บทที่ 9 แรกพบ
“จริงสิ ได้เวลาที่องค์หญิงจะเสด็จไปยังสวนบูรพาแล้ว เจ้าจงไปพร้อมข้า จะได้เรียนรู้ธรรมเนียนต่าง ๆ ไว้” ว่าแล้วอิงอิงก็พาหนิงเอ๋อ เข้ามารับใช้องค์หญิงฟางเหนียงในทันที เพียงสองเท้าก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัว อิงอิงและหนิงเอ๋อต่างย่อตัวลงเคารพ
“ข้ามาแล้วเพคะ องค์หญิงพร้อมที่จะเสด็จไปยังสวนบูรพาฤาไม่เพคะ”
“ข้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่” สิ้นสุรเสียงของฟางเหนียง หนิงเอ๋อก็เลื่อนสายตามองไปยังตะกร้าสาน ที่มีดอกไม้วางอยู่อย่างสวยงาม ก่อนหญิงสูงศักดิ์ หันไปหยิบตะกร้าสานแล้วเดินนำไปด้วยท่างท่างดงามพร้อมกลิ่นกายหอมละมุน
“เพคะ” สองเสียงผสานรับพร้อมกัน แล้วเดินตามองค์หญิงฟางเหนียงไปยังสวนบูรพา สองข้างทางล้วนแล้วแต่มีแสงประกายงดงามจากพื้นดิน เป็นความงดงามจากพลังแห่งเทพที่สร้างสรรค์ขึ้น ดวงตากลมเลื่อนมองไปเรื่อย ๆ หนิงเอ๋อรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความงดงามยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์
ก่อนหน้าอาจารย์มักจะกล่าวถึงแดนสวรรค์เสมอว่าเป็นดินแดนแห่งเทพ ที่หมู่มารไม่กล้าย่างกายเข้ามา แต่ไม่คิดว่าแดนสวรรค์จริง ๆ แล้วงดงามกว่าที่เคยจินตนาการไว้ สองเท้าเล็กก้าวตามองค์หญิงฟางเหนียงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เข้ามายังเขตแดนสวนบูรพา ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่พร้อมต้นท้อขึ้นเต็มไปหมด ประกายนัยน์ตาของหนิงเอ๋อทำให้พี่สาวปล่อยยิ้มออกมา
“งดงามมากฤาไม่” อิงอิงกระซิบถามศิษย์น้อง
“งดงามอย่างมาก นั่นคืออะไร” หนิงเอ๋อชี้มือขึ้นไปยังด้านบนของกิ่งท้อ
“นั่นคือรังของผีเสื้อสวรรค์ เจ้าลองมองดูสิ ผีเสื้อมากมายพวกนี้ จะออกมาดูดน้ำหวาน พออิ่มแล้วก็จะบินกลับเข้ารังไป รังของมันเป็นยาวิเศษใช้รักษาอาการบาดเจ็บได้ดีนัก” ยังไม่ทันที่อิงอิง จะอธิบายเสร็จ ร่างขององค์ชายรองก็วูบเข้ามาหาองค์หญิงฟางเหนียง
“ข้ากำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดี” สุรเสียงอบอุ่นแนบลึกอย่างที่ไม่เคยได้ยินจากแห่งหนใด ทำให้หนิงเอ๋อละความสนใจจากรังผีเสื้อ พลันหันมองมายังชายหนุ่มในชุดขาว การแต่งกายบ่งบอกว่าเขามียศถามสูงส่งไม่ต่างจากฟางเหนียง ใบหน้างดงามราวกับหลุดมาจากภาพวาด
“ถวายพระพรองค์ชายรองเพคะ” อิงอิงย่อตัวลงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันมากระตุกชายเสื้อของหนิงเอ๋อ ที่ยืนตะลึงกับภาพที่เห็น
“ทะ ถวายพระพรองค์ชายรองเพคะ” หญิงสาวย่อตัวลงแล้วกล่าวตามธรรมเนียม ในขณะที่สายพระเนตรขององค์ชายรองหาได้ชายตามองนาง เขาทอดมองแต่ฟางเหนียงเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“วันนี้ ข้าเก็บดอกไม้ไว้มาก จึงนึกถึงท่าน” สุรเสียงอ่อนหวานกล่าวขึ้น พร้อมมือหนาขององค์ชายรองเลื่อนมาดึงมือองค์หญิงไปจับอย่างแนบแน่น แล้วพานางเดินตรงไปยังที่ประทับทำจากหยกสีขาว ท่ามกลางสายลมอ่อนที่พัดผ่านไปเป็นระลอก
“ดอกเหมยสวรรค์ได้หยุดร่วงหล่นลงแล้ว ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีหลายอย่างที่ข้าอยากทำ ใกล้เวลาที่ท่านพี่จะกลับจากเขาซันไป๋แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นท่านพ่อก็จะมีราชโองการแต่งตั้งท่านพี่ ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการพร้อมรับป้ายประจำตัว มีอำนาจล้นเหลือไม่ต่างจากเสด็จพ่อ ถึงตอนนั้นข้าจะทูลขอให้เจ้าเป็นชายาของข้า แล้วเราสองคน จะหาสถานที่ห่างไกลจากความวุ่นวายทั้งหลาย เพื่ออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เจ้าว่าดีฤาไม่” หนิงเอ๋อสังเกตเห็นสีหน้าขององค์หญิงฟางเหนียงเปลี่ยนลงอย่างฉับพลัน คล้ายมีบางอย่างลำบากใจ
“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” น้ำคำราบเรียบขององค์ชายรอง ทำให้อิงอิงและหนิงเอ๋อ เบี่ยงตัวออกมาตามคำสั่ง
บนสรวงสวรรค์อันแสนงดงาม ทั้งสองพากันเดินชมตำหนักต่าง ๆ ที่ตั้งเรียงรายซ้อนกับเป็นชั้น ๆ ก่อนสายตาของหนิงเอ๋อจะเลื่อนผ่านเห็นตำหนักหนึ่ง ที่ส่องประกายงดงามดึงดูดสายตา ปลายยอดของตำหนักแสดงสีทองสว่างจ้าอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่อิงอิง นั่นคือตำหนักผู้ใด เหตุใดจึงงดงามเยี่ยงนั้น” ดวงตากลมของหญิงสาว แสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาเป็นระลอก
“นั่นเป็นตำหนักลิ่วกง ตำหนักขององค์รัชทายาทเจี้ยนลี่จิน ทว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ ด้วยเพราะองค์รัชทายาทบำเพ็ญบารมีอยู่ที่เขาซันไป๋” หนิงเอ๋อรับฟังอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะนึกบางอย่างได้
“จริงสิพี่อิงอิง เมื่อครู่ข้าเห็นสายพระเนตรขององค์ชายรองที่มององค์หญิงฟางเหนียงแล้ว พวกเขาเป็น...”
“นานมาแล้วตั้งแต่ทั้งสามยังทรงพระเยาว์ มักจะพากันไปวิ่งเล่นที่สวนบูรพาอยู่เสมอ องค์ชายรองมีใจผูกพันรักใคร่ต่อองค์หญิงฟางเหนียงเสมอมา แต่องค์หญิงแสดงความเย็นชามาตลอด จวบจนองค์รัชทายาทไปบำเพ็ญบารมี องค์หญิงจึงเริ่มเปิดใจกับองค์ชายรองบ้าง สายตาที่เจ้าเห็นเมื่อครู่ เป็นสายตาที่องค์ชายรองใช้มององค์หญิงฟางเหนียงนับจากเด็กจนโต” หนิงเอ๋อนิ่งเงียบไป พลางก้าวเท้าเดินตามหลังอิงอิง อย่างเงียบ ๆ
