่านั้นพูด ความตั้งใจของนางมีอย่างเดียวคือหวังให้เขาราบรื่น ส่วนการเป็นคนรักนั้นดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มเป็นถึงท่านแม่ทัพผู้องอาจ ส่วนนางเป็นเพียงผู้ขออาศัยจวนเขา หัวนอนปลายเท้าก็ไม่มี ขนาดแซ่ยังไม่มีเหมือนคนปกติทั่วไปด้วยซ้ำ
"เฮ้อ~~~"
เยี่ยนฝางถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ระหว่างทางที่เดินกลับกระโจม
"เป็นอันใดของเจ้ากัน หรือว่าวันนี้ยังมิได้เจอหน้าข้า ถึงกับทำให้เจ้าคิดถึงข้ามากจนพาให้อารมณ์ไม่ดี เอาหน่าข้ามาแล้วๆ"
มู่ป๋อเหวินเอ่ยขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้หญิงสาว
"แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็รู้ว่าตนเองจะป่วยให้ได้เลย"
ใบหน้างามกรอกตามองบนให้กับคำพูดของชายหนุ่ม มู่ป๋อเหวินมักชอบเอ่ยคำพูดหยอกล้อนางเช่นนี้เป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็รู้ดีว่าเพียงแค่อยากให้นางอารมณ์ดี อีกทั้งมู่ป๋อเหวินผู้นี้ก็ดีกับนางมากๆ เป็นคุณชายที่ไม่เคยถือตัวหรือสนใจฐานะของนางที่ต่างจากเขาเลย
"นี่....เยี่ยนฝาง ข้ารู้ดีว่าข้าคือบุรุษที่อบอุ่น สตรีใดอยู่ใกล้ข้าก็จะรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอได้ ฉะนั้นเจ้าจะรู้สึกไม่สบายก็มิได้แปลก"
"เกินเยียวยา"
เยี่ยนฝางเอ่ยเพียงสั้นๆก่อนที่จะเดินอ้อมชายหนุ่มกลับกระโจมตนเอง
"เกินเยียวยาอันใด ข้ามิเข้าใจที่เจ้าพูด"
ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปขวางหน้าหญิงสาว ความไม่เข้าใจแสดงออกมาทางสีหน้าของชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด
"ท่าทางและวาจาของเจ้า เกินเยียวยาแล้ว ถึงได้หมอเทวดามารักษา ก็ไม่สามารถทำให้เจ้าเลิกหลงตัวเองได้"
เอ่ยจบมือเรียวก็ดันร่างใหญ่ที่ขวางหน้าหญิงสาวออกเบาๆ มู่ป๋อเหวินหลบให้นางอย่างว่าง่าย
"ขะ....ข้า"
"หยุด!"
เยี่ยนฝางเอ่ยพลางยกนิ้วชี้ห้ามชายหนุ่มไม่ให้เดินตามตนเองมา
"นี่คือกระโจมของสตรี ห้ามบุรุษเข้า"
เยี่ยนฝางเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินไปทางกระโจมตนเอง มือเรียวสองข้างปิดที่หูของตน ไม่อยากรับรู้เรื่องที่ชายหนุ่มพูดอีก มู่ป๋อเหวินยิ้มกว้างให้กับการกระทำของหญิงสาว เขาพอใจทุกครั้งเมื่อได้หยอกล้อนางเช่นนี้ หวังว่าวันหนึ่งนางจะรับรู้ถึงความในใจของเขาเข้าสักวัน
.......
สามวันถัดมา
เยี่ยนฝางยืนกุมมืออยู่กลางกระโจม หลังจากขาของนางหายดี สามารถเดินเหินได้ปกติแล้ว ก็มาพบท่านแม่ทัพตามคำสั่ง แต่ปรากฏว่าวันนี้ท่านแม่ทัพออกไปดูการซ่อมแซมเขื่อน จึงทำได้แค่รอเขาอยู่ที่นี่ เนื่องจากวันนี้ฝนก็ตกเช่นเคย ไปที่นั้นก็กลัวว่าจะรบกวนการทำงานของเขา นางยืนรอเช่นนี้มากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว จนนางรู้สึกอยากถอดใจและอยากกลับไปรอเขาที่กระโจมตน แต่จังหวะที่มือเรียวเอื้อมไปเปิดกระโจมออกไปนั้น ก็ปรากฏร่างใหญ่ที่คุ้นเคยถือร่มในมือเดินมาที่กระโจมพอดี
ท่วงท่าการเดินสง่างาม ในมือถือร่มไม้ลวดลายประณีต สวมชุดสีน้ำเงินเข้มช่วยขับให้ผิวของชายหนุ่มขาวกว่าปกติ ภายใต้ร่มผ้าเต็มไปด้วยมัดกล้าม ยามลมอ่อนๆและสายฝนโปรยปรายพัดมาทำให้เขาดูเป็นบุรุษที่อบอุ่น หากสตรีใดมาพบเห็นเขาตอนนี้ คงต้องหลงเสน่ห์เหมือนนางเป็นแน่ บุรุษยิ่งอายุมากกลับยิ่งมีเสน่ห์ ดวงตาคมมองมาทางเยี่ยนฝางที่ยืนจ้องเขาตาไม่กระพริบที่กระโจม ยิ่งทำให้เขาเร่งฝีเท้าไปหานางไวขึ้นและหยุดหน้านาง
ป๊อก!
เสียงดีดนิ้วเข้าที่กลางหน้าผากเนียน ช่วยทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตนเอง ความเจ็บแป๊บที่เกิดขึ้นกระทันหัน มือเรียวรีบยกขึ้นลูบที่หน้าผากตนพร้อมทำหน้ายับยู่ยี้ ปากหนายกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าเช่นเดิมไม่ให้หญิงสาวได้เห็น
"ฝนตกเช่นนี้ เจ้ามายืนเหม่อโดนละอองฝนทำไมกัน"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยจบก็หุบร่มและส่งให้ที่มือหญิงสาว ก่อนจะเดินเข้าไปในกระโจม เยี่ยนฝางหลังสติกลับมาแล้วก็รีบนำร่มไปวางไว้และวิ่งตามเข้ามาหาชายหนุ่ม
"เหตุใดต้องวิ่ง เดินระวังๆหน่อย"
ชายหนุ่มเอ่ยดุหญิงสาว ที่แสดงกิริยาไม่สมกับเป็นสตรีเอาเสียเลย หากล้มขึ้นมาจนบาดเจ็บอีกจะทำเช่นไร ก่อนจะสะบัดเสื้อคลุมที่ถูกละอองฝนเล็กน้อยและพาดตากเอาไว้
"คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
"อื้ม เจ้ามาหามีอันใด"
"ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยตอบพร้อมยิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม จ้าวเทียนหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย เนื่องจากหลายวันนี้งานเขายุ่งมาก จนลืมคิดไปเลยว่าจะให้หญิงสาวช่วยงานอันใด
"เช่นนั้น ไปนำโต๊ะมา"
"เจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางรับคำก่อนที่จะเดินไปยกโต๊ะไม้ที่ว่างอยู่ ไม่ได้ใช้งานมาวางใกล้ๆชายหนุ่ม เหมือนตอนที่ตนแก้สมุดบัญชี
"ครานี้เจ้าต้องมาช่วยข้าทำงาน มิต้องใกล้ขนาดนี้"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยเสียงเรียบ เยี่ยนฝางรับคำเบาๆพร้อมทำแก้มป่องเหมือนคนเสียดาย คิดว่าจะได้อยู่ใกล้เขาเสียอีก ก่อนจะเดินยกโต๊ะไม้ไปวางไม่ไกลนัก หามุมดีๆเพื่อให้สามารถทำงานไปด้วยแอบมองเขาไปด้วยได้
'ทำงานนะเยี่ยนฝาง เจ้าอย่าหาผลประโยชน์กับเรื่องนี้เชียว' หญิงสาวเอ่ยกับตนเองในใจ จ้าวเทียนหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้น และก้มหยิบตำรากองโต แต่ร่างบางกลับลุกขึ้นเดินตรงมาทางชายหนุ่ม
"ข้าเองเจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยพลางคว้ารายงานในมือชายหนุ่มมาถือเอาไว้ จ้าวเทียนหยางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้หญิงสาวบางๆ
ตุบ!
'พระเจ้า นั้นท่านแม่ทัพกำลังยิ้มให้ข้าหรือ ข้าตาฟาดไปหรือไม่' เยี่ยนฝางเอ่ยกับตนเองในใจ ขณะที่รายงานก็ตกไปที่พื้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อได้รับสีหน้าที่เป็นคำถามจากชายหนุ่ม ก็รีบก้มเก็บรายงาน ก่อนจะรีบเดินตรงไปที่โต๊ะตำราของตน
