ตอนที่ 13 ท่านแม่ทัพ มิเหมาะสมเจ้าค่ะ
แสงสีทองนวลจากดวงอาทิตย์ช่วงยามเย็นสะท้อนบนผิวน้ำใส จนเกิดเป็นภาพสวยงามพลอยทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นตามไปด้วย ฟ้าหลังฝนพายุลูกใหญ่เริ่มเบาบางลง หมอกหนาล่องลอยตามทิวเขาดูสดชื่น ฝูงนกน้อยใหญ่บ้างที่ออกหากินยามกลางวันก็บินว่อนเข้ารังนอน บ้างที่ออกหากินตอนกลางคืนเฉกเช่นค้างคาวก็บินเป็นคลื่นตามกันออกไป ช่างเป็นทัศนียภาพที่หาดูได้ยากหากอยู่ในเมืองหลวง
เหล่าทหารกล้าที่เลิกงานจากการซ่อมแซมเขื่อน เริ่มทยอยกันเก็บข้าวของกลับกระโจมพักของตนเอง เกิดเป็นชายชาตรียามมีศึกก็ออกรบเพื่อปกป้องบ้านเมือง ยามสงบร่วมกันช่วยเหลือดูแลให้ชาวบ้านมีชีวิตการกินอยู่ที่ดีขึ้น ความเสียสละของเหล่าทหารนอกจากจะมาด้วยความสมัครใจแล้ว ค่าตอบแทนและการดูแลจากกองทหารยังนับว่าดีมากอีกด้วย นั่นจึงทำให้ทุกคนเต็มใจมายืนในจุดนี้ ปราศจากการบังคับ
"ท่านแม่ทัพ ท่านลืมของขอรับ"
บ่าวรับใช้คนสนิทของลู่จื่อหารวิ่งนำของสิ่งหนึ่งมาให้ชายหนุ่ม จ้าวเทียนหยางหยิบสร้อยข้อมือประคำที่ทำจากไม้หอม ถึงแม้ของสิ่งนี้จะธรรมดา มิได้มีราคาเหมือนสร้อยประคำหยก แต่มันกลับเป็นสิ่งของที่ชายหนุ่มมักนำติดตัวเป็นประจำ กลิ่นหอมของไม้หอมทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง มือหนาหมุนลูกประคำอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ส่วนมืออีกข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ร่างกายที่สูงราวเกือบหกฉื่อ (~190 ซม.) ท่าทางการเดินอกผายไหล่ตรงดูสง่างาม มือหนาเอื้อมไปเปิดกระโจมเข้าไปด้านใน
"ท่านแม่ทัพ"
ท่านหมอที่เตรียมยาอยู่ด้านในกระโจมทำท่าคารวะชายหนุ่ม จ้าวเทียนหยางพยักหน้ารับ ดวงตาคมมองร่างบางที่นอนห่มเสื้อคลุมของเขาที่ทิ้งให้ไว้เมื่อตอนกลางวัน ก็พลอยทำให้เขาอดเอ็นดูนางไม่ได้
"ข้าให้นางดื่มยาสมุนไพรบรรเทาอาการปวดไปเมื่อสักครู่ เกรงว่าฤทธิ์ยาคงออกแล้วขอรับ เช่นนั้นให้นางพักที่นี่ก่อนดีหรือไม่ หากตื่นแล้วข้าจะให้รถม้าไปส่ง"
ท่านหมอเอ่ยอย่างอธิบาย หลังจากที่มองท่าทีของชายหนุ่ม
"มิเป็นไร ข้าจะพานางกลับเอง"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยจบก็ก้มลงช้อนร่างบางในท่าอุ้มเจ้าสาว และเดินออกจากกระโจมไป ท่านหมอมองท่าทีของทั้งสองคนอย่างเข้าใจ
"เห็นทีอีกไม่นานข้าจะได้กินขนมบัวลอยหวาน (ขนมมงคลงานสมรสที่มักใช้ต้อนรับแขกที่มาเยือนในงาน)"
ท่านหมอเอ่ยกับตนเองเสียงเบา หลังมองตามแผ่นหลังใหญ่ของท่านแม่ทัพที่พึ่งเดินออกไปจากกระโจม
.........
ภายในรถม้า
จ้าวเทียนหยางค่อยๆวางหญิงสาวลงช้าๆ และส่งเสียงให้รถม้าเคลื่อนตัวออกไปได้ เขาสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย เพื่อจัดท่าทางตนเองให้เรียบร้อย
ป๊อก! ป๊อก!
เสียงศีรษะของหญิงสาวกระแทกรถม้าเสียงเบาเมื่อตกหลุ่ม แต่นางหลับไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ดูท่ายาที่ท่านหมอให้นางนั้นจะมีฤทธิ์ไม่เบา จ้าวเทียนหยางยังคงนั่งหลับตาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรปกติเขามักนอนไม่ค่อยหลับ แต่จู่ๆตอนนี้กลับรู้สึกง่วงขึ้นมา ทั้งที่รถม้าก็โหย่งเหยกไปมาไม่มั่นคง ชายหนุ่มอ้าปากหาวอย่างทนมิได้ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความง่วง
ป๊อก!
เสียงศีรษะที่กระแทกของเยี่ยนฝางเรียกความสนใจจากเขา ใบหน้าคมส่ายหน้าให้นางเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าไปหวังจะช่วยจัดท่าทางให้นางนอนดีๆ มือหนาสองข้างจับไหล่บางให้พิงช้าๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาจับที่ใบหน้าเรียว แต่จังหวะนั้นรถม้ากลับตกหลุมใหญ่กว่าทุกครั้ง แรงสะเทือนปลุกหญิงสาวที่หลับลึกตื่นขึ้น ดวงตางามเบิกตากว้างเมื่อตื่นมาก็พบว่าฝามืออุ่นกำลังจับที่แก้มของนางสองข้าง จ้าวเทียนหยางแข็งค้างอยู่กับที่ เนื่องจากท่าทีเขาเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเสียเท่าไหร่
"ทะ...ท่านทำอันใด"
เยี่ยนฝางเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ เนื่องจากมือใหญ่บีบที่แก้มนางสองข้าง เป็นปากจู่จนแทบพูดไม่รู้เรื่อง
"เอ่อ...คือว่า..."
ชายหนุ่มพูดเสียงติดขัดเนื่องจากไม่รู้จะเอ่ยตอบนางเช่นไร
"ท่านปล่อยจากหน้าข้าก่อนเจ้าคะ"
สิ้นคำหญิงสาว จ้าวเทียนหยางก็ปล่อยมือออกจากใบหน้าเรียวทันที ก่อนจะกลับไปนั่งที่ตนเองด้วยท่าทีเช่นเดิม
"ข้ากลัวว่าเจ้าจะคอหักตายก่อน จึงได้...."
"จึงได้ช่วยจัดให้ข้านอนดีๆใช่หรือไม่เจ้าคะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยจบ ดูจากท่าทางของท่านแม่ทัพแล้วนางไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ
ใบหน้าคมพยักหน้าตามคำพูดของหญิงสาว ก่อนที่จะหันไปสนใจทิวทัศน์ด้านนอกรถม้า เยี่ยนฝางแอบยิ้มออกมาอย่างพอใจ นี่ท่านแม่ทัพเป็นห่วงนางเช่นนั้นหรือ แล้วที่ข้ามาอยู่บนรถม้าเช่นนี้เป็นเพราะเขาอุ้มข้ามาใช่หรือไม่ พวงแก้มงามแดงระเรื่อยากที่จะควบคุม เสื้อคลุมที่ห่มร่างบางเอาไว้ถูกหญิงสาวเลื่อนขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ เนื่องจากนางเองไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยกับการกระทำของเขา
"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ดีกับข้าเจ้าค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมยิ้มกว้าง จ้าวเทียนหยางเพียงพยักหน้าให้หญิงสาวเท่านั้น ท่าทีของเขาเป็นเช่นนี้ทุกครา เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ทุกเรื่องที่เอ่ยปากมักไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหมือนอย่างที่นางเอ่ยสนทนาเล่นกับสหาย
"คราอยู่สำนักศึกษา เจ้าถนัดเรื่องอันใด"
ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวหลังจากเงียบไปนาน เขาพอรู้มาบ้างว่าความสามารถของหญิงสาวมิธรรมดา ดูจากรายงานที่เขาให้นางแก้ไขแล้วนั้น เพียงสอนนางคราเดียวก็ทำถูกต้อง อีกทั้งดูเรียบร้อยกว่าซีอันอีกด้วย หากรู้ว่านางถนัดเรื่องอันใดเขาจะได้แบ่งงานให้นางรับผิดชอบ มิเช่นนั้นนางคงลอยไปลอยมาดั่งเช่นวันนี้ เขาไม่ได้โทษที่นางได้รับบาดเจ็บ นั้นเป็นเพราะนางช่วยผู้อื่น แต่งานพวกนี้ไม่เหมาะกับสตรีเช่นนาง หากมอบงานที่นางทำได้ดี ก็ช่วยเขาได้มากเช่นกัน
"ข้าทำได้หมดเจ้าค่ะ ศาสตร์ห้าด้านในสำนักศึกษา ยกเว้นด้านวรยุทธ์เจ้าค่ะ ที่ทำได้เพียงขี่ม้ายิงธนูเท่านั้น"
"มิมีเรื่องที่ทำได้ดีที่สุดหรือ"
"อาจารย์บอกว่าเรื่องที่ข้าทำได้ดีที่สุด ดูเหมือนจะเป็นกฏหมายบ้านเมืองและการสืบสวนเจ้าค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา เรื่องที่นางทำได้ดีที่สุด ไม่สามารถช่วยท่านแม่ทัพได้เลย
"อื้ม"
จ้าวเทียนหยางเพียงตอบรับสั้นๆ ขนาดงานที่ไม่ถนัดอย่างเช่นบัญชีที่ทำนางยังทำได้ดี เขาก็ไม่มีข้อกังขาเรื่องการสอบสวนหรือไขคดีของนาง เยี่ยนฝางเมื่อไม่เห็นเขาเอ่ยอันใดอีกก็ทำสีหน้าเศร้าไปเล็กน้อย นางพอเดาทางชายหนุ่มออกว่าเหตุใดถึงถามนางเช่นนี้ บริเวณที่ซ่อมแซมเขื่อนและกระโจมที่พักไม่ได้ห่างกันมาก ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงกระโจมแล้ว จ้าวเทียนหยางเดินลงจากรถม้ามาก่อน เยี่ยนฝางเองก็เดินกระเผกออกมาเช่นกัน จังหวะที่หญิงสาวกำลังจะลงกลับมีแขนของคนผู้หนึ่งยื่นมาให้นางจับ ดวงตาสวยมองไปที่ชายหนุ่ม ก่อนที่จะค่อยๆยื่นมือเรียวไปจับอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่จังหวะนั้นมือหนาที่ก่อนหน้าให้นางจับ กลับแปรเปลี่ยนเป็นดึงร่างบางเข้ามาอุ้มไว้ในอ้อมกอด
"ทะ...ท่านแม่ทัพ มิเหมาะสมเจ้าค่ะ"
"แล้วเจ้าเดินได้หรือ"
ร่างใหญ่ไม่เอ่ยเปล่าแต่ยังเดินตรงเข้าไปยังกระโจมของหญิงสาวอีกด้วย ท่ามกลางสายตาของลูกน้องมากมาย เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหน้าหนี ทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
"ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
เยี่ยนฝางเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มหลังเขาวางนางลงเบาๆ จ้าวเทียนหยางเพียงพยักหน้าและเดินออกไปจากกระโจม ทิ้งให้หญิงสาวติดอยู๋ในภวังค์ มือเรียวยกขึ้นแตะที่หน้าอกข้างซ้าย วันนี้ร่างกายนางคงล้มป่วยเป็นแน่ เพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่หัวใจเต้นรัวเช่นนี้
