บทที่ 11 ได้พบกับซาลาเปาน้อย
นางชะงักงัน
ซาลาเปาน้อยก็ชะงักด้วยเช่นกัน
เขาสวมชุดคลุมยาวสีดำตัวหนึ่ง บนหัวเกล้าผมมวย ใบหน้าเล็กๆของเขาเงยเชิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาดำใสแป๋วกะพริบปริบๆที่กำลังจ้องมองเธออย่างแปลกใจ
“พี่สาว ท่านเป็นเทพธิดาจากสวรรค์งั้นหรือ? เมื่อครู่ของพวกนั้นมันอยู่ไหนแล้วล่ะ?” น้ำเสียงของซาลาเปาน้อยทั้งนุ่มและละมุน จนหัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนแทบจะละลาย
เมื่อครู่นี้นางมัวแต่จดจ่ออยู่กับการหาวัตถุดิบ และตื่นเต้นจนเกินเหตุ ทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนอีกคนอยู่ในห้องด้วย
นางคุกเข่าลง และบีบแก้มของเจ้าซาลาเปาตัวน้อย พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มายังห้องพระเครื่องต้นน่ะ?”
“ข้าคือเย่เอ๋อร์ ข้ามา...มาเพราะ...” ซาลาเปาน้อยหน้าแดง และสายตาก็เหลือบมองไปทางวัตถุดิบ เขากลืนน้ำลายลงดังอึก ส่วนท้องก็ร้องจ๊อกๆประสานออกมาด้วย
เฟิ่งเฉี่ยนพลันรู้สึกขำ ที่แท้ก็เป็นเด็กตะกละตัวน้อยคนนึงที่วิ่งมาหาอาหารในห้องพระเครื่องต้น
“เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันดีไหม? เจ้าช่วยพี่สาวเก็บเรื่องเมื่อครู่ไว้เป็นความลับ แล้วพี่สาวจะทำของอร่อยๆให้เจ้าเอง”
“อื้ม!” หัวน้อยๆของเขาพยักขึ้นลง ซาลาเปาน้อยยื่นนิ้วเล็กๆของตัวเองออกไป คล้ายว่ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ “เรามาเกี่ยวก้อยกัน ใครขี้โกงขอให้เป็นเจ้าหมาน้อย!”
เฟิ่งเฉี่ยนขบขัน แต่ก็เกี่ยวก้อยสัญญากับเขา
“เย่เอ๋อร์ เจ้าอยากกินอะไรล่ะ?”
“เย่เอ๋อร์อยากกินข้าวปั้น ถ้าได้เยอะๆจะดีมากๆ!” ซาลาเปาเขย่งเท้าพลางวาดมือเป็นวงกลมวงใหญ่ๆ
“หืม ต้องการแค่นี้เองงั้นหรอกหรือ?” เฟิ่งเฉี่ยนลูบหัวน้อยๆของเขา และอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าอยากหินข้าวผัดไข่ไหม? ข้าวผัดของพี่สาวหาที่ไหนไม่ได้นะ ชิมเพียงแค่คำเดียวก็สามารถทำให้เจ้าร้องไห้ออกมาได้เลย มันอร่อยจนเจ้าต้องอยากจะบินเลยล่ะ!”
คุยโวกับเด็กเสียหน่อย คงไม่มีอะไรเสียหายหรอกมั้ง?
ดวงตาของซาลาเปาน้อยเปล่งประกายขึ้นมา “จริงหรือ?”
“จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีก!”
เฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจแสดงฝีมือให้เด็กน้อยตรงหน้าได้เห็น นางเดินออกมาจากห้องเก็บของแล้วเดินเข้าไปในห้องพระเครื่องต้น จากนั้นก็ทำการถกแขนเสื้อขึ้น แล้วเริ่มสุมฟืนเพื่อก่อไฟ
ส่วนซาลาเปาน้อยก็ไม่ได้ทำตัวว่างแต่อย่างใด เขาคอยเดินตามก้นนางอยู่ด้านหลัง เดินเลี้ยวไปมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่
ด้านหลังกำแพงวัง กลิ่นหอมๆจากห้องพระเครื่องต้นลอยขึ้นมา ซึ่งในนั้นก็แอบมีกลิ่นของข้าวหอมๆที่ชวนให้คนต้องน้ำลายสอลอยออกมาด้วย
ตรงหน้าแท่นเตาอันหนึ่งในห้องพระต้นเครื่อง เฟิ่งเฉี่ยนเตรียมตั้งท่า ส่วนมือก็ถือกระบวนพันชั่งร้อยแปลงเอาไว้ และผัดข้าวด้วยความว่าเร็วอันน่าทึ่ง จากนั้นข้าวช้อนหนึ่งก็ถูกเทลงไป ในตอนที่ข้าวพวกนั้นยังไม่ทันได้ตกกระทบลงในเตา ข้าวช้อนถัดมาก็ถูกเทตามลงไปอีกครั้ง นางทำเช่นนี้สลับไปมา และหากมองจากที่ไกลๆ ก็จะดูคล้ายกับว่ากำลังใช้ข้าววาดให้เป็นรูปวงแหวนสีขาว โดยที่มันหมุนวนขึ้นไปข้างบนของหม้อลายมังกร ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการแสดงอันวิจิตรตระการตาเลย!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกว่ามันเป็นทักษะระดับปรมาจารย์ ซาลาเปาน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆตะลึงงันไปตั้งนานแล้ว เขาอ้าปากค้างเป็นทรงกลมอย่างน่ารัก และก็ลืมหุบมันลง ส่วนเฟิ่งเฉี่ยนเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
ในชั่ววินาทีที่นางถือกระบวนพันชั่งร้อยแปลงเอาไว้ นางก็รู้สึกว่ากระบวนพันชั่งร้อยแปลงกับมือของตัวเองได้ประสานกันจนเป็นหนึ่งเดียว มันมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังครอบงำนางอยู่ ตั้งแต่ตอนนางเริ่มใส่น้ำมัน ตักข้าว ผัดข้าว ตอกไข่ และผัดมันอีกครั้ง...... พวกมันล้วนถูกพลังที่ไม่มีที่มาที่ไปควบคุมเอาไว้ ทำให้ทักษะการทำอาหารแบบมือใหม่ของนางกลายเป็นทักษะระดับปรมาจารย์แม่ครัว!
ฉับพลันคำพูดที่ฟ่านฟ่านเคยพูดก็ผุดขึ้นมาในหัว “มีระบบอยู่ มือใหม่ก็สามารถกลายเป็นแม่ครัวระดับเทพได้!”
ในตอนนี้เองที่ในที่สุดนางก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ ช่างสุดยอดเสียจริง!
เมื่อมีระบบนี้ นางก็จะไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะหาอาหารอร่อยๆไม่ได้อีกแล้ว เพราะนางนี่แหละที่จะเป็นผู้จัดหาอาหารอร่อยๆนั่นเอง!
เสียงตกกระทบดังกึกก้อง ทันทีที่กระบวยพันชั่งร้อยแปลงถูกปล่อยออกจากมือ สติของเฟิ่งเฉี่ยนก็คืนกลับมาอีกครั้ง นางยกข้าวผัดในจานสีทองนั้นขึ้นมา และดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกาย เพราะเพียงแค่ดมนางก็รู้แล้วว่าข้าวผัดจานนี้ต้องมีรสชาติที่ล้ำเลิศเป็นแน่!
ซาลาเปาน้อยกลืนน้ำลายแล้วเดินเข้ามา “พี่สาว ฝีมือทำอาหารพี่ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ราวกับว่าเล่นกลอยู่เลย!”
“ชิมด้วยกันไหม?” เฟิ่งเฉี่ยนเอ่ย
ซาลาเปาน้อยพยักหน้าหงึกๆราวกับนกกระจอก และทั้งสองก็แบ่งอาหารรสเลิศกัน
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเอาเข้าปากไปก่อนหนึ่งคำ ทันทีที่เม็ดข้าวที่ถูกหุ้มด้วยไข่สัมผัสลงบนลิ้นของนาง ความรู้สึกพึงพอใจที่ยากจะอธิบายก็แล่นเข้ามาในหัว จนทำให้ปุ่มสัมผัสรสชาติระเบิดออก
นางเคี้ยวเพื่อลิ้มรสพลางอุทานออกมาว่า “อร่อย! อร่อยที่สุดในโลกเลย!”
เมื่อก้มมอง ก็เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยที่แทบซุกหัวลงไปในจาน และกำลังกินมูมมามอย่างมีความสุข
เป็นเด็กตะกละเสียจริงเลย!
“กินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก!”
ไม่นานนัก ข้าวผัดก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยง มุมปากของซาลาเปาน้อยยังมีเม็ดข้าวติดอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างน่ารัก “อร่อยจังเลย ข้าจะเอาอีก!”
เฟิ่งเฉี่ยนที่เห็นท่าทางน่ารักน่าชังของเขาก็ต้านทานไม่ไหว
“ไม่มีปัญหา!” นางทำต่ออีกครั้ง
หนึ่งจาน!
สองจาน!
สามจาน!
สี่จาน!
......
นางทำไปถึงสิบจานในคราวเดียว!
ติ๊ง สิทธิ์ในการใช้ทักษะทำอาหารของวันนี้หมดแล้ว โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้!
เดิมทีในระบบนั้นหนึ่งวันสามารถทำได้เพียงแค่สิบจานเท่านั้น และปริมาณของทุกครั้งจะเพียงพอแค่สำหรับหนึ่งจานพอดี
เฟิ่งเฉี่ยนกับซาลาเปาน้อยมูมมามกันทั้งคู่ คนหนึ่งก็เด็กอีกคนก็ผู้ใหญ่ พวกเขากินข้าวผัดไข่ทั้งสิบจานได้อย่างสะอาดหมดจด!
