ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว

153.0K · จบแล้ว
BigM00N
72
บท
41.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ถูกดอกบัวขาวเล่นงานจนต้องจบชีวิตลงท่ามกลางความแค้นในความโง่เขลาของตนเองและสามี เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองยังไม่ถึงวัยปักปิ่นและยังไม่ได้แต่งงาน หนทางให้ได้แก้ไขชะตาของตนเองจึงได้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่านางจะยังมีสัญญาหมั้นหมายกับคนสมควรตายผู้นั้นอยู่ แต่เฉินเจียวเจียวก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่า “สามีที่ดีก็คือสามีใหม่” กลับมาครั้งนี้นางไม่มีทางแต่งเข้าจวนอ๋องเป็นชายาเอกของหลี่ไท่หยางอย่างเด็ดขาด

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายรักนางเอกเก่งจีนโบราณโรแมนติกโต้กลับ

บทที่ 1 อดีตอันเลวร้าย

สายลมเหมันต์อันเหน็บหนาวที่พัดพาความหนาวเย็นเข้ามาทางหน้าต่างไม่ได้ทำให้เฉินเจียวเจียวรู้สึกเบิกบานขึ้นมาเลยสักนิด ยามนี้นางกำลังยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างปล่อยให้สายลมพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาปะทะใบหน้าเพื่อยืนยันการรับรู้ของนางว่านางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว อีกทั้งยังได้กลับมาในช่วงที่นางยังเป็นเพียงสาวน้อยวัยแรกรุ่นที่ยังไม่ได้เข้าพิธีปักปิ่นอีกด้วย

ละอองหิมะที่โปรยปรายด้านนอกหน้าต่าง เสียงสายลมอันหวีดหวิวยามค่ำคืนทำให้เฉินเจียวเจียวต้องหลับตาลงเพื่อใคร่ครวญถึงความทรงจำในกาลก่อนของตนเองอีกครั้ง ในฐานะพระชายาเอกของโซ่วอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียนนางประพฤติตนอยู่ภายใต้กรอบระเบียบของประเพณีทุกประการ ปกครองจวนด้วยอำนาจและบารมี เอาอกเอาใจปรนนิบัติสามีอย่างโซ่วอ๋องเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นคนดีมีเมตตาและมีจิตใจกว้างขวาง เมื่อเขามีความประสงค์อยากจะรับญาติผู้น้องที่น่าสงสารของนางเข้ามาอยู่ในจวนนางก็ไม่ได้คัดค้าน แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่พอใจมากเพียงใดก็ตามที แต่เพราะคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้มีชีวิตที่น่าสงสารเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องแล้วไม่น่าจะสร้างเรื่องร้อนใจให้นางดังเช่นอนุคนอื่นๆ

ญาติผู้น้องแต่งเข้าจวนมาในฐานะพระชายารองถือว่าเป็นการป่ายปีนขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างงดงาม แต่งเข้ามาไม่เท่าไหร่ครรภ์ของนางก็พลันมีความเคลื่อนไหว ไม่ว่าเฉินเจียวเจียวจะพยายามเก็บงำความรู้สึกมากเพียงใดแต่นางก็ไม่อาจจะรู้สึกดีขึ้นมาได้ แถมญาติผู้น้องผู้มีนามว่าหลินชิงเหมยผู้นี้ยังไม่ใช่คนไร้พิษสงอย่างที่นางเคยเข้าใจ สร้างเรื่องราวเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากสามีมิได้หยุดหย่อนทำให้เฉินเจียวเจียวไม่เคยได้สบายใจ ชายารองตั้งครรภ์ก่อนนางที่เป็นชายาเอกไม่ว่าจะพยายามระงับอกระงับใจอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ยากจะที่นางจะไม่หวั่นไหว เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ลงมือทำอันใด ญาติผู้น้องตัวดีของนางก็ยัดเยียดข้อหาอันรุนแรงให้นางก่อนเสียแล้ว นางถูกกล่าวหาว่าวางยาพิษญาติผู้น้องของตนเองจนทำให้ญาติผู้น้องผู้ที่กำลังจะสั่นคลอนตำแหน่งพระชายาเอกของนางต้องสูญเสียลูกในครรภ์ไป

“เจียวเจียว! เจ้าช่างใจดำอำมหิตนักนี่คือลูกคนแรกของข้า แต่เจ้ากลับทำให้เขาต้องตายจากไปเพียงเพราะความริษยาของเจ้า” โซ่วอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพลางจ้องมองเฉินเจียวเจียวด้วยสายตาโกรธแค้นและชิงชัง

“ขอท่านอ๋องได้โปรดไต่สวนเรื่องนี้อีกครั้งด้วยเพคะ หม่อมฉันขอยืนยันว่าหม่อมฉันคือผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นญาติผู้น้องที่หม่อมฉันเคยให้ความเอ็นดูมาโดยตลอด ต่อให้ไม่พอใจในตัวนางอย่างไรหม่อมฉันก็ไม่มีทางใช้วิธีสกปรกเช่นนี้มาจัดการกับนางแน่เพคะ”

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะอาเหมยเจ็บเหลือเกินเพคะ” เสียงร้องของหลินชิงเหมยที่ดังออกมาจากห้องด้านในทำให้หลี่ไท่หยางหันไปจ้องมองภายในห้องด้วยสายตาเคร่งเครียดแล้วจึงได้หันกลับมามองเฉินเจียวเจียวอีกครั้ง

“สั่งการลงไปพระชายาจากสกุลเฉินมีจิตริษยา ประพฤติตนไม่เหมาะสมตำแหน่งพระชายาให้โบยตีนางสามสิบที สาวใช้ในเรือนของนางคนละสี่สิบทีแล้วกักขังพวกนางให้อยู่แต่ภายในเรือนหลักห้ามผู้ใดออกจากเรือนแม้สักก้าวเดียว หากผู้ใดกล้าฝ่าฝืนก็ให้ลงโบยจนตายไปเสีย” คำสั่งของหลี่ไท่หยางทำให้เฉินเจียวเจียวเจียวจ้องมองเขาอีกครั้งในทันที จริงอยู่ว่าโทษโบยสามสิบครั้งแม้ว่าอาจจะไม่ทำให้ถึงตายและพิการแต่สำหรับคนที่อยู่ในฐานะพระชายาเอกเช่นนางหากถูกโบยตีเช่นนี้แล้ววันหน้านางจะควบคุมผู้อื่นภายในจวนอ๋องแห่งนี้ได้อย่างไร

“ยังไม่รีบลงมืออีก ห้ามออมมืออย่างเด็ดขาด หากข้ารู้ว่าผู้ใดกล้าออมมือ ข้าก็จะลงโทษโบยตีคนผู้นั้นด้วย” คำสั่งของหลี่ไท่หยางทำให้มามาผู้คุมกฎรีบมาควบคุมตัวของเฉินเจียวเจียวเอาไว้แล้วพานางไปที่ลานลงทัณฑ์ในทันที

เฉินเจียวเจียวเม้มปากแน่นยามที่ถูกกดตัวให้นอนลงบนแท่นลงทัณฑ์ เสียงแผ่นไม้โบยตีลงมาทางด้านหลังทำให้นางต้องรีบเม้มปากเอาไว้เพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด ในฐานะคุณหนูใหญ่จากจวนผิงกั๋วกงสกุลเฉินไม่เคยมีสักครั้งที่นางจะได้รับการลงทัณฑ์เช่นนี้ ยิ่งได้หันไปเห็นว่าสาวใช้ข้างกายของตนและบรรดาข้ารับใช้ภายในเรือนต่างก็ถูกโบยตีเช่นกันนางก็เม้มปากเอาไว้แน่น พลางคิดในใจว่าความอัปยศครั้งนี้นางจะต้องทวงคืนอย่างแน่นอน ในเมื่อนางไม่ได้เป็นคนทำไม่ว่าอย่างไรความจริงก็ย่อมต้องปรากฏ เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่นางจะทำกับหลินชิงเหมยย่อมไม่ใช่แค่เพียงการโบยตีเป็นแน่

“พระชายา พระชายาเพคะ!” เสียงร้องเรียกของตงผิงทำให้สติอันรางเลือนของนางพลันแจ่มชัดขึ้น ความปวดแปลบเบื้องล่างทำให้นางรีบก้มลงไปมอง ลานลงทัณฑ์ที่ปกคลุมด้วยหิมะในยามนี้เต็มไปด้วยเลือดซึ่งปริมาณเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เพราะบาดแผลจากการโบยตีเป็นแน่ เฉินเจียวเจียวเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ไปตามหมอหลวงมา ไปตามหมอหลวงมาให้ข้า” นี่คือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่นางจะหมดสติไป

“ทำอย่างไรดี ยามนี้พระชายายังไม่ได้สติเลย” เสียงของตงผิงสาวใช้รุ่นใหญ่ข้างกายของนางที่ติดตามมาจากจวนผิงกั๋วกงเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจและสั่นเครือ

“ข้าส่งคนไปตามหมอหลวงแล้ว บรรดามามาผู้ลงทัณฑ์ก็รีบส่งคนไปแจ้งท่านอ๋องแล้วเช่นกัน แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดเนิ่นนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีผู้ใดมาเลย” เสียงของตงชิงสาวใช้อีกที่ดังขึ้นทำให้นางอยากจะลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยถ้อยคำบางอย่างเพื่อสั่งการแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ สุดท้ายเสียงร่ำไห้และเสียงพูดคุยของสาวใช้คนสนิทก็พลันจางหายไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสติอันพร่าเลือนและความเจ็บปวดที่ได้รับเฉินเจียวเจียวได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจว่า

‘ไม่นะ! ข้าคงจะไม่ตายจากไปง่ายๆ เช่นนี้กระมัง’ แล้วสติของนางก็ดับมืดไป เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนางก็กลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่นางยังไม่ถึงวัยปักปิ่นอีกครั้ง

เฉินเจียวเจียวได้แต่พรั่งพรูลมหายใจอันเย็นยะเยือกออกมา ยามนี้นางมีอายุเพียง 14 ปี ยังอยู่ในการดูแลของฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลเฉิน ส่วนบิดาของนางผิงกั๋วกงผู้มีนามว่าเฉินเซียวในยามนี้ยังคงประจำชายแดนทางเหนือและยังไม่มีกำหนดกลับ ท่านอาของนางเองก็เช่นกัน ยามนี้ในบ้านของนางมีเพียงนาง ฮูหยินผู้เฒ่าผู้เป็นย่า มารดาเลี้ยง ครอบครัวของบ้านรองและบ้านสามที่อาศัยอยู่ในจวนผิงกั๋วกงแห่งนี้

"นี่ไม่ใช่ความฝันและข้ายังไม่ตาย" เฉินเจียวเจียวพึมพำออกมาพลางยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสัมผัสกับเกล็ดหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง