ตอนที่ 12 หรือว่าคนผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ครึม! คลืน~
เสียงฟ้าร้องข้างนอกทำให้ร่างใหญ่เอื้อมมือไปเปิดกระโจม ดูสภาพอากาศด้านนอกที่ฝนยังคงตกลงไม่หยุด ก่อนที่จะปิดมันไว้เช่นเคย สายตาคมมองร่างบางที่นั่งกอดตนเองด้วยท่าทีสั่นเทา จึงได้ถอดเสื้อคลุมของตนเองแล้วยื่นไปให้นาง
"ข้ามิเป็นอันใดเจ้าค่ะ"
"ใส่ไว้ซะ คนช่วยงานข้ามีไม่เยอะ"
สิ้นคำชายหนุ่ม มือเรียวเอื้อมไปรับเสื้อคลุมของเขามา และถอดเสื้อคลุมเปียกที่ใส่ก่อนหน้าออก ความอุ่นของเสื้อคลุมจากตัวชายหนุ่มทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นเป็นขึ้นไปด้วย กลิ่นหอมจางๆที่ติดมาจากตัวเขาทำให้นางรู้สึกผ่อนคลาย
"ข้ามีธุระต้องไปจัดการ รอเสร็จงานค่อยกลับพร้อมข้า"
"มิรบกวนท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้ากลับเองได้"
"ฝนตกเช่นนี้เจ้าจะกลับอย่างไร เดินหรือ ท่านหมอพึ่งบอกอย่าให้แผลโดนน้ำ เพียงไม่นานก็ลืมแล้วใช่หรือไม่"
"ข้าให้มู่....."
"อย่าเอ่ยให้มากความ รอข้าดีๆ"
หญิงสาวยังไม่เอ่ยไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นขัดเสียก่อน นางจึงต้องจำใจพยักหน้าตามคำสั่งเขา
"เยี่ยนฝาง เจ้าเป็นอันใดหรือไม่"
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่นอกกระโจม จ้าวเทียนหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็แหวกผ้าบังกระโจมออกไปด้านนอก ไม่นานมู่ป๋อเหวินก็เดินเข้ามาหาหญิงสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย พลางจับร่างบางหมุนไปมาตรวจความเรียบร้อย
"ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดหมุนข้าได้แล้ว เวียนหัวจะแย่"
"เช่นนั้น ข้าส่งเจ้ากลับไปส่งก่อน"
"มิได้"
"เพราะเหตุใด"
มู่ป๋อเหวินเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางอยู่นี่ก็ช่วยอันใดมิได้แล้ว อีกทั้งบาดแผลยังห้ามโดนน้ำอีกด้วย เช่นนั้นนางจะอยู่ที่นี่ไปทำไมกัน
"ฝนข้างนอกยังตกอยู่เลย"
"เจ้าป่วยไปแล้วหรือ รถม้าก็มี หากเจ้ากังวลว่าจะเปียก"
"ไปเถอะ"
ชายหนุ่มไม่เอ่ยเปล่า ยังจูงมือหญิงสาวให้เดินตามเขาไปอีกด้วย แต่กลับถูกนางห้ามเอาไว้ และยืนอยู่กับที่
"ท่านแม่ทัพให้ข้ารอกลับพร้อมเขา"
"ท่านแม่ทัพมีงานมากมายที่ต้องสนทนากับท่านพ่อข้า อีกทั้งตัวเจ้าก็เปียกอีกด้วย ไม่รู้ว่าจะแล้วเสร็จยามใด กว่าเจ้าจะได้กลับหากไม่สบายขึ้นมาจะทำเช่นไร"
มู่ป๋อเหวินที่เป็นห่วงหญิงสาวทนไม่ได้เอ่ยอย่างตักเตือน เขามั่นใจว่าในที่นี่ไม่มีผู้ใดเป็นห่วงนางเท่าเขาอีกแล้ว
"ข้ามิเป็นอันใด เจ้าอย่างพูดให้มากความ ไปช่วยท่านพ่อของเจ้าทำงานได้แล้ว อย่าให้ข้าที่ทำให้ทุกคนทำงานล่าช้า"
เยี่ยนฝางไม่เอ่ยเปล่ายังดันร่างชายหนุ่มให้ออกไปจากกระโจมอีกด้วย
"แต่..."
"ไม่มีแต่อันใดทั้งนั้น ข้าอยู่ได้สบายมาก เจ้าไปได้แล้ว"
"นี่....."
มู๋ป๋อเหวินยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกนางดันออกไปจากกระโจมเสียแล้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะคืนเสื้อคลุมชายหนุ่มอีกด้วย
.......
บนผืนน้ำใสที่ถูกลมแรงพัดเอาละอองน้ำให้ปลิวลอยเป็นคลื่นเล็ก โลหิตสีแดงจากการละลายหายไปกับกระแสน้ำเชี่ยว บัดนี้ถูกคลื่นเล็กนั้นดึงมาผสมผสานจนกลายเป็นหนึ่งหยดโลหิตสีแดงเข้ม แสงสีฟ้าล่องลอยเหนือน่านน้ำ พัดหลอมรวมเป็นคลื่นน้ำเล็กมุ่งไปยังจุดหมาย ผ่านแม่น้ำคดเคี้ยว ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ จนในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าปากถ้ำลึก ต้นไม้สีเขียวขจีดูสดชื่น บดบังหน้าปากถ้ำไม่ให้คนด้านนอกรู้ คลื่นน้ำเล็กยังคงถูกสายลมพัดมันเข้ามาจนถึงด้านใน แต่กลับพบว่าที่นี่คือเมืองๆหนึ่งที่ถูกซ้อนเอาไว้จากสายตาผู้คน ที่ด้านในสุดของเมืองเหมือนกับเป็นแท่นพิธีศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่กึ่งกลาง สายน้ำเล็กตรงดิ่งพุ่งเข้าก้อนหินสีแดงจนเกิดแสงประกายจ้า เรียกความสนใจให้ผู้คนมากมายต่างมามุงดูสิ่งนั้นด้วยท่าทีตกใจ
"จุติแล้ว จุติแล้ว"
ทุกคนต่างก้มโคกศีรษะไปที่พื้นด้วยความดีใจ เหมือนกับว่าสิ่งๆนี้เป็นที่ๆทุกคนไว้บูชา ไม่นานก็มีคนผู้หนึ่งอายุราวๆหกสิบปีเดินเข้ามายังบริเวณดังกล่าว แสงสีแดงสะท้อนในดวงตาของเขา ใบหน้าของชายผู้นั้นแสดงออกถึงความดีใจอย่างปิดไม่มิด
"ให้คนออกไปจากบริเวณนี้ให้หมด"
สิ้นคำสั่งเหล่าทหารก็เกณฑ์คนออกไปจากบริเวณนั้นทั้งหมด แสงสีแดงสว่างขึ้นเรื่อยๆในก้อนหิน
"นายท่านหรือว่าคนผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นแล้ว"
ลูกน้องหนึ่งในนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ เย่จื่อฉีผู้เป็นหัวหน้าชนเผ่ายกมือลูบที่หนวดดำอย่างใช้ความคิด สิบปีแล้วที่แท่งหินผนึกโลหิตมิได้เปล่งแสงสีแดง ยิ่งนานวันเข้าผู้คนต่างลืมเลือนชนเผ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดิน แทนที่จะผงาดเป็นหนึ่งในใต้หล้า เพียงเพราะขาดโลหิตจากขั้วหัวใจของสายเลือดบริสุทธิ์ วันนี้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้แสดงว่าคนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว
"ทุกคนฟังคำสั่ง"
"ขอรับ"
ลูกน้องที่อยู่บริเวณนั้นนับสามสิบคนคุกเข่าหนึ่งข้างไปที่พื้นเตรียมรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน
"กระจายกำลังค้นหาคนผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์"
"แต่นายท่าน พวกข้ามิเคยเห็นมาก่อนว่าคนผู้นี้หน้าตาเช่นไร"
"หัวหน้าเผ่าคนก่อนบอกไว้ว่า มิว่าคนผู้นี้จะเป็นหญิงหรือชายจะมีจุดสังเกตที่ไม่เหมือนผู้ใด ถึงแม้อยู่ท่ามกลางผู้คนนับร้อยก็จะพิเศษออกมา สายเลือดบริสุทธิ์เป็นเลือดดี แม้เป็นบุรุษย่อมสง่างาม แม้เป็นสตรีย่อมงามล่มเมือง"
เย่จื่อฉีเอ่ยจบก็เดินไปหยิบเศษหินเล็กที่แตกออกมาจากแท่งผนึกโลหิตสี่ชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นให้ลูกน้อง
"แบ่งกำลังออกเป็นสี่กลุ่ม หากคนผู้นั้นใช่จริงๆ นำเลือดหยดลงที่เศษเสี้ยวของหินผนึกโลหิตแล้วจะเกิดแสงสีแดง"
เขาเอ่ยอธิบายพลางหันไปยังก่อนแท่งหินใหญ่ที่ยังคงท่อแสงประกายในดวงตา
