บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ความอลหม่านในเทศกาลหยวนเซียว (2/2)

เจียงห่ายกวงรีบปล่อยมือทันควัน จูจื่ออี๋ตื่นตกใจไม่ต่างกัน ร่างบางเซถลาเล็กน้อย ทว่าพวกเขาไม่มีเวลาให้อึ้งงันนานนัก เนื่องจากโจรภูเขาราวห้าหกคนกำลังดาหน้าจวนประชิดตัวอยู่รอมร่อ

เจียงห่ายกวงจึงรีบดึงมืออีกฝ่ายให้ออกวิ่งตามมาติด ๆ ถึงไม่ใช่ผู้ที่ตนต้องการพามาด้วยอย่างไรทั้งคู่ล้วนลงเรือลำเดียวกันแล้ว หลังจากหลุดพ้นไว้ค่อยคิดหนทางตามหาหลี่หลานซินคงนับว่ายังไม่สาย ทว่าอยู่ ๆ จูจื่ออี๋กลับหยุดวิ่งอีกครา

"คุณหนูจื่ออี๋ เราไม่มีเวลามากแล้ว เจ้ามัวยืนบื้ออยู่ตรงนี้ให้ถูกจับไปหรืออย่างไร!?"

จูจื่ออี๋ช้อนดวงตามองตอบเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใด "คุณชายทิ้งข้าไว้เถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว"

"วิ่งไม่ไหว ไฉนจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า จะให้ข้าทิ้งสตรีได้อย่างไร" เจียงห่ายกวงรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาพ่นลมหายใจอ่อน

เขาไม่ได้ต้องการลากคุณหนูอ่อนแอผู้นี้ให้ตามมาเสียหน่อย เพียงแต่ดันคว้าผิดคน ทั้งที่คิดว่ามองดีแล้วแท้ ๆ ยิ่งหงุดหงิดเส้นเลือดบนขมับก็ยิ่งปวดตื้อขึ้นมา

"คือว่า... คุณชาย ข้าข้อเท้าแพลงเจ้าค่ะ" จูจื่ออี๋เอ่ยด้วยความประหม่า นางเองมิได้อยากเป็นภาระผู้อื่นเช่นกัน

"หา...ขะ...ข้อเท้าแพลง!?" เจียงห่ายกวงรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

แล้วเขาควรทำเช่นไรดีเล่า จำต้องลากนางถูลู่ถูกังไปตามรายทางอย่างนั้นหรือ ดูป่าเถื่อนเกินไปกระมัง เจียงห่ายกวงพ่นลมหายใจอย่างนึกปลดปลง

"คุณหนูจื่ออี๋ เจ้าอย่าได้ตำหนิข้าเลย ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว" เสียงทุ้มกล่าวละล่ำละลัก

เจ้าของร่างสูงยอบกายลงเพื่อยกเรือนร่างของอีกฝ่ายไว้บนอ้อมแขน จูจื่ออี๋เบิกตากว้างตะลึงลาน ทว่าทั้งสองมิอาจประวิงเวลาต่อไปได้แล้ว สตรีบนอ้อมแขนจึงยกมือคล้องลำคอแกร่งตามสัญชาตญาณ ใบหน้านวลซึ่งมีรอยเปื้อนเขรอะซับสีแดงเรื่อ ความกระอักกระอ่วนมาเยือนแทบวางหน้าไม่ถูก

เจียงห่ายกวงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น เขากระแอมคลายความเก้อกระดากเบา ๆ พวกเขาไม่หลงเหลือทางเลือกใดจริง ๆ แม้ชายหญิงมิอาจใกล้ชิด คมหอกคมดาบจ่อเอาชีวิตอยู่เบื้องหน้า ไหนเลยจะยังถือตัวแบ่งแยกบุรุษเพศและสตรีอีกเล่า

.

.

"ห่ายกวง หยุด หยุด" หลี่หลานซินดึงมือออกจากการลากจูงของอีกฝ่าย นางค้อมกายลงเอามือเกาะเข่าหอบหายใจเหนื่อย

บุรุษเบื้องหน้าตัวแข็งทื่อดั่งดินปั้นไม้แกะสลัก เขาไม่ได้เหลียวมองทันที ทำให้หลี่หลานซินต้องเอ่ยเรียกอีกฝ่ายซ้ำ "นี่!...ห่ายกวง เป็นอะไรไปน่ะ"

ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ ร่างสูงค่อย ๆ หมุนกายกลับเบื้องหลังเนิบนาบ ทั้งสองสบประสานดวงตาก็พลอยให้แทบล้มทั้งยืน

"โม่จ้าวหยวน นี่!...เป็นท่านได้อย่างไรกัน" หลี่หลานซินอึ้งงัน ปลายนิ้ว ชี้ไปยังบุรุษตัวสูงส่ง ๆ ทั้งเหนื่อยทั้งตกใจ

"คุณหนูหลานซิน แล้วทำไมเป็นเจ้า นี่เจ้ามากับข้าได้อย่างไร"

"ผู้ใดอยากมากับท่านกันเล่า ท่านคว้ามือของข้าออกมาเองต่างหาก"

ใบหน้างามงอง้ำบอกบุญไม่รับ ให้ตายเถิดเรื่องพรรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องเป็นคราที่พวกนางดันล้มทับกันเลยทำให้กลิ้งสลับฝั่งเป็นแน่ ซ้ำยังมีกลุ่มควันบดบังแทบมองไม่เห็นราวกับอยู่ในม่านหมอกหนา จึงทำให้บุรุษทั้งสองคว้าผิดตัว แล้วควรทำเช่นไรกันเล่า ไฉนต้องวิ่งหนีโจรหัวซุกหัวซุนกับพญามัจจุราชด้วยหนา นี่มันประดุจกับหลบพ้นพายุแต่กลับเจอฝน

กระนั้นทั้งคู่ยังยืนตีฝีปากกันไปมาจนลืมสนิทว่าตนเองกำลังวิ่งหนีสิ่งใดอยู่ และแล้วบรรดาโจรภูเขาเหล่านั้นก็ตามทัน พวกมันมีประมาณห้าคน ต่างดาหน้าเข้ารุมล้อมทั้งสองเอาไว้

"จะหนีไปไหนหรือ คุณหนูคุณชาย ดูเหมือนว่าสองคนนี้ร่ำรวยไม่น้อยเลยทีเดียว ดูเอาเถิดเครื่องแต่งกายชั้นดีถึงเพียงนี้ เครื่องประดับหรือก็แวววาวนัก" เสียงทุ้มกล่าวย่ามใจ สายตาดั่งสัตว์ร้ายเขม้นมองลามเลียหลี่หลานซินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พิศดูแล้วก็พานให้ต้องขนพองสยองเกล้า

ชายฉกรรจ์ย่างเท้าตีวงล้อมเข้ามาเนิบนาบ บุรุษและสตรีจึงถอยร่นจนวงล้อมแคบลงเรื่อย ๆ หลังพวกเขาชนเข้าด้วยกัน จากเดิมทียืนห่างปานรังเกียจเหลือแสน ตอนนี้คล้ายจะรวมร่างเป็นหนึ่งเสียแล้ว หลี่หลานซินผินหน้ากล่าวกระซิบ "นี่...โม่จ้าวหยวนท่านต่อสู้เป็นหรือไม่"

โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้มมุมปาก "เรื่องแค่นี้ต้องให้เจ้ามาถามข้าด้วยหรือ"

โม่จ้าวหยวนตั้งท่าโรมรันเข้าสู้อีกฝ่าย ซึ่งมีมากกว่าตนเป็นเท่าตัว ทว่าหลี่หลานซินกลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ก่อน นางล้วงบางสิ่งออกจากสาบเสื้อแล้วจึงสาดเข้าหน้าโจรเหล่านั้นเป็นวงกลมเสียจนฝุ่นตลบ ชายฉกรรจ์นับสิบต่างหลับดวงตาปัดป้องด้วยเกรงว่าอาจเป็นยาพิษ หลี่หลานซินอาศัยช่วงจังหวะนี้ดึงมืออีกฝ่ายไว้มั่น เท้าเรียวถีบหน้าท้องชายคนหนึ่งจนล้มกลิ้ง พลันแหวกผ่านออกไปราวพายุหอบหนึ่ง

"วิ่ง!"

เชิงอรรถ

^

หลบพ้นพายุ แต่กลับเจอฝน หมายถึง ออกจากถ้ำเสือก็เข้าดงหมาป่า มีความหมายเดียวกับ หนีเสือปะจระเข้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel