ตอนที่ 3 สัญญาจ้าง
“ว่ายังไงลูกตกลงรับน้องไปทำงานด้วยพรุ่งนี้เลยใช่ไหมแม่จะได้ไปส่งด้วยที่ไร่ด้วย”
แม่เลี้ยงกานดาถามพ่อเลี้ยงกิตติภูมิทันทีที่เจ้านายหนุ่มและลูกจ้างคนใหม่มาเจอกัน เมื่อวานนางโทรไปหาลูกชายให้ลงมาจากดอยให้มาดูตัวว่าที่เลขาและผู้ช่วยส่วนตัว และให้มาตกลงเรื่องเงินเดือนกับสัญญาจ้างเข้าทำงานกับลูกจ้างที่แสนจะน่ารักถูกใจคนเป็นแม่
“ก็ครับ เดินทางพรุ่งนี้เช้าเลย ว่าแต่แม่ก็จะไปด้วยเหรอครับ”
ชายหนุ่มสงสัยทันทีที่แม่เลี้ยงกานดาออกปากจะไปส่งคนงานใหม่ที่ไร่ชาด้วยตัวเอง ไหนจะเรื่องเงินเดือนค่าจ้างที่เขาอุตส่าห์ให้มากกว่าที่อื่นถึงเดือนละสี่หมื่นเพราะเห็นว่าห่างไกลความเจริญซึ่งเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์บางที่เค้าไม่รับด้วยซ้ำยังไม่พอใจผู้เป็นแม่ยังจะมาต่อรองเงินเดือนให้ลูกจ้างกิตติมศักดิ์เป็นเดือนละห้าหมื่นอีก แทนที่จะช่วยลูกชายประหยัดยังจะมาขอให้ลูกชายจ่ายแพงกว่าเดิม เขาจะทำอะไรได้นอกจากยอมจ่ายตามที่แม่เลี้ยงผู้ซึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านสั่งอย่างไม่กล้าหือสร้างความพอดีให้คุณนายแม่เป็นอย่างมาก
“ก็ต้องไปซิลูก หนูข้าวโพดจะได้ไม่รู้สึกเหมือนโดนทิ้งโดนปล่อยเข้าป่าไปเพียงคนเดียว เดี๋ยวแม่จะได้พาน้องบูมไปเที่ยวด้วย”
“หนูข้าวโพดมีอะไรที่ยังอยากได้อีกไหมลูก อ่านสัญญาดีๆ นะถ้าอ่านแล้วอันไหนที่เรารู้สึกว่าเสียเปรียบรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับหนูอยากให้แก้ตรงไหนหนูข้าวโพดบอกพี่บลูเค้าเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ ถ้าพี่บลูมีปัญหาเดี๋ยวป้าจัดการเอง”
แม่เลี้ยงบอกว่าที่ลูกสะใภ้ในใจของเธอ ซึ่งลูกชายได้แต่งงไม่คิดว่าเด็กผู้ชายตัวบางผิวขาวแก้มแดง ขนตายาวงอนดกดำอย่างกับใช้ที่ดัดขนตาส่งให้นัยน์ตาสีดำกลมโตหน้าตาผู้ชายอะไรยังกับตุ๊กตา ถึงจะหน้าตาดีแต่ก็ไม่ได้มีความหล่อสมชายแม้สักเสี้ยวของเขาเลย นอกจากแค่ดูน่ารักเท่านั้น ดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนให้แม่เขาเอ็นดูถึงขนาดให้คนตัวเล็กหน้ามัธยมเรียกป้าได้เลยแทนที่จะให้เรียกแม่เลี้ยงอย่างคนงานคนอื่น หรือว่าเป็นเพราะอีกคนพูดจาออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้
“ไม่แล้วครับคุณป้า แค่นี้ก็ดีมากๆ สำหรับข้าวโพดแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ”
ข้าวโพดบอกแม่เลี้ยงด้วยท่าทีเกรงใจจนแม่เลี้ยงอดเอ็นดูไม่ไปไหวยิ้มออกนอกหน้า ต่างจากอีกคนที่นั่งใกล้กันกับแม่เลี้ยงทั้งที่มีสายเลือดเดียวกันแท้ๆ กลับดูยิ้มยาก แรกทีเดียวข้าวโพดคิดว่าพ่อเลี้ยงกิตติภูมิจะมีอายุมากกว่านี้เสียอีก แต่ที่ตัวเองเห็นแว๊บแรกคือ เป็นชายหนุ่มที่หล่อมากคนอะไรหล่อออร่าได้ขนาดนี้ ไหนจะหุ่นที่แสนจะเพอร์เฟคที่เค้าบอกสูงยาวเข่าดีแบบไหนแบบนั้นเลย ผิวก็ดูขาวสะอาดตาไหนจะรอยยิ้มที่มีลักยิ้ม ยิ้มทีหยุดโลกที่เขาได้มีโอกาสเห็นแค่ครั้งเดียวคือตอนแรกที่ชายหนุ่มยิ้มให้มารดาตัวเองแค่นั้น หลังจากนั้นตั้งแต่หันมาคุยกับเขาก็ไม่ได้เห็นอีกเลย คงได้เห็นแต่หน้าตาอันเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขาม เสียงพูดที่ทุ้มแต่ทว่าดูมีอำนาจ สายตาอันดุดันดูน่ายำเกรงถ้าขืนหายใจผิดจังหวะนี่อาจโดนฆ่าตายได้ คนบ้าอะไรมีสองบุคลิกภายในเวลาเพียงชั่วประเดี๋ยวคุยกับคนเป็นแม่อีกแบบพอหันมาคุยกับเขาซึ่งก็มีแต่รายละเอียดเรื่องงานก็อีกแบบ คนแบบนี้สำหรับข้าวโพดไม่น่าจะมีใครอยากอยู่ด้วยเลย
“งั้นเอาเป็นว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวสักเก้าโมงค่อยกลับนะลูก แม่กับหนูข้าวโพดจะไปรถตู้ของที่บ้านเองและลูกต้องเป็นคนขับ ส่วนรถของลูกให้คนขับรถที่บ้านขับไป” แม่เลี้ยงกานดาจัดแจงเสร็จสรรพ
“แต่…”
“ไม่มีแต่ครับลูกชาย คำสั่งแม่ถือว่าเด็ดขาด โอเคนะ” คนเป็นลูกยังไม่ทันได้พูดโต้แย้งอะไร โดนแม่ผู้มีอำนาจสูงสุดปัดตกหมดข้อโต้แย้งทันที
“ยายจ๋า ข้าวโพดไม่อยู่ยายดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะจ๊ะ มีอะไรให้โทรหาข้าวโพดได้เลยนะ ถ้าไม่มีอะไรแค่คิดถึงข้าวโพดก็โทรได้เลยนะข้าวโพดจะรับทันทีถ้าข้าวโพดรับได้ แต่เดี๋ยวข้าวโพดจะโทรมาบ่อยๆ และมีโอกาสจะลงมาหายายบ่อยๆ นะจ๊ะ”
หลานชายสั่งเสียคนเป็นยายยาวเฟื้อยจนยายบุปผาอดขำหลานชายตัวเองไม่ได้ สั่งเสียยังกับจะจากกันไปนาน เพราะก็อยู่กันแค่คนละอำเภอปกติพ่อเลี้ยงกิตติภูมิหรือคุณบลูก็ลงมาหาพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงบ่อยๆ อยู่แล้ว เค้าคงเมตตาพาข้าวโพดลงมาด้วยอยู่หรอกคงไม่ใจร้ายใจดำปล่อยไว้ให้ทำงานบนดอยคนเดียว
“จ้า ข้าวโพดไม่ต้องห่วงยายหรอกลูก ยายอยู่กับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงถ้ามีอะไรยายให้ท่านโทรหาข้าวโพดอยู่แล้ว ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงที่โน่นก็อย่าดื้อกับท่านนะลูก ตั้งใจช่วยพ่อเลี้ยงเขาทำงาน พ่อเลี้ยงบอกอะไรให้เชื่อฟัง ช่วยงานอะไรได้ก็หยิบจับช่วยกันนะลูก อย่าอยู่เฉยๆ ให้คนอื่นเขาว่าเอาได้ มีอะไรให้อดทนใช้เหตุผลอย่าเอาแต่ใจอย่าใช้อารมณ์นะลูกนะ พ่อเลี้ยงเขาจะได้เอ็นดู ไปเถอะลูกสายแล้วเดี๋ยวคุณๆ เขารอ ดูแลตัวเองด้วยนะลูกหยูกยาเอาไปบ้างไหมเผื่อเป็นอะไรจะได้มีกิน ลืมของอะไรอีกไหมลูกเช็คดูดีๆ นะ กว่าจะได้ลงมาอีกก็อาจจะหลายวัน”
ว่าแต่หลานสั่งเสียตัวเองนาน ยายบุปผาก็ลืมตัวสั่งเสียยาวไม่แพ้หลาน เพราะมีหลานคนเดียวยังไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ เลย เลยอดห่วงไม่ได้
“ข้าวโพดไปแล้วนะจ๊ะยายจ๋า เดี๋ยวถ้าตอนเย็นข้าวโพดว่างข้าวโพดโทรหานะจ๊ะ มาขอข้าวโพดหอมหน่อยจะไม่ได้กอดไม่ได้หอมอีกหลายวันต้องตุนไว้ ฟอดดด ฟอดดดด”
ร่างบางโผเข้าไปกอดผู้เป็นยายที่เป็นผู้ใหญ่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตัวเอง ก่อนจะทั้งกอดทั้งหอมแก้มเหี่ยวๆ นุ่มๆ ของยาย ส่วนยายบุปผาก็หอมศีรษะหลานชายอย่างแสนรักก่อนที่ทั้งยายและหลานจะพากันเดินไปขึ้นรถที่บ้านใหญ่ ที่มีรถตู้จอดรออยู่แล้วหนึ่งคัน
ไปถึงเพียงครู่เดียวแม่เลี้ยงกานดา พ่อเลี้ยงธนา พ่อเลี้ยงกิตติภูมิ และหลานน้อยอย่างน้องบูมก็เดินออกมาจากบ้านมาขึ้นรถตู้ ซึ่งแม่เลี้ยงเปลี่ยนใจเอาคนขับรถไปอีกคนเพื่อที่จะให้ลูกชายได้นั่งไปเฉยๆ สบายๆ ส่วนรถของที่ไร่ก็ให้คนขับขับออกไปก่อนหน้าแล้ว
“ป้าบุปผา ไปด้วยกันนะ” แม่เลี้ยงกานดาเอ่ยชวน
” ไม่เป็นไรค่ะแม่เลี้ยงเดี๋ยวป้าอยู่ดูแลที่บ้านเองค่ะ” ป้าบุปผาบอกปฏิเสธถึงแม้จะอยากตามไปส่งหลานชายด้วยก็ตามทีเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับป้าผา มาด้วยกันเถอะครับ เดี๋ยวคนงานใหม่ของผมจะได้ไม่หาเรื่องเหงาคิดถึงยาย” เจ้าของไร่เอ่ยปากชวนเองด้วยรู้ว่าป้าบุปผาแกคงอยากไปส่งหลานชายคนเดียว แต่คงเกรงใจเลยปฏิเสธไม่กล้าไปด้วย
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณบลูที่เข้าใจคนแก่”
ป้าบุปผาตกลงด้วยความดีใจ ส่วนคนเป็นหลานถึงกับดีใจยิ้มกว้างที่อย่างน้อยก็ได้อยู่กับยายนานขึ้น เพิ่งรู้ว่าพ่อเลี้ยงผู้เคร่งขรึมก็มีมุมอ่อนโยนเห็นใจคนอื่นก็เป็น
