บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ศัตรู

เมื่อเฉินเจียวเจียวพาคุณหนูจากสกุลหลินทั้งสองกลับขึ้นเรือนมาฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับฟางเจียอีฮูหยินใหญ่จากสกุลหลินก็พลันเงียบเสียงลง แต่แล้วเมื่อคิดได้ว่าปีหน้าเฉินเจียวเจียวก็จะถึงวัยปักปิ่นอีกทั้งทางเต๋อเฟยเองก็มีรับสั่งเอ่ยถึงเรื่องนี้บ้างแล้วนางจึงคิดว่าให้เฉินเจียวเจียวรับรู้เรื่องนี้บ้างก็เป็นเรื่องดีนางจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้

“ทางข้าเองก็ไม่ได้คิดจะขัดข้องอันใด หากทางเต๋อเฟยอยากจะส่งปิ่นมาร่วมแสดงความยินดีก็ถือว่าเป็นเกียรติของเจียวเจียวเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องพิธีปักปิ่นหากทางเต๋อเฟยอยากจะเป็นแม่งานก็คงไม่เหมาะ แม้ว่าจะทรงเอ็นดูเจียวเจียวมากเพียงใดแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้นางก็ยังมีมารดาเลี้ยงของนางอยู่ แม้ว่าเฉียวซื่อจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของผู้อื่นก็อาจจะทำให้นางไม่สบายใจ” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้ฟางเจียอีที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเต๋อเฟยก็พลันทอดถอนหายใจออกมา

“ข้าเองก็คำนึงถึงเรื่องนี้จึงได้บอกกับพระนางว่าข้าจะขอมาปรึกษากับทางจวนผิงกั๋วกงก่อน” ฟางเจียอีเอ่ยพลางหันไปมองเฉินเจียวเจียวที่เดินนำหน้าบุตรสาวของนาง

“ปีนี้เจียวเจียวโตขึ้นมาก ยังไม่ทันจะได้ปักปิ่นก็มีความงามตามแบบฉบับสาวแรกรุ่นแล้ว หากพระนางทรงได้เห็นเจียวเจียวอีกครั้งจะต้องทรงดีพระทัยมากเป็นแน่” เมื่อฟางเจียอีเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ส่งยิ้มให้นางด้วยท่วงท่าเอียงอายของสาวแรกรุ่นแล้วจึงได้หันไปมองหลินชิงหว่านและหลินชิงเหมยอีกครั้งแล้วจึงได้เอ่ยขึ้น

“ต่อให้เจียวเจียวงามมากเพียงใดก็คงจะสู้ พี่หญิงชิงหว่านและน้องชิงเหมยไม่ได้ ท่านป้าสะใภ้ดูสิเจ้าคะ พี่หญิงชิงหว่านงามทั้งรูปลักษณ์และกิริยาท่าทาง ส่วนน้องชิงเหมยนั้นขนาดนางแต่งกายเช่นนี้ความงามของนางก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยกลับดูบอบบางน่าสงสารเมื่อมองดูแล้วก็กลายเป็นความงามอีกรูปแบบหนึ่ง”

เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้สายตาที่กำลังปลื้มอกปลื้มใจในความงามของบุตรสาวของฟางเจียอีก็พลันเลื่อนสายตาไปมองหลินชิงเหมยแล้วก็พลันขมวดคิ้วในทันที ส่วนหลินชิงเหมยนั้นเมื่อได้ยินว่าเฉินเจียวเจียวเอ่ยวาจาถึงเรื่องการแต่งกายของตนอีกครั้งก็พลันหลุบดวงตากลมโตของตนเองลงพลางพยายามครุ่นคิดว่านางเคยเผลอไปล่วงเกินเฉินเจียวเจียวเข้าตอนไหน

“งดงามอันใดกัน พวกนางสองคนหรือจะสู้เจ้า” ฟางเจียอีเอ่ยพลางลอบคิดในใจว่าเมื่อกับจวนไปจะต้องอบรมลูกสาวนอกสายเลือดของตนเองเสียหน่อย หลินชิงเหมยแต่งกายเช่นนี้นอกจากจะไม่ให้เกียรติจวนผิงกั๋วกงแล้วยังทำให้นางในฐานะมารดาเลี้ยงพลอยรู้สึกเสียหน้าไปด้วย ท่าทางเช่นนี้เครื่องแต่งกายเช่นนี้ นี่หลินชิงเหมยกำลังตั้งใจจะบอกกับผู้อื่นว่า "ข้ากำลังถูกมารดาเลี้ยงรังแก" เช่นนั้นหรือ

แน่นอนว่าเฉินเจียวเจียวย่อมคาดเดาความคิดของป้าสะใภ้ของตนได้ นางรีบเดินไปนั่งลงข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเอ่ยออดอ้อนเสียงเบา

“ท่านย่า ข้าพาพี่หญิงชิงหว่านและน้องชิงเหมยไปที่สวนไม้ดอกของท่านตามที่ท่านสั่งแล้วนะเจ้าคะ แต่เพราะสีหน้าของน้องชิงเหมยไม่ค่อยจะดีนักหลานก็เลยรีบพานางกลับ หากนางเป็นอันใดไปท่านจะได้ไม่ตำหนิข้าที่พาญาติผู้น้องออกไปเดินเล่นจนล้มป่วย” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไปมองหลานสาวของตนเองในทันที การที่เฉินเจียวเจียวเอ่ยวาจาเช่นนี้ตั้งใจจะบอกว่าญาติผู้น้องที่น่าสงสารของนางสุขภาพไม่ดีจนนางไม่อยากจะพาออกไปเดินเล่นเช่นนั้นหรือ นี่ไม่ใช่นิสัยของนางเลยสักนิดที่จะเอ่ยปากโจมตีผู้อื่นอย่างซึ่งหน้าเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอดจ้องมองหลินชิงเหมยให้นานขึ้นกว่าปกติ

“ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะที่สุขภาพของข้าทำให้พวกพี่หญิงต้องพลอยหมดสนุก” คำพูดนี้ของหลินชิงเหมยทำให้เฉินเจียวเจียวลอบยกนิ้วให้นางอยู่ในใจ

“ไม่ถึงขั้นหมดสนุกหรอก เพียงแต่ข้าอดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้ ด้วยร่างกายนี้ของเจ้าควรจะบำรุงรักษาให้ดีก่อนที่จะออกมาข้างนอกมากกว่า” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้หลินชิงเหมยก็กัดริมฝีปากและพลันมีน้ำเอ่อคลอออกมาจนเต็มนัยน์ตาเฉินเจียวเจียวก็พลันทำสีหน้าไม่สบายใจให้ผู้อื่นได้เห็นในทันที

“นี่ข้าเอ่ยวาจารุนแรงจนเกินไปหรือ ท่านป้าสะใภ้ข้ามิได้ตั้งใจตำหนิน้องชิงเหมยเลยนะเจ้าคะ ข้าก็แค่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนางอีกทั้งยังกังวลว่าหากผู้คนภายนอกเห็นสภาพนี้ของนางเข้าจะเข้าใจว่าท่านป้าสะใภ้ดูแลนางที่เป็นบุตรสาวไม่ดี ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะที่ข้าปากมากจนเกินไปจนทำให้น้องชิงเหมยรู้สึกไม่สบายใจ” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้หลินชิงเหมยตกตะลึงกับการที่เฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้แล้วนางจะเล่นบทโศกต่อไปได้อย่างไร อีกทั้งยังมีสายตาเย็นยะเยือกที่มารดาเลี้ยงของนางส่งมาอีกหลินชิงเหมยจึงได้หันไปมองเฉินเจียวเจียวอีกครั้งอย่างทำอันใดไม่ถูก

ส่วนเฉินเจียวเจียวนั้นในยามนี้นางกำลังตีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างเต็มที่อยู่บนใบหน้า ในกาลก่อนนางเคยต้องรับมือกับหลินชิงเหมยอยู่บ่อยครั้ง นางในยามนี้จึงพอจะรู้วิธีรับมือต่อการบีบน้ำตาของหลินชิงเหมยได้ดี ห้ามโมโห ห้ามแสดงอารมณ์ออกมา ชิ่งหลินชิงเหมยแสดงความอ่อนแอน่าสงสารมากเพียงใดนางก็ยิ่งต้องแสดงความอ่อนโยนและมีความเมตตาต่อหลินชิงเหมยมากเพียงนั้น

“เรื่องนี้ไม่เห็นว่าเจียวเจียวจะต้องขออภัยเลย เจ้ามีความหวังดีพวกข้าย่อมเข้าใจ ส่วนน้องชิงเหมยเมื่อกลับถึงจวนสกุลหลินแล้วข้าในฐานะพี่สาวจะคอยดูแลและตักเตือนนางเอง” หลินชิงหว่านที่ยืนอยู่ทางด้านข้างของหลินชิงเหมยรีบเอ่ยออกมาเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ส่วนฟางเจียอีเองก็สังเกตเห็นความไม่ลงรอยของทั้งเฉินเจียวเจียวและหลินชิงเหมยแล้วก็พลันมีสีหน้าไม่สู้ดีในใจก็ลอบตำหนิหลินชิงเหมยอยู่ในใจที่วางตัวไม่เหมาะสมและไม่รู้การควรไม่ควร

“ในเมื่อเรื่องที่ข้าตั้งใจจะมาถามได้คำตอบแล้วถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวนะเจ้าคะ” เมื่อฟางเจียอีเอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งนางเอาไว้ คนสกุลหลินคารวะอำลาอย่างนอบน้อมแล้วขอตัวกลับโดยมีเฉินเจียวเจียวเดินไปส่งถึงเรือนชั้นนอกด้วยตนเอง

เมื่อคนสกุลหลินเดินผ่านพ้นประตูวงเดือนที่กั้นระหว่างเรือนชั้นในและเรือนชั้นนอกแล้วเฉินเจียวเจียวที่ยังไม่ได้เดินกลับไปก็ทันได้ยินเสียงตำหนิอันแผ่วเบาของฟางเจียอีที่ดังขึ้นอีกด้านของกำแพงที่กั้นระหว่างเรือนชั้นในและเรือนชั้นนอก

“เจ้าเก็บท่าทีเช่นนั้นของเจ้าไปเสีย เจียวเจียวเป็นผู้ใดส่วนเจ้าคือผู้ใดคงไม่ต้องให้ข้าสั่งสอน วันหน้าหากเจ้ายังไม่รู้จักปรับปรุงการแต่งกายและระมัดระวังกิริยาข้าคงไม่คิดจะพาเจ้าออกจากจวนมาทำให้ตนเองต้องขายหน้าเช่นนี้อีก” แม้ว่าฟางเจียอีจะไม่ได้พูดเสียงดังแต่ด้วยความไม่พอใจทำให้เสียงของนางไม่ได้เบานักคนที่ตั้งใจรอฟังอย่างเฉินเจียวเจียวย่อมจะได้ยิน หลินชิงเหมยเอ่ยแก้ตัวเช่นไรนางไม่รู้แต่ที่รู้ๆ ต่อจากนี้นางและหลินชิงเหมยได้แสดงท่าทีว่าเป็นอริต่อกันอย่างออกนอกหน้าไปแล้ว

‘ต่อให้ข้าไม่ทำเช่นนี้นางก็จะทำตัวเป็นศัตรูต่อข้าในวันหน้าอยู่ดี มิสู้ทำให้นางรู้ไปเลยว่าข้าผู้นี้ไม่ใช่คนที่นางจะสามารถใช้ท่าทีอ่อนแอและบอบบางมาเอาเปรียบข้าได้อีกต่อไปแล้ว’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel