บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ผู้หญิงประหลาด (3) จบตอน

“คุณหนูพิมไม่ยอมทานโจ๊กค่ะ บอกว่าอาหารของนายท่านเธอจะไม่ทานเด็ดขาด”

สีหน้าของสามก๊กราบเรียบ เขาเกลียดเด็กที่ขัดใจไม่ยอมทำตามที่สั่งเป็นที่สุด นางบำเรอทุกคนที่ถูกรับเลี้ยงจะถูกเขาดูแลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะแรกเริ่มด้วยความสนใจหรือความใคร่ก็ตาม แต่ถ้ามีใครสักคนไม่ทำตามคำสั่ง เขาเองก็คงต้องสั่งสอนโดยเบาะๆ เสียบ้าง

“งั้นกูจะไปจัดการเอง”

สามก๊กสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำทมิฬ พลางลุกขึ้นหยัดตัวเต็มความสูง ชายหนุ่มสวมแว่นตาตามปกติ เมดสาวจึงเก็บสำรับอาหารบนโต๊ะทานข้าวบนเตียงอย่างดี พร้อมกับยกไปเก็บในห้องครัวใหญ่

คนตัวสูงชะลูดหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่เคยเป็นของลูกสาวคนแรกที่ตายตั้งแต่ในท้องเมียคนแรกที่เคยแต่งงานกับเขามาก่อน บัดนี้ผู้หญิงคนนั้นเฉดหัวเขาทิ้งพร้อมกับมีผัวใหม่เป็นนักธุรกิจที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ชายคนนั้นทำงานที่ขาวสะอาดกว่า ไม่ต้องยืมมือใครเปื้อนเลือดเหมือนสามก๊ก

ดีนะที่ไม่พลั้งฆ่าเมียเก่าทิ้งเสียก่อน เพราะความใจดีเกินไปของเขานั่นเอง

สามก๊กข่มอารมณ์เคียดแค้นที่สุมอกลงไป พลางล้วงกุญแจทองมาปลดล็อกประตูห้อง ที่จงใจล็อกห้องไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะยัยเด็กนี่จะต้องหาทางหนีแน่นอน

แกรก

ประตูถูกเปิดออกจนเกิดเสียง ชายหนุ่มทอดสายตาไปเห็นว่าเด็กสาวยังคงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงด้วยชุดเดิม นั่นคือชุดเซ็กซี่ที่วิลลี่จัดเตรียมให้ทับด้วยชุดคลุมอาบน้ำอีกชุดของเขา ถ้วยโจ๊กยังวางไว้บนโต๊ะไม้ข้างหัวเตียง โดยที่เธอไม่มีทีท่าจะแตะต้องมัน

“อะ... ท่าน” เมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก สาวเจ้ารีบผงกศีรษะทุยเล็กหยัดตัวลุกขึ้นมองมาอย่างมีความหวัง แต่เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของสามก๊กที่ยืนอยู่หน้าบานประตู เธอก็มีสีหน้าสิ้นหวังทันที

“เมดของกูบอกว่าเธอไม่ทานข้าว” สามก๊กเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงห้วนจัด เขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งนัก พิมแก้วกระถดตัวไปจนชิดกับปลายเตียงอีกฝั่งอย่างระแวดระวังเมื่อชายหนุ่มเดินอาดๆ มาที่โต๊ะข้างหัวเตียง

“จักปล่อยเรากลับไปพระนครเมื่อใดกันเจ้าคะ” แต่สาวเจ้ากับพร่ำเพ้อถึงพระนครจักรๆ วงศ์ๆ ออกมาเหมือนเมื่อคืนไม่เปลี่ยน “เราคิดถึงเจ้าคุณพ่อ เรามิมีประโยชน์อันใดกับท่านดอก”

“ประวัติของเธอไม่มี กูจึงต้องเลี้ยงดูเธอไปก่อน”

“เราดูแลตนเองได้เจ้าค่ะ เพียงปล่อยเราไป”

“ไม่ได้ แถวนี้อันตราย มีแต่คลับเถื่อนและบ่อนการพนัน ถ้าออกไป ได้เสร็จเป็นเมียไอ้ชาติชั่วที่ไหนด้านนอกแน่”

“...”

“หรือจะลองมั้ยล่ะ”

พิมแก้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่พอเดาจากน้ำเสียงได้ว่าน่าจะหมายถึงเรื่องที่น่ากลัวเป็นแน่ ยิ่งประโยคที่ว่า ‘ถ้าออกไป ได้เสร็จเป็นเมียไอ้ชาติชั่วที่ไหนด้านนอกแน่’ ยิ่งทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นมากขึ้น เหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่ปลอดภัยที่ไหนสำหรับเธอเลย

“งั้นท่านจักทำเช่นไรต่อไป จับเราเป็นเชลยก็มิมีประโยชน์ เรามิรู้กระไรเกี่ยวกับการรบเลยสักนิดนะเจ้าคะ”

สามก๊กส่ายหน้าเมื่อเธอเพ้อเจ้ออะไรออกมายืดยาวด้วยเสียงสั่นสะอื้น สงสัยยัยเด็กนี่คงจะหลอนนึกว่าตัวเองอยู่ในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยากระมัง ไว้ถ้ามีเวลาว่างกว่านี้หน่อย อาจจะส่งเด็กคนนี้ไปอยู่ในความดูแลของหมอจิตเวชเดือนเว้นเดือน เผื่อจะช่วยให้เป็นผู้เป็นคนกว่านี้ได้บ้าง

ส่วนถ้วยโจ๊กนี่ ถึงจะน่ารำคาญ

แต่จะป้อนก็แล้วกัน

สามก๊กคิดได้แบบนั้นจึงไม่รอช้า ยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาถือ ก่อนที่จะนั่งลงที่ข้างเตียงจนเด็กสาวต้องกระถดหนีไปแทบจะตกเตียง ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือถ้วยโจ๊กจึงเอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอเพื่อรั้งไว้ให้กระเถิบมาใกล้ๆ

“ทะ... ท่านจักทำกระไรเรา” เสียงเธอสั่นระริก กลัวแสนกลัว ถ้าโดนคร่อมทับแบบเมื่อคืนคงทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่

“กินข้าว” เขาโพล่งขึ้นมาเสียงเรียบเฉย ราวกับนี่คือเรื่องปรกติ มองเด็กสาวตรงหน้าไม่ต่างไปจากทารกที่ต้องป้อนข้าวให้ทุกเช้า เพราะกินข้าวเองไม่ได้อยู่แล้ว

“ระ... เราไม่ทาน อาหารนี้แปลกพิกล น่าอันตรายยิ่ง”

“แค่โจ๊กหมู อย่าเรื่องมากนัก กูรำคาญ” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความขุ่นมัวในน้ำเสียง ทำเอาออพิมกลัวจนกลั้นน้ำตาเอาไว้เกือบไม่ไหว เขาเห็นแบบนั้นจึงยกช้อนตักโจ๊กที่ถูกบดอย่างละเอียด ใส่หมูสับเป็นก้อนกลมสวย แถมยังปรุงรสอย่างกลมกล่อมขึ้นมาเป่า

ถึงจะดูดุดันโหดเหี้ยม แต่ถ้ารับปากว่าจะเลี้ยง ก็จะดูแลอย่างดี

เพราะแบบนี้ถึงเป็นมาเฟียที่อาภัพรักนัก

“กินซะ กูเป่าให้แล้ว” เขาว่า พลางยกช้อนที่คลายความร้อนลงระดับหนึ่งไปจ่อที่ริมฝีปากบางสวยสีชมพูสุขภาพดีของนาง ชายหนุ่มได้ทีสำรวจใบหน้าของเธอที่มีท่าทางอึกอักยึกยักไม่ยอมทาน

เด็กสาวคนนี้สวยจริงๆ สวยยิ่งกว่าดาราที่เคยดีลมานอนด้วยหลายเท่า

ไม่สิ ดารายังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ นางแบบดังยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เขาคิดในใจ ซ่อนความกำหนัดไว้ภายใต้แว่นตากรอบหนา ยังไงยัยเด็กนี่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คงต้องอดทนไว้ก่อน

“... ท่านมิได้วางยาพิษไว้ในอาหารใช่หรือไม่เจ้าคะ” ยึกยืออยู่นาน สาวเจ้าที่ท้องร้องโครกทนความหิวโหยไม่ไหวจึงโพล่งขึ้นด้วยตาปริบๆ

“จะใส่ยาพิษทำไม เพ้อเจ้อ กินๆ ไปซะ”

อดไม่ได้ต้องด่าไปอีกรอบด้วยสกิลปากเสียเป็นทุนเก่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้

ว่าถึงจะน่ารำคาญแค่ไหน แต่ก็สวยเหลือเกิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel