ข้ามภพมาเป็นจอมยุทธ์หญิง

89.0K · จบแล้ว
เหมยหลิน
46
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โรส ถูกเลี้ยงดูจากตายาย พ่อแม่นางตายจากอุบัติเหตุ หญิงสาวชอบอ่านนิยายจีนมาก จนมีความฝันอยากมีเป็นจอมยุทธ์หญิง เธอประสบอุบัติเหตุ ข้ามภพ มาอยู่ในร่าง “หยางเหมยหลิน”บุตรีจวนตระกูลหยาง ความสับสนสนุกสนาน การเรียนรู้เริ่มต้นขึ้น เจ้าบ้านหยางต้องไปร่วมงานวันเกิดหมิงลู่ที่ตำหนักเทพสวรรค์กลายเป็นลานประลอง เจ้ายุทธภพคนต่อไป “หลินเฟยหลง” ศิษย์เอกสำนักอสรพิษพรรคอธรรม ได้รับมอบหมายภารกิจในการเข้าประลองยุทธ์ เพื่อตำแหน่งเจ้ายุทธ์ภพ การเดินทางทำให้หลินเฟยหลงและหยางเหมยหลินมาพบเจอกันผ่านสุขทุกข์ ร่วมเดินทางไปด้วยกัน โรสในร่างหยางเหมยหลินจะฝึกฝนวรยุทธอย่างไรถึงจะได้เป็นจอมยุทธ์หญิงสมปรารถนาหรือไม่ ธรรมกับอธรรมมันแบ่งเช่นไร แล้ว หยางเหมยหลิน นางอยู่ที่ใด สุดท้ายโรสจะข้ามภพกลับมาโลกปัจจุบันได้หรือไม่ ความรักของจอมยุทธ์หญิงกับหัวหน้าพรรคอสรพิษจะ ลงเอยเช่นไร

นิยายจีนโบราณเจ้าสำนักจอมมารนักวรยุทธข้ามมิติแก้แค้นจีนโบราณพระเอกเก่ง

1

ตอนที่ 1

ราตรีกาลแสงจันทร์เหลืองนวลส่องให้ความสว่างเหมือนทุกคืน สายลมพัดผ่านใบไม้ปลิวอ่อนล้อตามแรงลม ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนเฝ้าเวรยามอย่างแน่นหนา เหมือนว่ามันมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างอยู่ภายในร้านแลกเงินจวนตระกูลหยาง

เงาดำพลันปรากฏ ลอยตัวขึ้นกำแพงสูงใหญ่แนวกั้นจวนตระกูลหยางและร้านแลกเงิน มันหยุดนิ่งใช้สายตามองหาอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น

แกร๊ง! แกร๊ง!

“มีคนร้าย!” ยามเฝ้าประตูทางเข้าจวนตระกูลหยางตีเหล็กเป็นสัญญาณเตือนภัย

“เจ้าเห็นมันไปทางใด” ชายวัยกลางคนมือถือดาบคู่กายเอ่ยถาม

“ข้าเห็นมันไปทางโน้น” พ่อบ้านตระกูลหยางปรากฏสีหน้าตกใจ ทุกคนวิ่งไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

อีกด้านหนึ่งของจวนตระกูลหยาง

เงาดำใช้วิชาตัวเบาลอยตัวจากร้านแลกเงิน ข้ามเข้าจวนตระกูลหยางอย่างรวดเร็ว

“ตามจับคนร้ายให้ได้!” เสียงตะโกนสั่งการดังลั่น

“หวา พวกมันรู้ตัวแล้ว ข้าควรไปทางใดดี” มันสอดส่ายสายตา ทางขวาเห็นเพียงห้องมีแสงสว่างจากตะเกียงสลัว

“ทางโน้นแล้วกัน” มันตัดสินใจไปทางนั้นด้วยความว่องไวปานสายลม

แกร็ก

แว่วเสียงหน้าประตู ก่อนเงาคนชุดดำจะบุกเข้ามาในห้องนอนใหญ่

“เจ้าเป็นผู้ใด บังอาจเข้ามาห้องนี้ได้เยี่ยงไร” สตรีวัยกลางคนสวมอาภรณ์สีฟ้า ผมยาวเกล้าสูง หน้าตางดงามอย่างผู้สูงศักดิ์ แววตาแฝงไว้ด้วยอำนาจจ้องมองไปยังร่างนั้น

“เป็นท่านจริงด้วย” มันอุทานเบา ๆ ในลำคอ

ด้านนอกพลันเกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรงพร้อมเสียงฟ้าร้อง ไม่มีใครรู้ว่าผู้บุกรุกมาจากแห่งใด คนร้ายใช้เพลงกระบี่รวดเร็ว ว่องไว พลิกแพลงตามท่วงท่าเหยียดร่างกายพุ่งใส่เจ้าของห้อง

“ต้องการสิ่งใด เจ้าอย่าบังคับให้ข้าต้องใช้กำลัง ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้ใด” มันไม่ตอบคำถาม สตรีผู้เป็นเจ้าของห้องจำต้องใช้เพลงยุทธ์ที่ฝึกฝนมานานเข้าต่อกร

เพล้ง!!

เงาดำโยนเก้าอี้ตัวใหญ่ใส่ ตะเกียงเจ้าพายุแตกกระจาย สตรีวัยกลางคนหลบหลีกการโจมตีอย่างว่องไว มันใช้เพลงกระบี่รวดเร็วไล่ต้อนนาง

“เจ้าเป็นผู้ใด” เหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างได้ การต่อสู้ระหว่างคนมือเปล่ากับเงาดำถือกระบี่ เป็นไปอย่างดุเดือดไม่มีผู้ใดยอมกัน

สตรีวัยกลางคนเสียหลักล้มลง เงาดำก้าวเท้าอย่างว่องไว พุ่งปลายกระบี่หมายเอาชีวิตนาง ขณะที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ทันใดนั้น สาวน้อยผู้หนึ่งกลับวิ่งเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายใด

“หยางอี๋เหนียงระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” นางตะโกนเสียงดัง แววตากลมโตแสดงความตกใจ ผมดำสยายเต็มแผ่นหลัง เพราะความรักจึงเอากายตนเองบังอีกคนไว้

“โอ๊ย!!”

เหมือนคำพูดว่ากระบี่ไม่มีตา ปลายอาวุธร้ายพุ่งเข้าจุดสำคัญของคนที่เข้ามาขวาง มันกระชากออกมาพร้อมรอยเลือดติดเป็นทางยาว หญิงสาวล้มลงตามแรงกวัดแกว่งอาวุธร้ายทรงพลัง

“เจ้าอย่าทำร้ายนาง!!”

“หยางอี๋เหนียง ช่วยข้าด้วย…” เสียงลอดออกมาจากริมฝีปากสาวน้อยช่างแผ่วเบา ร่างนั้นร่วงลงกับพื้นพร้อมเลือดไหลริน

“หลินเอ๋อร์!” หยางอี๋เหนียงตะโกนเรียกเสียงดัง เมื่อพยุงกายได้ก็ซัดฝ่ามือใส่ชายชุดดำอย่างโกรธแค้น

“อ๊าก!!”

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าทำร้ายนาง” ชายชุดดำหาฟังไม่ มันยังใช้กระบี่ในมือกดลงไปที่คองามระหงของหญิงสาว

“อย่าเข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย” มือมันกระชากหญิงสาวลุกขึ้นตามแรง แล้วพาร่างสะบักสะบอมเดินถอยหลัง

แววตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หยางอี๋เหนียงเปลี่ยนกระบวนยุทธ์จากท่วงท่างดงามกลายเป็นโหดเหี้ยมโดยพลัน นางซัดฝ่ามือใส่มันอย่างไร้ความปรานี

“เมื่อเจ้าแสวงหาความตาย ข้าก็ยินดีมอบให้” ใบหน้างดงามฉายแววความโกรธ ตาแดงก่ำเหมือนมีกองเพลิงพร้อมแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เงาดำใช้ร่างหญิงสาวเป็นที่กำบังอย่างหน้าไม่อาย

“โอ๊ย!!” พลังฝ่ามือทำให้ร่างหญิงสาวซวนเซ โลหิตไหลออกมาตามริมฝีปากเรียวบาง

“หากอยากเห็นนางตาย จงซัดฝ่ามือมาเลย” มันท้าทาย ยั่วให้อีกฝ่ายโกรธแค้นแทบกระอักเลือด

“อ…อี๋เหนียง ช…ช่วยข้าด้วย” เลือดไหลออกจากปากหญิงสาว ร่างกายอ่อนระทวยจวนจะสิ้นใจ

“หลินเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หยางอี๋เหนียงทรุดตัวลง เป็นนางที่พลั้งมือทำร้ายหญิงสาว

“เจ้าเป็นคนทำร้ายนางเองกับมือ” มันปล่อยร่างบาดเจ็บทิ้งลงกับพื้น ตวัดกระบี่ขึ้นแนบกาย ใช้วิชาตัวเบาชั้นเยี่ยม จากไปอย่างไร้ร่องรอย

“พวกเจ้าไปจับตัวมันมาให้ได้!” ทุกคนวิ่งไปในทิศทางที่เงาดำเพิ่งจากไป

“ปิดประตูทางเข้าออกจวนให้หมด ห้ามให้ใครเข้าออก ที่เหลือแยกย้ายกันไปตามจับตัวมันมา” พ่อบ้านใหญ่ตะโกนบอกลูกน้อง พร้อมให้คนที่เหลืออยู่เร่งตามคนร้าย

“หลินเอ๋อร์” หยางอี๋เหนียงอนุภรรยาของเจ้าบ้านหยางวิ่งเข้ามาพร้อมบ่าวในจวนอีกสองสามคน

“คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” สาวใช้ประจำตัวเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง

“หัวใจนางเต้นอ่อนลง หลินเอ๋อร์ เจ้าอย่าเป็นอะไรไป” หยางอี๋เหนียงจับจุดชีพจรหญิงสาว จากนั้นทุกคนก็รีบพาร่างนั้นไปที่ห้องพัก

“หลานหนิง เจ้าจงไปตามท่านหมอมาด่วน” พ่อบ้านใหญ่สั่งการเสียงก้องกังวาน ทุกคนต่างเป็นกังวล คุณหนูแห่งจวนตระกูลหยางนอนหายใจรวยริน สาวใช้นำผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดที่ไหลซึมผ่านริมฝีปาก หยางอี๋เหนียงคอยจับมือนางไว้

เวลาต่อมา ชายชรากายผอมสูง เรือนผมขาวโพลนเดินอย่างเร่งรีบ บ่าสะพายกล่องไม้ใบใหญ่ ท่านตรวจดูอาการของสาวน้อยอย่างละเอียด

“ท่านหมอลู่ อาการหลินเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” คุณหนูจวนตระกูลหยางนอนสงบนิ่งไร้ความรู้สึก

“หยางอี๋เหนียง ใจเย็นก่อนเถอะ” ตั้งแต่เข้าห้องมา ท่านหมอลู่เห็นนางเดินไปมาอย่างกับเสือติดจั่น

“ข้าเป็นห่วงนาง” หยางอี๋เหนียงกล่าวตามความรู้สึก บ่าวไพร่ในจวนทราบดีว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง

“แผลที่ถูกกระบี่แทงห้ามเลือดแล้ว แต่ภายในนางบอบช้ำมาก” ท่านหมอลู่เดินไปล้างมือที่เปื้อนเลือดในอ่างใบเล็ก ๆ

คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าหยางอี๋เหนียงที่แดงก่ำด้วยความโกรธกลับกลายเป็นซีดขาว

“ท่านต้องหาทางช่วยนางให้ได้ ท่านหมอลู่” นางทรุดกายนั่งลงข้างหญิงสาวที่นอนสงบนิ่ง

“ย่อมต้องช่วยเต็มที่ แต่นางจะนอนหลับใหลไร้สติเช่นนี้อีกระยะ” หมอลู่มองร่างนั้นสะดุ้งแรงอย่างต้องการความช่วยเหลือ

“หลินเอ๋อร์ เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” น้ำตาหยางอี๋เหนียงไหลทะลักด้วยเป็นห่วงคนที่นอนเจ็บบนเตียง หากเป็นไปได้อยากเป็นฝ่ายบาดเจ็บแทน นางจะบอกเจ้าบ้านหยางที่เดินทางไปต่างเมืองว่าอย่างไร