5
ตอนที่ 5
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยศิลปะจีนโบราณ เหมยหลินก้าวขาเข้ามาในห้องนอน
“ข้าอยากพักผ่อน พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” หญิงสาวรีบปิดประตูอย่างแรง
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดน้อมกายเดินจากไปทีละคน
“ทำอย่างไรถึงจะกลับบ้านได้” เธอลอบมองจากรูเล็ก ๆ บนบานประตู หญิงสาวเดินไปมาอย่างใช้ความคิด
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา รถตู้ชนกับรถสิบล้อ” นึกทบทวนความจำสุดท้ายก่อนที่เธอจะฟื้นคืนสติมาในร่างนี้ อาการปวดหัวพลันรุนแรงมากขึ้น
“มีคนบาดเจ็บคนตาย หรือว่าคนที่ตายจะเป็นเรา” แววตาเลื่อนลอยใช้ความคิด
“มันจึงเป็นเหตุทำให้เรา ต้องมาอยู่ในร่างของสาวสวยคนนี้” มองเงาในกระจกบานใหญ่ เห็นผู้หญิงผมยาว ผอมเพรียว แต่งกายด้วยชุดจากผ้าแพรเนื้อดี
“เราหลุดเข้ามายุคไหนกันแน่ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี” แววตาตื่นตระหนก ยิ่งคิดมากความกลัวก็เริ่มเกาะกุม เธอรู้สึกปวดหัวแทบจะระเบิด
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านนอนอยู่หรือไม่ ข้าขอเข้าไปในห้องพักได้ไหมเจ้าคะ” หลานหนิงส่งเสียงเรียกเบา ๆ
ประตูใหญ่เปิดออกเบา โรสขยับตัวหลีกทางให้หลานหนิงเข้ามาในห้องนอน
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ หยางอี๋เหนียงเป็นห่วงท่านมาก” สาวใช้มายืนประกบข้างกาย
“ข้าเพียงสับสนเท่านั้น เจ้าต้องช่วยบอกข้านะ ถ้าเกิดข้าทำอะไรผิดพลาด” เธอพูดตะกุกตะกัก หลานหนิงรีบเข้ามาแต่งตัวเจ้านาย
“ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว คุณหนูออกไปกินข้าวกับหยางอี๋เหนียงได้แล้วคะ” หลานหนิงบอกคุณหนู นางวางแปรงหวีผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง
“หลานหนิง เจ้าเดินนำทางข้าไปเลย”หญิงสาวแววตาคิดมาก สาวใช้คนสนิทเดินนำทางไปอย่างชำนาญ
“เมื่อก่อน คุณหนูไม่ชอบให้ใครเดินนำหน้า ท่านต้องเป็นผู้นำตลอดเวลา” หลานหนิงชวนคุย โรสเดินไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เธอแปลกใจในตนเองเหมือนกันที่เข้าใจในสิ่งที่คนเหล่านี้พูด
ภายในห้องอาหาร
ชายร่างสูงใหญ่ยืนเด่นอยู่กลางห้องอาหาร รายล้อมด้วยบ่าวรับใช้ที่กำลังเตรียมโต๊ะอาหาร
“เหมยหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายตรงหน้าที่เธอเห็นมีใบหน้าเหมือนบิดาที่จากไปของเธอ
“คุณพ่อ” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว
“เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร” ชายคนดังกล่าวรีบถาม
“ท่านพี่ หลินเอ๋อร์เพิ่งฟื้นไข้ อาการของนางยังไม่ปกติ” หยางอี๋เหนียงพูดออกมา โรสในร่างเหมยหลินเดินเข้ามาอย่างตกใจ
“ท่านเป็นพ่อหนูจริง ๆ” โรสเข้ามากอดร่างใหญ่อย่างรักใคร่ น้ำตาแห่งความดีใจปนเสียงสะอื้นไห้
“เจ้าเป็นอะไรไป เห็นหน้าพ่อถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้” นายท่านแห่งบ้านหยางลูบหัวบุตรสาวอย่างแสนรัก
“ต่อจากนี้พ่อจะไม่ออกไปค้าขายต่างเมืองแล้ว เวลาเกิดเรื่องร้ายๆ ข้าไม่อยู่ช่วยเหลือพวกเจ้า มันเกือบทำให้เจ้าสองแม่ลูกลำบากเอาชีวิตแทบไม่รอด” คนเป็นบิดาพูดอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ
“ท่านพี่”หยางอี๋เหนียงเข้ามายืนใกล้อย่างให้กำลังใจ
“เหมยหลิน เจ้าเป็นลูกที่ข้ารักยิ่ง ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้” เขากอดสาวน้อยถ่ายทอดความรักความอบอุ่นจากหัวใจไปยังนาง
สระน้ำขนาดใหญ่ ดอกบัวชูช่อล้อเล่นลม
ตูม!
“ช่วยข้าด้วย”
“จับมือข้าไว้” ชายหนุ่มกระโดดสูงคว้ามือหญิงสาว แต่นางตกใจฉุดเขาให้จมหายไปในสระพร้อมกัน
“ข้า ว่ายน้ำไม่เป็น”นางโวยวาย
“เจ้าทำบ้าอะไร ข้าต้องเปียกน้ำด้วยเลย” เขาว่ายน้ำเข้าฝั่ง ประคองกายสาวน้อยขึ้นมาด้วย
“ข้าขอโทษ แค่ตกใจเท่านั้น” นางยิ้มอย่างประจบ เสื้อผ้าเปียกชุ่ม
“เจ้านี่แปลกคนดีแท้ อยู่ดี ๆ อยากเล่นน้ำ ยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือคนอื่นอีก” ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดอย่างไม่พอใจ
“ข้าขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้า แต่ว่าตอนนี้ข้าหนาวจังเลย” นางบ่นพร้อมกอดตัวเองแน่น ๆ
“เจ้าถอดเสื้อผ้ามา” ชายหนุ่มแปลกหน้าก้าวเข้ามาประชิดตัว
“เจ้าจะทำอะไรข้า” หญิงสาวหวาดกลัวถอยหลังหนี เห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาก็ตาโตตื่นตกใจ สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายแค่นำเสื้อตัวนอกนางไปผึ่งใกล้กับกองไฟกองใหญ่ให้
“เจ้าทำข้าตกใจกลัว” นางหัวเราะอย่างเขินอาย
“ข้าแค่จะเอาเสื้อผ้าเจ้ามาผิงไฟให้แห้งเท่านั้น” ชายหนุ่มส่งเสื้อคืนให้หญิงสาว
“เจ้าชื่ออะไร” นางถามแต่ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม
“…”
“เจ้าไม่มีชื่อหรืออย่างไร เวลาเจอกันข้าจะได้เรียกชื่อเจ้าถูกอย่างไร” แววตาหญิงสาวใคร่รู้
“หลินเฟยหลง เป็นชื่อข้า” ชายหนุ่มตอบห้วน
“ก็เท่านี้แหละ” หลินเฟยหลงลุกขึ้นแล้วกระโจนจากไปอย่างรวดเร็ว มิทันที่หญิงสาวจะกล่าวขอบคุณ
“ข้าชื่อโรส เอ้ย ไม่ใช่! หยางเหมยหลินต่างหาก” นางตะโกนบอก แม้รู้ว่าเขาอาจไม่ได้ยินก็ตาม
“วันหนึ่งข้าต้องเป็นจอมยุทธ์หญิงให้ได้ ตาย ๆ เย็นมากแล้วกลับบ้านดีกว่า” นางรีบร้อนพร้อมทำท่าใช้วิชาตัวเบากระโดดเช่นชายหนุ่มที่จากไป
โครม!
“อูย เจ็บจัง…” ผลที่ได้คือหล่นโครมลงมา นางลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าแล้วเดินกลับจวนอย่างเร่งรีบ
เจ้าบ้านหยางยืนชมจันทร์ที่ลอยเด่นบนฟากฟ้า
“ท่านพี่กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ” หยางอี๋เหนียงถามผู้เป็นสามี หากแต่อีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ ในมือนางประคองถ้วยชาร้อน มันส่งกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล
“ชาร้อน ๆ ทำจากกุหลาบเจ้าค่ะ” มันเป็นชาที่คนทุกรุ่นในตระกูลหยางชอบดื่มเวลาชมจันทร์
“ข้าทำให้เจ้าสองแม่ลูกลำบากแล้ว” เจ้าบ้านหยางหันมามองหยางอี๋เหนี่ยงเดินเข้ามาหยุดมองดาวบนฟ้ากับคนรัก
“ข้าหาได้ลำบากอันใด ท่านพี่ เมื่อข้าตัดสินใจแต่งงานกับท่าน ข้าไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” สายตามุ่งมั่นจริงจังในคำกล่าว นางขยับผ้าแพรผืนเล็กให้กระชับร่างกาย
“ขอบใจเจ้าที่เลี้ยงดูหลินเอ๋อร์เหมือนบุตรสาวของเจ้า” ชายวัยกลางคนมีภาระอย่างใหญ่หลวงในการปกป้องดูแลตระกูลหยาง เขากอดร่างภรรยาไว้แนบตัว
“ท่านพี่เราเป็นผัวเมียกัน มีสิ่งใดเราต้องช่วยเหลือกัน” หยางอี๋เหนียงกอดสามีอย่างรักใคร่
“อีกไม่นานข้าต้องเดินทางไปงานวันเกิดท่านหมิงลู่อีกแล้ว ข้าควรไปหรือไม่” เขาเกิดความวิตกนึกห่วงลูกเมีย
“ท่านหมิงลู่ หยกที่สว่างไสวผู้พิทักษ์คุณธรรมใช่หรือไม่” หยางอี๋เหนียงกล่าวอย่างสุภาพชน
“ใช่แล้ว ท่านพำนักอาศัยอยู่ในตำหนักเทพสวรรค์” เจ้าบ้านหยางพยักหน้ารับ ขณะสวมกอดภรรยาสุดที่รักไว้
“ท่านพี่ควรไปแสดงไมตรีจิตกับท่านหมิงลู่” เขามองหน้าภรรยาอย่างเป็นห่วง
“แล้วเจ้ากับหลินเอ๋อร์จะอยู่กันตามลำพังได้หรือ ข้าเป็นห่วงพวกเจ้ายิ่งนัก” เสียงมีความกังวล หยางอี๋เหนียงหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน
“ท่านพี่มิต้องกังวลไป บ้านตระกูลหยางมีคนอยู่มากมาย” นางปลอบโยนให้เขาวางใจที่จะออกเดินทาง
“คืนที่หลินเอ๋อร์กับเจ้าถูกลอบทำร้าย ก็มีคนอยู่มากมิใช่หรือ” เอ่ยเบา ๆ อย่างระงับความโกรธตนเอง
“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ แต่ตอนนี้พวกเราเพิ่มเวรยามแน่นหนามากขึ้นนะเจ้าคะ” นางยอมรับความจริงในข้อนั้น นางเข้าใจความรู้สึกของสามีที่มีต่อภรรยาและบุตรี
