ตอนที่ 2 ข้าวโพดต้นนี้
“จริงๆเหรอจ๊ะยาย ข้าวโพดจะได้ทำงานจริงๆใช่ไหมจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพอข้าวโพดไปถึงแล้วเค้าบอกว่าไม่รับ หรือรับคนอื่นไปแล้วนะ”
เสียงใสของชายหนุ่มนามว่า ข้าวโพด หรือ ภูตะวัน อิทธินานนท์ หนุ่มอายุ 22 ปี ที่เพิ่งจบปริญญาตรีจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐในกรุงเทพ ถามผู้เป็นยายด้วยความดีใจที่ได้รับข่าวดีเรื่องงานจากยายที่ส่งเสียเขามาหลังจากที่พ่อกับแม่เขาเสียชีวิตลงกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนนั้นหนุ่มน้อยเพิ่งจะเรียนอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นเขาเคว้งไม่มีใครนอกจากยาย ตอนแรกจะหยุดเรียนแต่ทว่าเขายังพอมีเงินจากประกันชีวิตของพ่อกับแม่และเงินก้อนจากที่ทางคู่กรณีให้มาพอให้เขาได้ทุนมีเรียนต่อจนจบ บวกกับเงินที่ยายบุปผาส่งเสียให้เพราะไม่อยากให้หลานออกไปหางานพิเศษทำ อยากให้ตั้งใจเรียนให้จบอย่างเดียว เขาก็มุมานะเรียนจนจบปริญญาในที่สุด
พอได้ยินข่าวที่น่ายินดีที่ยายมาบอกข้าวโพดจึงดีใจที่จะได้ทำงานหาเลี้ยงยายตอบแทนยายที่เลี้ยงดูตัวเองมา ถึงแม้เด็กหนุ่มมจะจบจากมหาวิทยาลัยแล้วแต่ด้วยความที่เป็นคนผิวขาว ปากกระจับเล็กสีแดง แก้มแดงอย่างคนมีสุขภาพดี ร่างบางที่ไม่มีกล้าม หากมองดูเผินๆอาจเหมือนผู้หญิงผมสั้นหรือทอมบอยมากกว่าผู้ชาย ตอนดีใจตากลมโตขนตายาวงอนสวยเบิกกว้างช่างน่ารักเหลือเกินสำหรับคนเป็นยายมาก ดูยังไงหลายชายนางเหมือนยังอยู่ช่วงมอปลายอยู่ดี
“จริงๆ ซิ ยายจะโกหกข้าวโพดหลานรักของยายทำไม พอดีคนงานบัญชีของพ่อเลี้ยงกิตติภูมิท่านขาด แม่เลี้ยงกานดาที่เป็นแม่เลยบอกให้ยายมาบอกข้าวโพดไว้”
“โอยยยย ข้าวโพดดีใจจังเลยที่จะได้อยู่ใกล้ๆยาย“ แขนเรียวยกมาโอบกอดตัวเล็กๆของยายบุปผาไว้ด้วยความรัก ก่อนที่จมูกโด่งรั้นจะหอมแก้มยายฟอดใหญ่
“เขาจะให้ไปสมัครวันไหนเหรอจ๊ะยายจ๋า ข้าวโพดอยากไปเร็ว ๆ กลัวเขาเปลี่ยนใจ” เสียงเล็กบอกเพราะถ้าทิ้งไว้นานเผื่อนายจ้างเขาเลือกคนอื่นไปก่อนแล้วแย่เลย
“ข้าวโพดไม่เหนื่อยเหรอลูก พักก่อนไหมอีกสองวันเดี๋ยวยายพาไปนะ ยายอยากให้ข้าวโพดพักก่อน ยายจะได้อยู่กับข้าวโพดด้วย”
“อ้าว แล้วไปทำงานที่พ่อเลี้ยงอะไรนั่น จะไม่ได้อยู่กับยายเหรอจ๊ะ”
“ไม่ลูก ยายอยู่บ้านใหญ่ที่รีสอร์ต ถ้าข้าวโพดไปทำงานกับพ่อเลี้ยงต้องไปอยู่ที่ไร่ชาบนดอยกับพ่อเลี้ยง นานๆ มาทีถึงจะได้ลงมาหายาย ข้าวโพดจะอยู่ได้ไหมลูก”
“ได้ซิจ๊ะยายจ๋า ยังไงก็อยู่ใกล้ยายดีกว่าอยู่กรุงเทพอีก”
“งั้นข้าวโพดไปนอนเถอะลูก พักผ่อนเดี๋ยวอีกสองวันครบกำหนดลางานของยาย เดี๋ยวยายพาข้าวโพดไปเอง”
“นี่เหรอคะหลานชายของป้าผา น่าเอ็นดูมากเลยชื่อข้าวโพดด้วย น่ารักทั้งชื่อทั้งหน้าตาอยากได้เป็นลูกอีกคนเลย”
แม่เลี้ยงกานดาชอบใจและรู้สึกเอ็นดูข้าวโพดเมื่อเห็นหน้าทำไมหน้าตาน่ารักอย่างนี้ ถ้าป้าบุปผาไม่บอกว่าเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วแม่เลี้ยงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด หน้าตาอย่างกับเด็กมัธยม ปากนิดจมูกหน่อย จมูกรั้นๆ นั่นน่าจะดื้อพอดู พวงแก้มใสอมชมพู ผิวเนียนขาว ตัวบางสมส่วน เห็นแล้วนึกถึงบอมบอมลูกชายของเธอเลย อยากให้พี่บลูลูกชายเธอมาเห็นจังเลย คนนี้แหละที่จะเป็นลูกสะใภ้ของเธอแน่นอน
“ขอบคุณนะครับแม่เลี้ยง” ข้าวโพดยิ้มหวานตาหยีอย่างดีใจที่แม่เลี้ยงกานดาเมตตาเอ็นดูตัวเอง อย่างน้อยการมีนายจ้างใจดีก็มีกำลังใจทำงานไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็ได้กำลังใจจากยายที่ข้าวโพดทั้งรักและเคารพ
“เรียกฉันว่าป้าเถอะหนูข้าวโพด เอ่อ หนูข้าวโพดถ้าหนูต้องขึ้นไปทำงานบนดอย อยู่แต่กับไร่ชาไม่มีความเจริญอะไร นานๆถึงจะได้ลงมาในเมืองที อาจจะเดือนละครั้งหรือสองครั้งหนูจะว่ายังไงจ๊ะ จะอยู่ได้ไหม”
แม่เลี้ยงกานดาถามข้าวโพดกึ่งบอกให้รับรู้ในสิ่งที่อีกคนต้องเจอถ้าจะต้องขึ้นไปทำงานกับพ่อเลี้ยงกิตติภูมิลูกชายของเธอ เพราะผู้ช่วยที่ผ่านๆมาอยู่กันได้ไม่นานด้วยยังติดความเจริญความสะดวกสบายอยู่ ที่เห็นหนูข้าวโพดยังเด็กอาจจะไม่ชอบชีวิตแบบนั้นไปเจอแล้วอยู่ไม่ได้ลาออกอีกเสียดาย ถ้าอยู่ไม่ได้แม่เลี้ยงก็จะให้ไปทำงานที่รีสอร์ตแทน ปล่อยไปทำงานที่อื่นไม่ได้คนนี้เธออยากจองไว้เป็นลูกสะใภ้จริงๆ
“ข้าวโพดคิดว่าข้าวโพดอยู่ได้ครับแม่เลี้ยง เอ่อ คุณป้า ที่จริงข้าวโพดชอบอยู่กับธรรมชาติมากกว่าครับ แต่ที่ไปเรียนไกลถึงกรุงเทพเพราะได้ทุนเฉยๆ ครับ อยู่ไร่ชาอย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้ๆ ยาย ได้เจอกันทุกเดือนที่สำคัญเงินเดือนเหลืออีกครับเพราะไม่มีอะไรให้ซื้อ แฮ่ะ แฮ่ะ”
ข้าวโพดรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกแม่เลี้ยงทันทีที่เห็นอีกคนทำหน้าดุใส่ และบอกในแง่มุมของตัวเองให้แม่เลี้ยงได้รับฟังซึ่งถูกใจแม่เลี้ยงกานดายิ่งนักนี่แหละลูกสะใภ้ที่เธออยากได้มานาน
“อ้าว นี่ใครกันล่ะแม่เลี้ยง” เสียงทุ้มของพ่อเลี้ยงธนาที่อุ้มเด็กน้อยตัวขาวอวบน่ารักไว้ในอ้อมแขนเดินมาร่วมวงสนทนาด้วยแล้วถามภรรยาที่รักเมื่อเห็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีออกไปทางน่ารักนั่งคุยอยู่กับภรรยาสองคนที่ศาลาสวนดอกไม้หน้าบ้าน
“หนูข้าวโพดหลานของป้าผาที่จะมาดูแลพี่บลู เอ่อ ดูแลบัญชีให้พ่อเลี้ยงกิตติภูมิไงคะพ่อเลี้ยง หนูข้าวโพดนี่พ่อเลี้ยงธนาสามีของป้าเอง และตัวน้อยน่ารักนั่นลูกของลูกชายป้าชื่อน้องบูมจ้า” แม่เลี้ยงกานดาอุ้มเอาหลานชายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนก่อนที่จะหยอกเล่น
“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง ผมข้าวโพดหลานของยายบุปผาครับ” ข้าวโพดยกมือทำความเคารพพ่อเลี้ยงธนาด้วยความนอบน้อมสร้างความเอ็นดูแก่พ่อเลี้ยงผู้เป็นนายใหญ่ของเลิศธนาธีรกานต์ตั้งแต่แรกเจอ
“จบอะไรมานะลูก บัญชีโดยตรงใช่ไหมเห็นป้าผาบอกถ้าลุงจำไม่ผิด”
พ่อเลี้ยงถามด้วยความเอ็นดูในความเป็นเด็กนอบน้อมและความน่ารักสดใสของคนเด็กกว่า รู้แล้วว่าทำไมแม่เลี้ยงผู้เป็นภรรยาถึงได้ดูรักเด็กคนนี้จังเห็นมองตาเป็นประกายยิ้มไม่หุบต้องมีแผนอะไรในใจเเน่ๆ ตัวพ่อเลี้ยงเองเลยเนียนอยากเป็นลุงเสียเลย
“อ่อ ใช่ครับ”
“ดีเลยลูก มาอยู่ด้วยกันนะ มาช่วยกันหน่อยพอดีไร่ชาของลูกชายลุงต้องการนักบัญชีเก่งๆ และคนดูแลอย่างหนูข้าวโพดอยู่พอดี บุญพาวาสนาจริงๆ ที่ได้หนูข้าวโพดมา” พ่อเลี้ยงธนาเริ่มจะจีบเด็กหนุ่มหน้าใสให้มาช่วยงานลูกชาย
“ขอบคุณนะครับทั้งพ่อ เอ่อ คุณลุงและคุณป้าที่กรุณาต่อข้าวโพดถึงข้าวโพดจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริงๆนอกจากตอนฝึกงานแต่ข้าวโพดก็จะพยายามช่วยเหลืองานในไร่ให้ได้มากที่สุดครับ” คนพูดพนมมือเรียวไหว้ขอบคุณพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงผู้มีบุญคุณต่อทั้งตัวเองและยาย
“หนูข้าวโพดพร้อมที่จะเริ่มงานไหมจ๊ะ ป้าจะได้ตามพ่อเลี้ยงกิตติภูมิเจ้าของไร่เขามาทำความรู้จักพร้อมกับรับตัวไปทำงานเลยส่วนเงินเดือนไปตกลงกับเจ้าของไร่เค้าเอานะทั้งเรื่องเงินเดือนและทำสัญญา” แม่เลี้ยงกานดาแทบจะทนไม่ไหวอยากให้ลูกชายมาเจอกับเด็กหนุ่มที่เธอแอบมาดหมายไว้ให้เป็นลูกสะใภ้เร็วๆ
“พร้อมเริ่มได้เลยครับ” เด็กหนุ่มตอบรับตอนนี้เขาทั้งดีใจที่ได้มาอยู่ใกล้ยายทั้งดีใจที่ได้งานและอดจะตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้เริ่มงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเองสักที
