บท
ตั้งค่า

2

ตอนที่ 2

รุ่งเช้าวันใหม่

“ข้าขอตัวไปหาสมุนไพรมารักษานางก่อน” เทพแห่งการรักษาชีวิตคนของตระกูลหยางเก็บข้าวของใส่กล่องไม้สี่เหลี่ยม

“หากต้องการสิ่งใดในการรักษานาง ขอให้บอกข้า” ท่านผู้เฒ่าเพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเดินจากไป

น้ำตาเปื้อนใบหน้างามของอี๋เหนียงแห่งบ้านหยาง ทุกคนในบ้านไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อน

“หลินเอ๋อร์ เจ้าไม่น่าเข้ามาเลย ข้าทำร้ายคนที่ข้ารักด้วยมือของข้าเอง ข้าต้องหาทางช่วยเจ้าให้ได้ ขอให้เจ้าวางใจเถอะ” นางแทบทรุดทั้งยืนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

หยางอี๋เหนียงมองร่างสาวน้อย ร่างนั้นไม่รับรู้ความรู้สึกที่นางถ่ายทอดให้ น้ำตาแห่งความเสียใจและความรักในตัวบุตรีไหลรินออกเป็นทาง

“เจ้าต้องฟื้นคืนสติกลับมา ข้าจะได้หวีผมถักเปียให้เจ้า อีกครั้ง ข้ารักเจ้ามากหลินเอ๋อร์ แม้ความตายก็ขวางกั้นไม่ได้” นางนึกถึงภาพสาวน้อยตากลม ริมฝีปากเพรียวบางสีชมพูระเรื่อ จมูกเป็นสันโด่งรับกับใบหน้างาม ผมยาวดำขลับ มืออันสั่นเทาเอื้อมไปลูบผมคนบนเตียง

เวลาผ่านไปแรมเดือน

“ท่านหมอ อาการหลินเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” ท่านหมอลู่วางทุกอย่างลงข้างตัวหญิงสาว

“อาการนางไม่ตอบสนองกับสมุนไพรที่ข้าให้เลย” เอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง เสียใจที่ไม่สามารถช่วยคุณหนูของตระกูลหยางได้

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” หยางอี๋เหนียงถามเสียงตะกุกตะกัก ท่านหมอลู่วางมือจากทุกอย่างแล้วลุกขึ้นยืน

“หยางอี๋เหนียง ถ้าท่านเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนตระกูลหยางจะไม่มีคนดูแล ท่านก็โปรดพักผ่อนบ้างเถอะ” ท่านหมอลู่เตือนด้วยความเป็นห่วง

ภายในห้องนอนของคุณหนูแห่งจวนตระกูลหยาง ร่างบอบบางนอนนิ่งบนเตียง ใบหน้าเหมือนคนนอนหลับ ข้างกายนั้นมีสาวใช้คนสนิทคอยดูแลไม่ห่าง

“คุณหนู ข้าขอให้คุณหนูฟื้นมาเร็ววันนะเจ้าค่ะ” หลานหนิงนำผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามเนื้อตัว นางใช้หวีสางผมให้ผู้เป็นนายอย่างเบามือ

“หลานหนิงขอให้คุณหนู ตื่นนอนมาพูดคุยหัวเราะกับหลานหนิง” สาวใช้พูดคนเดียวถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่าย

“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง” บานประตูเปิดออกช้า ๆ พร้อมหยางอี๋เหนียงก้าวเข้ามา ฝีเท้าของนางเบาไร้สุ้มเสียง

“ยังไม่รู้สึกตัวเลยเจ้าค่ะ” นางลุกจากเก้าอี้ย่อตัวทำความเคารพเจ้านายอย่างนอบน้อม

“เมื่อไรเจ้าจะฟื้นขึ้นมาวิ่งเล่น หัวเราะให้ข้าได้ฟังอีกครั้ง”นางโน้มตัวลงช้า ๆ มือลูบใบหน้าที่ขาวซีดไร้เลือดฝาด

“หลานหนิง ลำบากเจ้าแล้วเจ้าต้องดูแลนางอยู่ตลอดเวลา” นางลุกขึ้นยืดกายตรง ยามเดินเซเล็กน้อย

“อี๋เหนียง โปรดดูแลสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ” หลานหนิงค้อมตัวทำความเคารพนายหญิงบ้านหยาง

หลังจากเกิดเรื่องเงาดำเข้ามาขโมยของในตระกูลหยาง มันทำให้เหมยหลินบาดเจ็บหนักนอนไร้สตินานนับเดือน หยางอี๋เหนียงเป็นทุกข์หนัก ไร้รอยยิ้มเสียง ไร้เสียงหัวเราะพูดคุย ทุกคนพยายามหาทางรักษา แต่อาการคุณหนูของจวนนับวันจะยิ่งทรุดลง

กลางดึกในคืนไร้ดวงดาว ภายในห้องพักหยางอี๋เหนียง ชายชุดดำลอบเข้ามาอีกครั้ง ครานี้มันไม่มีอาวุธ

“เจ้าต้องการสิ่งใด เจ้าเป็นผู้ทำให้หลินเอ๋อร์ต้องอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้” หยางอี๋เหนียงเสียงกราดเกรี้ยวแฝงอำนาจ

“นายหญิง ขอได้โปรดกลับไปพร้อมข้าด้วยเถอะ ถ้าท่านไม่กลับไป ข้าจะกลับไปได้เยี่ยงไร” ชายชุดดำทรุดตัวลงคุกเข่าวิงวอน

หยางอี๋เหนียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจงกลับไปรายงานเจ้านายเจ้าว่า วันที่เดินจากมาข้าก็ไม่เคยคิดจะหวนกลับไป” นางบอกอย่างไม่ไยดี

“นายหญิง...”

“รู้หรือไม่ว่าหญิงสาวที่เจ้าทำร้ายนางเป็นอย่างไร เพราะเจ้า นางถึงเป็นอย่างนี้” นางพูดอย่างตัดพ้อ

“มีคนร้าย” เสียงตะโกนดัง

“เจ้าจงกลับไปเถอะ เจ้าอย่าทำอย่างนี้ ข้ารับมิได้” หยางอี๋เหนียงน้อมตัวลงดึงเงาดำให้ลุกขึ้นยืน

“นายหญิง ข้าขอลาก่อน” มันใช้วิชาตัวเบาลอยตัวออกหน้าต่างบานเล็ก

ปัง!

“อี๋เหนียง ท่านเป็นอะไรหรือไม่” พ่อบ้านใหญ่วิ่งนำเข้ามา

“ข้าไม่เป็นอะไร พวกเจ้าจับคนร้ายได้หรือไม่” นางมองไปยังกลุ่มคนที่พยายามจับคนร้าย

“พวกข้าเห็นเพียงเงาดำ” พ่อบ้านรายงาน นางพยักหน้ารับรู้

หยางอี๋เหนียงมองไปยังทิศทางที่ชายชุดดำจากไป “ข้าขอบอกความจริงจากใจ ท่านโปรดรับรู้ว่าข้าไม่คิดจะกลับไปยังที่ที่ข้าจากมาแล้ว” นางมองไกลออกไปอย่างจนสุดสายตา

เวลาประมาณ 3 ทุ่ม

ถนนทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้านสวนหลังใหญ่

“ทำไมวันนี้กลับบ้านเสียมืดเชียวหลานยาย” คนเป็นยายถามหลานสาว

“หนูไปช่วยมหาวิทยาลัยจัดงานมาจ้ะยายจ๋า ว่าแต่ตาจ๋าไปไหน” เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของใบหน้ากลม รูปร่างอวบอ้วนมองไปในห้องนั่งเล่น ตาและยายของเธอมักนั่งคุยหรือดูโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ

“ตาหลานเขาไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ป่วย เห็นบอกว่าจะกลับค่ำ ๆ หลานเข้าไปหาอะไรกินในครัวไป ยายจัดไว้ในสำหรับไว้แล้ว” คนสูงวัยบอกหญิงสาวที่ตนรักยิ่งกว่าสิ่งใด

หลานสาวเดินย่องเข้าห้องครัว แววตาหญิงชราคิดถึงวันเก่า ตั้งแต่เล็ก ๆ พอจำความได้เธอก็รู้ว่าพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ “ตายายจะรักและเลี้ยงดูหลานเป็นอย่างดี”

เวลาผ่านมาสิบห้าปีเป็นสิ่งยืนยันในคำพูดนั้น “หนูโชคดีมากที่มีตายายเลี้ยงดูให้ความรัก ความห่วงใย”

หลังจากกินข้าวอาบน้ำแล้ว

“ยายจ๋า พรุ่งนี้อาจารย์จะพานักศึกษาไปเที่ยวอยุธยาเมืองประวัติศาสตร์กันจ้ะ” หลานสาวรู้ว่าตายายเป็นห่วง ไม่อยากให้เธอเดินทางไปไหน

“ยายจ๋าไม่อยากให้หลานไปเลย” สาวน้อยรับรู้ถึงความห่วงใยของคนเป็นยาย

“ยายจ๋าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ พวกเราไปกันแค่รถตู้คันเดียวเอง” เด็กสาวออดอ้อน เธอนอนเล่นหนุนตักยายที่รัก

“หลานระวังตัวด้วยแล้วกัน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเลยรู้ไหม” ยายขึ้นลูบแก้มเรือนผมหลานสาวอย่างแสนรัก

“หลานจะไม่ซุกซนจ้ะ หนูจะเป็นเด็กดี ” สาวน้อยยกมือให้สัญญา เสียงหัวเราะยายหลานดังลั่นบ้าน

“โรส เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือจ้ะ” หญิงชราไล่หลานสาว โรสรีบลุกพรวดขึ้นนั่ง

“หนูยังไม่ได้เตรียมของใช้เลย ยายจ๋า แล้วตาจ๋าล่ะจ๊ะ” หลานสาวช่วยยายเก็บของใส่ตะกร้า

“ยายว่า เราเปิดไฟหน้าบ้านเอาไว้แล้วกัน คืนนี้อาจกลับดึก เจอเพื่อนเก่าหลายคนอาจคุยกันจนเช้าก็ได้มั้ง” คนเป็นยายบ่นอย่างไม่จริงจัง มันเป็นเรื่องปกติของสามีเมื่อได้เจอเพื่อน ๆ

“หนูไปนอนก่อนนะจ๊ะ” เธอหอมแก้มยายซ้ายขวา ก่อนวิ่งขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“หลานสาวฉันวิ่งเป็นม้าดีดกะโหลกเลย ไม่ยอมโตเสียที เป็นสาวแล้วนะ” หญิงชราปรากฏรอยยิ้มแห่งความรัก หลานสาวเป็นแก้วตาดวงใจ

หญิงชรากำลังสวดมนต์อยู่ในห้องพระ พระประธานตั้งโดดเด่นบนโต๊ะหมู่บูชา เด็กสาวผลักประตูเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ

“โรส มากรวดน้ำให้พ่อแม่ที่เสียชีวิตด้วยกันสิจ๊ะ” เด็กสาวมองไปยังรูปถ่ายพ่อและแม่ เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองคนไม่จากไปไหน

“หนูรักคุณพ่อคุณแม่มาก ถึงแม้ท่านทั้งสองคนจะไม่ได้เลี้ยงดูหนู” โรสพูดกับรูปภาพพ่อแม่ทุกครั้งที่เข้ามาสวดมนต์

“พ่อแม่หลานรู้ว่าหลานรักเขาสองคนมาก ๆ แถมหลานยังเป็นเด็กดีด้วย” ยายกอดหลานสาว ทำให้โรสยิ้มอย่างมีความสุข

หญิงชราหลับตานั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา หวังให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวตน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel