บทที่9 นั่งรอกระต่ายติดกับ
โก่วเที่ยวรีบจ้ำเดินไปทางวังเย็น เขาต้องการทำภารกิจให้เสร็จสิ้นในเวลาอันสั้น แต่ในฐานะมือสังหาร เขายังคงระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้เห็นว่าประตูใหญ่ของวังเย็นจะเปิดไว้ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปจากประตูใหญ่นั้น ขอเดินอ้อมไปรอบๆ ก่อนจะวิเคราะห์ดูสถานการณ์ของที่นี่ ทางทิศเหนือตรงกำแพงมีต้นไม้ร้อยปีอยู่ต้นหนึ่ง ลำต้นกิ่งก้านใหญ่โต ใบแน่นสนิทเรียงตัวกัน ต่อให้มีคนซ่อนอยู่ในนั้นซักสองสามคนก็อาจไม่มีใครสังเกตเห็น เป็นสถานที่อันเหมาะสมที่จะซ่อนตัว
จากนั้นเขาก็ได้เลือกกำแพงทางทิศเหนือแล้วกระโดดเข้าไป ไม่กล้ายืนอยู่บนกำแพงนั้นนานนัก แต่รีบซ่อนตัวเข้าไปในพุ่มไม้ทันที
แต่ขาทั้งสองข้างยังไม่ทันได้แตะพื้น จู่ๆ พุ่มไม้นั้นก็ปรากฏร่างของใครบางคนคล่องแคล่วว่องไวราวกับวิญญาณ ยิ้มมาทางเขาแล้วยกมือขึ้น ใช้กระบวยรูปร่างแปลกๆ โจมตีเขากลับอย่างแรง!
"อ๊าก อ๊าก อ๊าก......" บนกำแพงทางเหนือนั้น ชายสวมชุดดำยังไม่ทันกระโดดเข้าไปดีก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา กระแทกพื้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโหยหวน
“ฉิบหาย! ไอ้เจ้าจี้เฟย กล้าวางแผนจัดการข้าหรือ? ข้าเจ้าตายแน่! ข้าเอาเจ้าตายแน่! โก่วเที่ยวสบถออกมาก่อนจะโซซัดโซเซลุกขึ้นจากพื้นวิ่งหนีกลับไปโดยไม่หันหลังมอง
ในมือของเฟิ่งเฉี่ยนถือกระบวยพันชั่งร้อยแปลงยืนอยู่บนกิ่งไม้ หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น นางนั่งรอเหยื่อมาติดดักที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
จากประสบการณ์ของนางก่อนหน้านี้ หากว่าภารกิจของมือสังหารยังไม่สำเร็จ นายจ้างก็จะส่งมือสังหารคนที่สองมาเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเช่นองค์หญิงหลานซิน ในวันนี้นางเสียเปรียบขายหน้าต่อหน้าทุกคน หากยอมรามือง่ายๆ ก็คงแปลก!
ดังนั้น จากการที่นางได้วิเคราะห์แล้ว จึงตั้งใจเปิดประตูใหญ่ของวังเย็นเอาไว้ เพื่อให้มือสังหารติดกับโดยการปีนเข้ามาทางกำแพง ก่อนที่นางจะซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ก่อนหน้าแล้ว เพื่อรอให้ปลาติดกับเท่านั้น
เป็นไปตามที่นางคิด มือสังหารติดกับตกหลุมพรางที่นางวางไว้ก่อนหน้าโดยไม่ต้องออกแรง!
บริเวณไม่ไกลออกไปจากวังเย็นนัก ลั่วหยิ่งเห็นภาพเหล่านี้กับตาของตนเองแล้วรู้สึกตกตะลึง
เขาติดตามมือสังหารมา คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับฉากน่าตกใจนี้!
ความสามารถของมือสังหารทั้งสองคนล้วนอยู่ในระดับนักบู๊ทิพย์ขั้นสอง ถึงไม่ได้สูงมากนัก แต่สามารถกำจัดคนธรรมดาได้อย่างง่ายดาย ทว่ามือสังหารทั้งสองคนนี้กลับถูกหวางโฮ่วใช้กระบวยจัดการทีละคน ทีละคน มันช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน!
หากเขาไม่ได้เห็นกับตาตนเองก็คงไม่มีวันเชื่อแน่ว่าหวางโฮ่วซึ่งได้ชื่อว่าไร้ประโยชน์ ไร้สมอง ไร้ความสามารถ จะซ่อนความเก่งกาจไว้เช่นนี้!
ดูเหมือนหวางโฮ่วสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงใช้แววตาอันแหลมคม หันมามองทางเขา เขาจึงต้องรีบกระโดดหลบหนีไปจากตรงนั้น!
เมื่อเฟิ่งเฉี่ยนสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองนางอยู่จึงได้หันมามองดู แต่คนพวกนั้นกลับหายตัวไปแล้ว นางมั่นใจได้เลยว่าเมื่อสักครู่มีคนคอยจับตามองนางอยู่จริงๆ ! ความรู้สึก ถึงอันตรายที่ถาโถม แผดเผา ปรากฏขึ้นทันใด ดูเหมือนในพระราชวังนี้มีคนจับตามองนางอยู่ไม่น้อย นับจากนี้ไปนางต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ทางด้านของจื่อซู เดินถือถังน้ำเข้ามาในวังเย็น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับเฟิ่งเฉี่ยนกำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ นางตกใจยิ่งนัก “เหนียงเพคะ เหตุใดจึงขึ้นไปอยู่บนที่สูงเช่นนั้น! ระวัง ระวังจะหล่นลงมา! ...... เมื่อครู่บ่าวเหมือนได้ยินมีเสียงคนร้องโหยหวน ท่านได้ยินหรือไม่เพคะ?"
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือออก “เจ้าหูฝาดไปกระมัง? ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น"
กล่าวจบนางก็ใช้ท่าทีอันคล่องแคล่วว่องไวปีนลงมาจากกิ่งไม้ ท่าทางอันเป็นธรรมชาติเช่นนี้ทำให้จื่อซูต้องตกตะลึง
"เหนียงเก่งกาจเหลือเกิน! ท่านปีนต้นไม้เป็นด้วยหรือ!"
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขึ้นเบาๆ กำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ครั้งนี้ศัตรูประเมินความสามารถนางต่ำเกินไป จึงส่งเพียงมือสังหารระดับล่างมา หากครั้งหน้าส่งมือสังหารระดับสูงยังคงตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่แท้! สถานการณ์เช่นนี้นางต้องรีบพัฒนาความสามารถของตนเอง การอาศัยอาวุธเพื่อเข้าช่วยเหลือ จะรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว!
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้น ทุกคนประมาณ 10 กว่าคนหยุดยืนอยู่ด้านนอกวังเย็น ไม่ได้เข้ามาด้านใน
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย “จื่อซู ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น"
ในไม่ช้าจื่อซูก็เดินทางกลับมารายงานด้วยความรีบร้อนใจว่า “เหนียงเหนียงเพคะ พวกเขาคือองครักษ์คุ้มกันที่กษัตริย์ส่งมา กล่าวว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกวังเย็นทั้งสิ้น แย่แล้ว! เหนีนงเหนียงเพคะ เราจะทำเช่นไรดี?"
"คงยากแล้ว......" เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วครุ่นคิด ในเมื่อนางออกไปไหนไม่ได้ มือสังหารก็คงเข้ามายากเช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้าย
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นนางก็เดินกลับไปที่ห้องนอน
จื่อซูทำสีหน้าตกตะลึง "เหนียงเหนียงเพคะ จะไปไหนหรือ?"
เฟิ่งเฉี่ยนตอบโดยไม่หันหลังกลับมามอง "ไปนอน!"
เมื่อนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นางจึงจะมีเรี่ยวแรง ต่อสู้กับสิ่งเข้ามารบเร้าอย่างเต็มที่!
ณ ห้องทรงพระอักษร หลังจากที่ซวนหยวนเช่อได้ยินเรื่องเล่ารายงานจากรั่วอีกแล้ว แววตาอันลึกล้ำของเขาสุดคาดเดาก็ดูลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม ใบหน้างดงามไร้ที่ติ
“เจ้าบอกว่า ในมือของหวางโฮ่วมีกระบวยประหลาดอยู่งั้นหรือ นางใช้มันโจมตีมือสังหารทั้งสองคนจนถอยหนี?”
ลั่วหยิ่งตอบกลับ “พ่ะย่ะค่ะ! กระบวยนั้นไม่ธรรมดา ดูเหมือนเป็นอาวุธทิพย์”
ซวนหยวนเช่อนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด
ลั่วหยิ่งเหลือบตามองดูกษัตริย์ ก่อนเอ่ยถามว่า “ให้กระหม่อมส่งคนไปจับตามองหวางโฮ่วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? หากองค์หญิงหลานซินส่งมือสังหารไปอีก ก็ยังสามารถปกป้องหวางโฮ่วได้!”
ซวนหยวนเช่อยกมือขึ้นโบก ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่จำเป็น! บัดนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือคอยระวังความเคลื่อนไหวของแคว้นหนานเยียน!”
ลั่วหยิ่งได้ยินดังนั้นก็แอบถอนหายใจ กษัตริย์ช่างเย็นชาต่อสตรีเหลือเกิน! แม้แต่หวางโฮ่วก็มิเว้น!
