บทที่ 10 ตามหาวัตถุดิบทิพย์
หลังออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้ว ลั่วหยิ่งก็กลับไปยังตำหนักยีหลันอีกครั้งเพื่อจับตามององค์หญิงหลานซิน
ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ห้องบรรทม ก็ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอสาบแช่งอันโกรธเกรี้ยวขององค์หญิงหลานซินดังขึ้นผสมผสานกับเสียงของเครื่องใช้ที่แตกกระจาย
"ไร้ประโยชน์ พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น!”
"องค์หญิง ได้โปรดอภัยด้วย ครั้งนี้ ข้าน้อยมองความสามารถของหวางโฮ่วผิดไป ครั้งหน้าจะไม่พลาดอีกแน่นอน"
"กษัตริย์ส่งองครักษ์ไปคอยคุ้มกันวังเย็นแล้ว หากจะลงมืออีกก็คงยาก เสียเวลาและโอกาสอันดี......"
"โปรดวางใจเถิด เพคะองค์หญิง! บ่าวจะส่งคนไปคอยจับตาดูวังเย็นเอาไว้ เมื่อใดที่หวางโฮ่วเดินทางออกมาจากวังเย็น เราจะลงมือทันที ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีโอกาส!"
"ก็คงทำได้เพียงเท่านี้......"
เมื่อได้ยินบทสนทนาของผู้ที่อยู่ด้านใน ดวงตาคมเข้มของลั่วอิงก็เปล่งประกาย เผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา มิน่าล่ะกษัตริย์จึงเบื่อหน่ายสตรีเหลือเกิน เพราะสตรีในวังหลังแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา!
หลังจากลำบากลำบนมาทั้งวัน ในที่สุดเฟิ่งเฉี่ยนก็หลับไป ตื่นมาอีกทีจนรุ่งสาง
เมื่อแสงสว่าง ณ ขอบฟ้าปรากฏขึ้น เฟิ่งเฉี่ยนตื่นมาพร้อมความรู้สึกหิวเล็กน้อย นางนึกถึงตำราการทำข้าวผัดไข่ขึ้นมาได้ แต่ต้องค้นหาวัตถุดิบทิพย์ นางจึงจะทำข้าวผัดไข่ได้สำเร็จ
แล้วจะไปหาวัตถุดิบทิพย์ได้อย่างไร? นางนึกถึงห้องพระต้นเครื่อง!
แต่วังเย็นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา นางไปไหนไม่ได้เลย......
ทว่าจิ้งจอกเงิน มือสังหารขั้นเทพอย่างนาง วังเย็นจะปิดกั้นนางได้อย่างไร?
จากที่นางสังเกตอย่างรอบคอบ แม่วังเย็นจะมีองครักษ์คุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่องว่าง
ด้านนอกกำแพงทางตะวันตกเฉียงใต้มีทะเลสาบเทียมความกว้างหลาย 10 เมตรอยู่ หากว่ายน้ำไม่เก่ง ก็คงไม่อาจไปถึงอีกฝั่งได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้จุดนี้ ไม่มีใครคอยคุ้มกันจับจ้อง เพราะไม่มีใครคิดว่าคนที่อ่อนแอบอบบางอย่างนาง จะออกจากวังเย็นด้วยวิธีนี้
แต่เฟิ่งเฉี่ยนไม่เหมือนใคร นางไม่เคยเดินไปในเส้นทางธรรมดา!
เฟิ่งเฉี่ยนขึ้นฝั่งด้วยร่างกายอันเปียกโชก และเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา นางจึงสวมชุดของจื่อซูแต่งกายเหมือนสาวรับใช้ในราชวัง และใช้ขี้เถ้าทาไปบนใบหน้า เพื่อไม่ให้ใครมองนางออก
บัดนี้ยังเช้านัก คนในพระราชวังก็ไม่ค่อยมี นอกจากทหารลาดตระเวนสองกลุ่มที่นางหลบเลี่ยงมาได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าไม่พบอุปสรรคใดๆ เลย ใช้เวลาไม่นานนางก็มาถึงห้องพระเครื่องต้น
ในห้องพระต้นเครื่องช่างเงียบสงบ ไม่มีใครสักคนเดียว เฟิ่งเฉี่ยนกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป หยิบปิ่นปักผมที่หัวออกมา ไขกุญแจห้องพระต้นเครื่องโดยท่าทางอันชำนาญ แล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัว
ในห้องพระต้นเครื่องมีตู้เก็บของอยู่มากมาย หนึ่งในตู้นั้นมีข้าวสารซ่อนอยู่ นางหยิบถุงข้าวมาถุงหนึ่งแล้ววางไว้ในฝ่ามือมองดู “ข้าวเม็ดกลมมน เป็นข้าวที่ดีจริงๆ ด้วย แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นวัตถุดิบธรรมดาและอันไหนเป็นวัตถุดิบทิพย์?"
[เจ้านาย ห้องนี้ไม่มีวัตถุดิบทิพย์ที่กำลังตามหา ไปหาที่อื่นเถอะ]
"ห้องอื่นหรือ?" เฟิ่งเฉี่ยนเดินออกจากห้องพระต้นเครื่อง มองซ้ายมองขวาพบว่ามีหลายห้องที่อยู่ติดกับห้องพระต้นเครื่อง คาดว่าคงใช้สำหรับเก็บส่วนผสมต่างๆ ที่ขึ้นชื่อมีราคา นางหาไปทีละห้องทีละห้อง จนกระทั่งห้องสุดท้ายก็ได้ยินเสียงฟ่านฟ่านฟันดังขึ้นข้างหู
[เจ้านายห้องนี้แหละ! ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวัตถุดิบทิพย์!"
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกมีความสุข ตื่นเต้นดีใจ แล้วผลักประตูเปิดเอาเข้าไปด้านใน
ทันทีที่นางเข้าไปในห้องเก็บวัสดุทิพย์ ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ถาโถมเข้ามาอย่างล้นหลาม ภายในห้องมีชั้นวางของทั้งหมด 9 ชั้น วัตถุดิบแต่ละอย่างถูกจัดเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีสองชั้นวางของที่วางข้าวเอาไว้ เฟิ่งเฉี่ยนหยิบมากำมือหนึ่งแล้วสัมผัสได้ทันที ว่าข้าวนี้ไม่เหมือนกับข้าวทั่วไป แต่ละเม็ดมีพลังวิญญาณสีเขียวอ่อนลอยอยู่ด้านบนเมล็ดข้าว มันดูทั้งอบอุ่นและใสสะอาด
"นี่คือวัตถุดิบทิพย์หรือ......" หลังจากเฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกตื่นเต้นดีใจแล้วนางก็ผิดหวังเล็กน้อย "น่าเสียดายจังที่ฉันพบมันเพราะนางเป็นคนเตือน แล้วเมื่อไหร่ฉันจะแยกแยะวัตถุดิบทิพย์เองได้?"
[เจ้านายอย่าท้อแท้ไป! พรสวรรค์ของเจ้านายค่อนข้างสูง สัมผัสถึงพลังวิเศษของวัตถุดิบทิพย์ได้ดี ต่อจากนี้หากฝึกฝนและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ก็จะสามารถแยกแยะได้เอง ไม่เพียงเท่านี้ ทักษะการทำอาหารของเจ้านายก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วย ต่อไปก็ไม่ต้องการให้ระบบคอยช่วยเหลือแล้ว]
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสดชื่น "ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ!"
นางหวังแค่ว่าจะพึ่งพาความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่พึ่งพาระบบแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
"แต่ว่าทำไมรังสีที่แผ่ออกมาจากข้าวถึงเป็นสีเขียว?" นางเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
[วัตถุดิบทิพย์มีระดับที่แตกต่างกันไป แบ่งออกเป็นหนึ่งถึงเก้า ระดับที่แตกต่างกันนั้นก็จะมีสีที่แตกต่างกันได้แก่ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง สีทองอ่อน สีทอง ซึ่งสีทองมีระดับสูงสุด ......]
"หมายความว่าข้าวที่ฉันเห็นเป็นวัตถุดิบทิพย์ชั้นสี่?"
[ใช่แล้ว วัตถุดิบทิพย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความเข้มของสี ข้าวที่เจ้านายเห็นอยู่ตอนนี้ เป็นสีเขียวค่อนข้างชัดเจน หมายความว่าในวัตถุดิบทิพย์ระดับสีนี้ ข้าวถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่าอย่างอื่น เทียบได้กับวัตถุดิบทิพย์ระดับห้า!]
"เป็นแบบนี้นี่เอง! สมแล้วที่ซวนหยวนเช่อเป็นผู้นำแคว้นซึ่งมีอำนาจสูงสุด เขาเอาของดีๆ มาเก็บซ่อนไว้หมด!”
[เจ้านายสามารถใส่วัตถุดิบทิพย์เหล่านี้ลงไปในช่องเก็บของได้ เพื่อไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน]
เฟิ่งเฉี่ยนทำตามคำแนะนำของฟ่านฟ่าน ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ไข่ไก่ ข้าวสารและวัตถุดิบอื่นๆ ก็ถูกขนออกไปจนสิ้น วัตถุดิบเหล่านี้เพียงพอให้นางทำข้าวผัดไข่ได้สักรอยจานแล้ว!
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจแล้วหันหลังคิดจะจากไป ไม่รู้ว่ามีซาลาเปาน้อยโผล่มาจากข้างหลังเมื่อไหร่ ชนเข้าให้กับนางอย่างจัง
