ต้องการถอนหมั้น
ในตอนแรกที่ฟังองค์กรพรีเซนต์โครงการมันดูน่าสนุกมากกว่าที่นางมาพบเจอ กว่าซีซีจะสงบสติได้ นางก็หิวอีกรอบแล้ว
ข้อดีของซีซี คือนางสามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเรื่องโหดร้ายมากแค่ไหน นางจะไม่จมอยู่กับมันนานนัก
ซีซีเริ่มจะหาเรื่องอื่นทำต่อ นางไม่คิดจะเปิดสัญญาณสื่อสารของหลี่หยวนในเวลานี้ เพราะนางยังโกรธเขาอยู่ไม่น้อย และก็คงไม่เรื่องที่นางควรจะช่วยเหลือเขาด้วยจึงไม่คิดที่จะติดต่อ
หลี่หยวนไม่ได้สลัดเรื่องต่างๆ ได้ดีเท่านาง เมื่อกลับถึงเรือนอารมณ์ของเขาก็ไม่คงที่นัก จนมารดาจับสังเกตได้ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“มีเรื่องอันใดหรืออาหยวน”
หลี่หยวนเม้มปากแน่น เขามองหน้ามารดาอย่างชั่งใจ
“ท่านแม่ ท่านเคยนึกโกรธแค้นตระกูลสวี ตระกูลเหอหรือไม่ขอรับ”
จางซินเสี่ยงแววตาของนางหมองเศร้าลง เมื่อถูกสะกิดเข้าที่แผลเดิม
“หากบอกว่าไม่โกรธแค้นเห็นจะเป็นเรื่องหลอกลวง แต่หากแม่ไม่ปล่อยตัวให้บุรุษคนนั้น เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นเช่นนี้ เรื่องนี้แม่ก็มีส่วนผิดไม่น้อย” จางซินเสี่ยงมองบุตรชายอย่างรู้สึกผิด
“ท่านอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้อีกเลย ข้าผิดเองที่เอ่ยถามท่าน”
“ช่างเถิด เจ้ามีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือไม่”
“ไม่ขอรับ ท่านแม่รีบกินตอนร้อนๆ เถิด ประเดี๋ยวท่านต้องกินยา”
จางซินเสี่ยงทำตามที่บุตรชายพูด เพราะนางไม่อยากจะเป็นภาระของเขามากนัก หากนางแข็งแรงเร็วขึ้นก็คงจะได้ดูแลบุตรชายของนางบ้าง
ตลอดทั้งคืนหลี่หยวนไม่อาจสื่อสารกับซีซีนางได้เลย วันต่อมาเขาไปที่สำนักศึกษาก็เห็นบ่าวของเจียลี่ยืนรอเขาอยู่
“คุณชายจาง คุณหนูให้ข้ามาขอโทษท่าน และต้องการจะนัดพบท่านอีกครั้งเจ้าค่ะ”
“บอกคุณหนูสี่กงด้วยว่าไม่เป็นอันใด แต่เรื่องที่จะพบกันอีกเห็นทีจะไม่ได้ เพราะนางมีสัญญาหมั้นหมายกับคุณชายเหอแล้ว เรื่องนี้ข้าก็เพิ่งจะรู้ ฝากขออภัยนางด้วย” หลี่หยวนเดินเข้าไปในสำนักศึกษา แม้บ่าวของเจียลี่จะเอ่ยรั้งเขาไว้ก็ไม่อาจทำได้
ไม่รู้ว่าเมื่อคุณหนูของนางได้ยินสิ่งที่คุณชายจางพูดจะลงโทษนางเช่นไร
หลี่หยวนคิดว่าเขาพูดอย่างชัดเจนแล้ว มิต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเจียลี่อีก เพราะคำพูดของซีซีเมื่อวานเขาให้เขาคิดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง
แต่เรื่องทั้งหมดดูเหมือนจะไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเจี่ยลี่นางโวยวายกับบิดามารดา ให้ไปถอนหมั้นกับตระกูลเหอ
“ลี่เออร์ เจ้าพูดอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่” นายท่านกงตวาดบุตรีอย่างมีโทสะ
ในตอนแรกตระกูลเหอจะหมั้นหมายกับบุตรีคนที่สามของเขา ที่นางในตอนนั้นถึงวัยออกเรือนพอดี แต่เจียลี่ที่เห็นใบหน้าของอี้เหลียงแล้วต้องการจะเป็นฮูหยินของเขา
ด้วยความที่นางถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก เพราะเป็นบุตรีคนสุดท้อง เมื่อนายท่านกงนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านเจ้าเมืองเหอ พวกเขาจึงได้เปลี่ยนตัวโดยดี ด้วยอายุของเจียลี่เพียงสิบสองหนาวเท่านั้น ทำให้งานมงคลต้องรออีกสามปี
ในตอนนี้เจียลี่นางถึงวัยที่ต้องออกเรือนได้แล้ว แต่กลับมาพูดเรื่องการถอนหมั้นแทน หากบุตรีคนอื่นยังมิออกเรือนก็คงจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวได้ ทั้งหมดก็ล้วนแต่ออกเรือนไปหมดแล้ว
“ลูกพบบุรุษที่ลูกพึงใจแล้วเจ้าค่ะ แล้วลูกต้องการแต่งให้เขาแต่เพียงผู้เดียว” เจียลี่โต้เถียงอย่างไม่ยอม
“เหลวไหลสิ้นดี นับจากนี้เจ้ารอออกเรือน อยู่แต่ในจวน หากผู้ใดปล่อยให้คุณหนูสี่ออกไปด้านนอก ข้าจะไม่เอาไว้” นายท่านกงเดินออกจากห้องโถงไปอย่างมีโทสะ
เสียงกรีดร้องของเจียลี่ที่ไล่หลังมาทำให้นายท่านกงชะงักฝีเท้าลง
“ส่งคนไปสืบ บุรุษผู้นั้นเป็นผู้ใด” สิ้นเสียงของนายท่านกง พ่อบ้านก็รีบร้อนเดินออกไปทันที
ขอทานที่เฝ้าอยู่รอบๆ จวนตระกูลกง รีบนำเรื่องที่สืบมาไปแจ้งที่หอขายข่าวทันที
หลี่หยวนเมื่อออกจากสำนักศึกษาเขาก็รู้เรื่องในทันที
“นายท่าน ท่านจะทำเช่นใดต่อไปขอรับ”
“ไม่ต้องทำอันใด ปล่อยให้คนของเรากระจายข่าวเรื่องที่ข้าเป็นเพียงบุตรหญิงหม้าย ฐานะยากจนออกไป” เขารู้ว่าเป็นตายอย่างไร นายท่านกงก็ไม่ยอมให้บุตรีของตน แต่งออกมาอยู่ที่เรือนของเขาอย่างแน่นอน
