บทที่ 8
“ดีมากว่าแต่พี่กำชับคนขับรถม้าแล้วใช่ไหม ข้ากลัวโดนจับได้ ถ้าท่านพ่อจับได้ข้าตายแน่ ๆ เลย”
“เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าได้เป็นห่วง งั้นข้าไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ”
กุ้ยเฟยเซียนกวาดตามองสิ่งของที่ตนตระเตรียมไว้อีกครั้งว่าไม่ได้ลืมของจำเป็นอะไร ก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บเอาตำราบางส่วนเก็บใส่ห่อผ้าไปด้วย
ชีวิตนี้เธออาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกก็เป็นไปได้กุ้ยเฟยเซียนกวาดตามองรอบ ๆ ห้องของตัวเองเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ แม้อยู่ที่นี่จะไม่ได้มีความสุขมากมายนักต้องอยู่แบบโดดเดี่ยวแม่ไม่มีพ่อก็ไม่สนใจ พี่น้องมากมายไม่ได้สนิทกันก็อดใจหายไม่ได้อยู่เหมือนกัน
แต่ก็เอาเถอะ เพื่อชีวิตที่เป็นอิสระจากการแต่งงานที่เธอไม่เต็มใจ กับเจ้าบ่าวที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้เสเพลมีอนุมากถึงแปดให้เธอหนีไปตายเอาดาบหน้าเสียยังดีกว่า!
เมื่อยามเซินมาถึง บรรยากาศหน้าจวนของสกุลกุ้ยก็เป็นไปอย่างคึกคักเมื่อนายอำเภอเล่งส่งคนนำสินสอดจำนวนมากถึงหกเกวียนมาส่งให้กับบ้านสกุลกุ้ยเพื่อสู่ขอคุณหนูเจ็ดสกุลกุ้ย
เถ้าแก่กุ้ยพร้อมด้วยฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง และบรรดาอนุอีกหก และลูก ๆ ออกมายืนรอรับสินสอดกันพร้อมหน้าพร้อมตาขาดไปก็แต่ว่าที่เจ้าสาวเท่านั้น แต่เพราะธรรมเนียมของสกุลกุ้ยคือเจ้าบ่าวจะได้เห็นเจ้าสาวก็ต่อเมื่อวันแต่งงานเท่านั้น จึงไม่มีใครสนใจกุ้ยเฟยเซียน
“ฝากเจ้าขอบคุณนายอำเภอเล่งด้วยนะที่เอ็นดูเฟยเซียนของเรา ข้าไม่คิดเลยว่านายอำเภอจะให้สินสอดมากมายขนาดนี้ ฮ่า ๆ”
“ได้เลยขอรับเถ้าแก่ นายอำเภอบอกว่าให้ตามความสวยของคุณหนูเจ็ดขอรับ ฮ่า ๆ ”
เสียงหัวเราะชอบใจของเถ้าแก่กุ้ยและพ่อบ้านของสกุลเล่งสอดประสานกันดังลั่น ไม่ต่างไปจากบรรดาฮูหยินและอนุที่
ก็แสร้งหัวเราะตาม ๆ กันไป มีก็แต่ซูเจียวที่กลอกตามองบนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายออกมาและเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“สงสัยจะต้องเปลี่ยนเจ้าสาวเสียแล้วกระมัง หึ”
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของคนสกุลกุ้ยและสกุลเล่งดังมาจนถึงเรือนฝ่ายใน บรรยากาศงานเลี้ยงเป็นไปอย่างคึกคัก จำนวนสินสอดที่นายอำเภอเล่งส่งมานั้นเรียกได้ว่ามากมายจนเถ้าแก่กุ้ยถึงกับหน้าบานเป็นจานเชิง
ไม่มีใครสนใจจะนึกถึงกุ้ยเฟยเซียนที่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในเรือนทั้งนั้น ได้แต่สนุกกับงานเลี้ยงอยู่ที่เรือนรับรอง
กุ้ยเฟยเซียนและหวังฟางหอบของที่เตรียมไว้ เดินออกมาจากประตูหลังของบ้านสกุลกุ้ยได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เพราะบัดนี้ทุกคนต่างไปรวมตัวกันต้อนรับคนของสกุลเล่งอยู่ที่เรือนหลัก
หญิงสาวทั้งสองคนใช้เวลาขนของที่เตรียมไว้ขึ้นรถม้าที่นัดหมายไว้ในเวลาอันรวดเร็ว
“เดี๋ยว”
กุ้ยเฟยเซียนร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเสี้ยวหน้าของคนขับรถม้า นี่มันพี่เจียฮุ่ยมิใช่หรือกลายมาเป็นคนขับรถม้าได้อย่างไรกัน หวังฟางเห็นดังนั้นก็หน้าขึ้นสีเรื่อรีบเดินเข้ามาหาคุณหนูของตนทันที
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะเจ้าคะคุณหนู รีบไปกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
ได้ยินดังนั้นกุ้ยเฟยเซียนก็มองหวังฟางด้วยสายตาล้อ ๆ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นรถม้าไป
กุ้ยเฟยเซียนคุณหนูเจ็ดสกุลกุ้ยขนข้าวของจำเป็นออกเดินทางจากประตูด้านหลังเรือนสกุลกุ้ยอย่างราบรื่นทิ้งงานเลี้ยงรื่นเริงไว้ด้านหลังโดยที่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่น้อยว่าว่าที่เจ้าสาวของนายอำเภอเล่งตงหยุนนั้นได้หนีออกจากบ้านไปแล้ว
เมื่อออกมาจากตัวอำเภอได้สักพัก ทั้งสองคนในรถม้าที่ปิดหน้าต่างมิดชิดก็เริ่มผ่อนคลาย กุ้ยเฟยเซียนหันไปมองหน้าของหวังฟางที่นั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม อีกคนจึงพยายามทำเป็นไม่สนใจรอยยิ้มนั้น
“พี่หวังฟางมีอะไรจะบอกข้าไหม”
คนตัวบางเอ่ยเสียงหวานถามคนข้างตัวอย่างต้องการจะแหย่ แก้มขาว ๆ ของคนโดนถามแดงเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
