บทที่ 2 มิติใหม่ในโลกที่แสนมหัศจรรย์
“นายท่านตื่นเถอะขอรับ นายท่าน”
เสียงก้องกังวานทว่าน้ำเสียงเล็กใสราวกับเด็กน้อยดังเข้ามาในโสตประสาท ริบบิ้นขมวดคิ้วเข้าหากันทั้งที่ยังหลับตาด้วยความประหลาดใจ
เธอตายไปแล้วนี่ หรือว่านี่คือโลกหลังความตาย คงเป็นสวรรค์แน่ ๆ เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความสดชื่นและอุ่นสบาย
“นายท่านขอรับ ตื่นเถอะ ท่านหลับนานเกินไปแล้วนะขอรับ” ดวงไฟดวงน้อยพยายามปลุกเจ้านาย แต่ไม่ว่าจะพยายามเรียกเท่าไร เจ้านายผู้นี้กลับไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที
ด้วยความสงสัยกับเสียงเล็กที่เอาแต่เรียกเธอไม่หยุดหย่อน ริบบิ้นจึงยอมลืมตาแต่ก็ต้องตกใจ เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา นอกจากนั้นยังมีเจ้าแสงสีทองพูดได้
“ที่นี่ที่ไหน แล้วนั่นตัวอะไร”
“ช่างเป็นคำทักทายแรกที่หยาบคายมากเลยนะขอรับ” ตนคือผู้ดูแลโลกมิติแห่งนี้ เฝ้ารอวันที่เจ้านายตัวเองตื่นนับพันปี อุตส่าห์ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง แต่กลับถูกเจ้านายเรียกราวกับตัวประหลาดเสียนี่
“ขอโทษ ๆ เมื่อกี้นายเรียกฉันว่านายท่าน มันค่อนข้างทำให้ฉันสับสนและไม่เข้าใจน่ะ นายช่วยอธิบายมากกว่านี้ได้ไหม” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ลืมตาตื่นขึ้นมาก็มีเจ้าแสงประหลาดเรียกนายท่าน ๆ อยู่ข้างหูแล้ว
“ข้าน้อยคือภูตผู้ดูแลโลกมิติแห่งนี้ขอรับ ข้ารอวันจะได้รับใช้ท่านนานแสนนาน ในแต่ละวันการไม่มีท่านมันช่างเงียบเหงาเหลือเกินขอรับ”
“เดี๋ยวนะ ฉันอ่านนิยายแฟนตาซีมากไปหรือเปล่านะ อ่านมากไปแล้วเก็บเอามาฝันก็ได้ ไม่ใช่สิ จะฝันได้อย่างไร ในเมื่อตายไปแล้ว ควรจะไปโลกสุขาวดีไม่ก็ลงนรกสิถึงจะถูก” หญิงสาวถึงกับขยี้ตาพร้อมกับบ่น งึมงำไม่หยุด ดูเหมือนว่ายิ่งอธิบายเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม อะไรจะน่าตกใจไปกว่าการที่แสงสีทองลูกเล็ก ๆ ตรงหน้าพูดได้กันล่ะ
“ท่านตายจากโลกหนึ่งก็จริง แต่ที่นี่ไม่ใช่ขอรับ ท่านแค่นอนหลับพักผ่อนเท่านั้น มองไปรอบ ๆ สิขอรับ สถานที่แห่งนี้ท่านเป็นเจ้าของทั้งหมด ท่านจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องกิน ดื่ม ท่านก็อยู่ได้ ทุกสิ่งล้วนเป็นของดีทั้งนั้น ต้นไม้ ต้นหญ้าหรือแม้แต่น้ำก็ล้วนเป็นของดีนำไปทำยาได้ทั้งสิ้น และสามารถเก็บสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่รู้จักเต็มเชียวล่ะ หรือท่านอยากจะนำของสิ่งใดออกไปก็ย่อมได้เช่นกันขอรับ”
“โห! มันดีขนาดนี้เชียวหรือ แล้วที่นี่มีใครบ้างนอกจากฉัน” สถานที่สุดลูกหูลูกตานี้เป็นของเธอทั้งหมดเลยหรือ หาเงินทั้งชีวิตยังไม่มีเงินพอซื้อที่สักแปลง แต่พอตายไปแล้วเท่านั้นแหละเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป
“มีนายท่าน ข้า นายท่าน ข้า นายท่าน และก็ข้า หนึ่งคนกับอีกหนึ่งภูตขอรับ”
แค่ได้ฟังเจ้าภูตน้อยริบบิ้นรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวคงจะเหงาจริงอย่างที่พูด แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเธออยู่คนเดียวเป็นพันปีโดยไม่มีใครให้พูดคุย ไม่อยากจะคิดเลย เธอต้องเป็นบ้าแน่ ๆ
“เอ๊ะ! มีบ้านอยู่ตรงนั้นด้วย” เปลี่ยนเรื่องคุยน่าจะดีกว่า ตอนนี้ริบบิ้นพอเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเธอที่อยู่ที่นี่ถึงได้หลับไปนานไม่ยอมตื่นเสียที ถ้าเป็นแบบที่เจ้าภูตบอกโลกใบนี้ก็น่าเบื่อเกินไป
“เป็นเรือนเก็บสมบัติของนายท่านขอรับ”
เจ้าภูตน้อยนำทางไปยังบ้านหลังนั้นทันที เมื่อเข้าไปด้านในก็ได้พบกับร่างของสตรีผู้หนึ่ง นางนอนนิ่งไม่ไหวติง แม้จะหลับไปถึงพันปีทว่าร่างกายกลับเป็นปกติ หากมองผิวเผินเหมือนกับว่านางกำลังนอนหลับ
ริบบิ้นตามภูตแห่งแสงไปจนถึงหน้าเรือน เพียงแค่ก้าวข้ามธรณีประตูเธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง ชั่ววูบเดียวเท่านั้นร่างโปร่งแสงของเธอได้พุ่งเข้าหาคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงทันที
หนึ่งดวงจิตหนึ่งกายหยาบถูกดูดเข้าหากันฉับพลัน พร้อมกับผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“สุดยอดไปเลย ฉันคือผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ แต่ทำไมจำเรื่องเก่าก่อนไม่ได้เลยล่ะ” ตอนนี้เธอมีแค่ความทรงจำของริบบิ้นเท่านั้น สำหรับของร่างนี้เธอกลับจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“ก็เพราะนายท่านหลับไปนับพันปี ช่วงเวลาในแต่ละมิติที่ท่านถอดจิตไปนั่นไม่เท่ากัน ดวงจิตล่องลอยไปที่อื่นนับไม่ถ้วนจึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูขอรับ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น” ถึงจะจำไม่ได้เธอไม่ได้สนใจอยู่แล้ว อย่างน้อยเธอก็มีความทรงจำจากโลกก่อน การเป็นอยู่ในโลกนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ริบบิ้นหรือก็คือหนิงหลันในมิติแห่งนี้ นางเริ่มเดินสำรวจข้าวของในเรือนไม้ด้วยความสนใจ ทุกอย่างถูกเก็บวางไว้อย่างดี ยา แก้ว แหวน เงิน ทอง และของเก่าเก็บนับมูลค่าไม่ได้ ถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ให้ตายสิ... นี่มันผ้าขี้ริ้วห่อทองชัด ๆ ภายนอกกับด้านในช่างต่างกันลิบลับ
หลังจากสำรวจตรวจตราในบ้านหมดทุกซอกทุกมุม หญิงสาวจึงออกมาสำรวจด้านนอกต่อ ทุกอย่างตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับดินแดนในฝันของนางทุกประการ
“มีน้ำตกด้วยหรือ ผลไม้ก็มีเต็มไปหมดเลย”
ส้ม แอปเปิล พุทรา ลูกท้อ กล้วย และมีอย่างอื่นอีกมากมาย ด้วยอดใจไม่ไหวนางจึงเด็ดแอปเปิลมาหนึ่งผล พร้อมกับกัดไปคำโต ยิ่งเมื่อลองเด็ดมากินกลับพบว่าผลของพวกมันหวานกรอบและฉ่ำน้ำในคราวเดียว
“อร่อยเกินไปแล้ว” ยิ่งกินก็ยิ่งวางไม่ลง หนิงหลันกล่าวชมไม่ขาดปาก
“แน่นอนสิขอรับ น้ำและดินเป็นแหล่งอาหารชั้นดี หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์พวกนี้เป็นถึงน้ำแร่วิเศษที่ไม่มีวันเหือดแห้ง อีกทั้งดินที่นี่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ล้วนแล้วแต่ได้ผลผลิตที่ดีขอรับ ระหว่างที่ท่านหลับไปข้าดูแลพวกมันเป็นอย่างดี จึงได้เป็นอย่างที่เห็นขอรับ” เจ้าภูตน้อยไม่ลืมกล่าวถึงความดีของตนเอง เพื่อหวังว่าจะได้รับคำชมจากนายท่าน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเจ้านายเอาแต่สนใจผลไม้ ไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด
“เช่นนั้นถ้าข้าปลูกผักก็จะได้ผลที่งอกงามโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยน่ะสิ”
“ใช่ขอรับ”
“ดีเลย ข้าจะปลูกข้าวโพด แคร์รอต มะเขือเทศ ผักกาด” ไม่ว่านางชี้นิ้วลงตรงไหนเจ้าภูตน้อยก็สามารถเนรมิตให้ได้ทุกอย่าง หนิงหลันรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาบริเวณใกล้น้ำตกพื้นที่กว่าสิบไร่ ได้กลายเป็นที่สำหรับการเกษตรตามที่นางต้องการ
“นายท่านอยากได้อย่างอื่นอีกหรือไม่ขอรับ”
“พอก่อนตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก ขอบคุณเจ้ามากนะภูตน้อย เจ้าเก่งมาก”
“นายท่านชอบข้าก็ดีใจขอรับ”
ในแต่ละวันหนิงหลันหมดไปกับการหัดปรุงยาตามตำรา ปลูกพืชผักผลไม้ตามแต่ที่นางจะนึกออก แม้ในโลกมิติจะดีปานใด แต่ทว่ากับไร้ซึ่งความรู้สึกง่วง หิว ปวดหนัก ปวดเบา หรือบางอย่างที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไปควรจะเป็น นับวันยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น แม้จะสามารถเนรมิตของเล่นมากมาย นิยายที่เคยชอบ แต่ก็ทำให้หายเบื่อไปเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น
“เจ้าภูตน้อย ข้ารู้สึกว่าตรงนี้มันแค้นเคือง โมโห ร้อนรน และไม่พอใจอย่างไรไม่รู้” หนิงหลันทาบมือลงกลางอก ในช่วงเวลาหนึ่งนางกลับรู้สึกถึงการไม่ชอบหรือคิดร้ายใครสักคน ทั้งที่ตัวนางเองเอาแต่นอนนิ่ง ๆ ไม่มีสิ่งใดทำให้ขุ่นเคืองใจ ทว่าภายในใจมันกลับพรั่งพรูแต่ความเกลียดชังออกมาอยู่เรื่อย ๆ
“ความจริงแล้วนายท่านยังเหลืออีกเศษเสี้ยวหนึ่งที่ยังกลับมาไม่ครบขอรับ ความรู้สึกของเศษเสี้ยวจะถูกส่งกลับหาร่างต้น ยิ่งตอนนี้เหลือท่านและเศษเสี้ยวเพียงสองคนเท่านั้น ความรู้สึกต่อกันก็จะชัดเจนมากขึ้น”
“เจ้ารู้หรือไม่ เศษดวงจิตที่เหลืออยู่ที่ใด”
“รู้ขอรับ อยู่อีกโลกมิติหนึ่ง ไม่ไกลจากที่นี่”
“ข้าอยากไปที่นั่น เจ้าพาข้าไปหน่อยสิ”
“ขอรับนายท่าน
