บทที่ 2 มาเฟียเลี้ยงต้อย (1)
ออพิมแก้วนั้นอายแสนอาย บุรุษตรงหน้าต้องการเกี้ยวพาราสีหล่อนหรืออย่างไร ถึงได้มาป้อนสำรับกับข้าวใส่ถึงปากเช่นนี้ แต่ถ้าหล่อนจะเป็นเชลยก็ไม่แปลก ด้วยความที่เป็นผู้หญิง พอมีศักดิ์เป็นเชลยศึก เขาจะต้มยำทำแกงอะไรเราก็ย่อมได้
ด้วยความที่ตกเป็นรองชายเถื่อนตรงหน้าอยู่มากโข เด็กสาวที่หน้าแดงก่ำเลยอ้าปากเพื่องับข้าวบดอุ่นๆ ในช้อนสแตนเลสตรงหน้า แต่กลับตะลึงพรึงเพริด รสมือแม่ครัวของเขาช่างถึงเครื่องนัก หล่อนทำตาโต ดวงตากลมโตสุกใสมีแววเจือประกาย
“โจ๊กหมูหรือ ทำอย่างไรเจ้าคะ” ชิมไปคำแรกก็ถามคนตรงหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมีดทำครัวมาก่อนนอกจากมีดที่ไว้ป้องกันตัว สามก๊กตีสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ตอบอะไรแล้วตักโจ๊กอีกคำมาเป่าพลางยกชิดกลีบปากนวล ถือคติที่ว่าถ้าไม่รู้จะไม่ตอบ
สาวเจ้าหน้าเสียที่เห็นว่าบุรุษตรงหน้าช่างเย็นชาน่าหวั่นกลัว คราวนี้เลยสงบปากสงบคำ กินเอาๆ ตามจังหวะที่เขายกป้อนจนหมดถ้วย
นางอิ่มแปล้ อร่อยเหลือเกิน ผู้หญิงในชุดกระโปรงใส่ผ้าคลุมขาวคนเมื่อกี้น่าจะเป็นแม่ครัวสินะ
ถ้าถามอะไรจากคุณสามคนนี้ไม่ได้ เราจะไปถามจากแม่ครัว
“เอ่อ...” เธอโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสาวเจ้ากินเกลี้ยง สามก๊กจึงโทรศัพท์ให้แม่บ้านมาเก็บสำรับกับข้าวกลับ จะไม่ยกไปเองให้เปลืองมือ ในเมื่อมีคนรับใช้อยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างนักหรอก งานพ่อบ้านน่ะเหรอลืมไปได้เลย ชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
“อะไร” และเมื่อเห็นว่าเด็กสาวทำท่าจะเอ่ยขออะไรบางอย่าง เขาจึงหันไปตอบรับด้วยถ้อยคำแสนห้วน จนเธอนึกหวาดหวั่นก่อนที่จะกลั้นใจถามขึ้นมา
“จะให้เราอยู่ในห้องหับนี้ไปอีกนานเท่าใดกันหรือเจ้าคะ”
แววตาคมฉายแววราบเรียบ เธอพยายามอ่านสายตาอีกฝ่าย แต่อ่านไม่ได้เลย แววตาคู่นั้นช่างว่างเปล่า
“เมื่อเธอเลิกหนีไปจากกู”
“ระ... เรามิหนีไปที่ใดดอกเจ้าค่ะ อย่างน้อยให้เราได้สำรวจสถานที่ของท่านบ้างจักได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่อนุญาต”
“อะ” พอเห็นว่าโดนขัดทุกทางสาวเจ้าก็คอตก “เราขอโทษเจ้าค่ะที่ก่อนหน้านี้พยายามหนีออกไป แต่เรามิอยากอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี่หนา”
“...”
“ท่านมีกระไรให้เราทำนอกเหนือจากนี้หรือไม่เจ้าคะ”
สามก๊กนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างผ่านแววตาเย็นเยียบ ก่อนที่ร่างสูงจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหารุ่นโทรศัพท์ราคาแพงที่กำลังออกรุ่นใหม่ล่าสุดออกมา แล้วกดสั่งซื้ออย่างไม่ลังเล
ถ้าพูดขนาดนี้ คงสเต็ปเดิมสินะ ต้องการอะไรจากเขาล่ะสิ
จะไม่ปฏิเสธหรอก เพราะเงินเขาน่ะเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้ว
“กูสั่งไอโฟนให้เธอแล้วนะ” เมื่อกดสั่งซื้อพร้อมกับแนบสลิปเรียบร้อย คนตัวสูงก็ยื่นประวัติการโอนเงินให้คนตัวเล็กที่นั่งพับเพียบหัวฟูอยู่บนเตียงดู เธอเอียงคออย่างฉงน ไม่มีท่าทางที่จะเข้าใจอะไรตรงกัน “หมายถึงมือถือน่ะ เอาไว้ใช้ระหว่างรอกูไปทำงานฆ่าเวลา”
“เอ๋?”
“กูไปทำงานก่อน” เขาว่าแบบนั้น เก้ๆ กังๆ ที่จะยกฝ่ามือหนาเพื่อสัมผัสหญิงสาวสวยสะคราญตรงหน้า แต่ด้วยอดใจไม่ไหว สามก๊กลูบผมเธอเบาๆ ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ เดินออกไปผ่านบานประตูอย่างรีบเร่ง
ทิ้งพิมแก้วให้นั่งงุนงงอยู่ตรงนั้น
“มือถือ... คือกระไรกัน?”
สมาร์ทโฟนแสนสำคัญในยุคปัจจุบันนั้น หาได้อยู่ในความเข้าใจของหญิงสาวในยุคกรุงศรีอโยธยาอย่างเธอไม่
หลังจากสามก๊กพ้นออกจากประตูประมาณสิบนาที เมดที่ดูแล้วเป็นคนละคนกับคนก่อนหน้าเปิดประตูเข้ามาเก็บสำรับอาหารของเธอ เมดสาวอีกคนลากจูงเธอไปอาบน้ำในห้องน้ำในตัว ส่วนเมดอีกคนก็เตรียมชั้นใน กางเกงในลายลูกไม้ที่คุณสามโปรดปราน และชุดสายเดี่ยวรัดรูป ผ่าข้างเรียวขาอย่างแสนเซ็กซี่
ออพิมแก้วพยายามถามว่าไม่มีชุดสไบให้ใส่บ้างหรือ หรืออย่างน้อยๆ ก็ชุดที่มิดชิดสมกุลสตรีกว่านี้ก็ดี แต่หญิงสาวชุดกระโปรงพวกนั้นได้แต่สั่นหน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า ‘ถ้ามิดชิดขนาดนั้น คุณสามจะไม่พอใจ’
“ไม่พอใจกระไรกัน ให้เรามาแต่งตัวเช่นนี้ งามหน้าเสียเหลือเกิน” เธอบ่นรำพันกับตัวเองในห้องนอนห้องเดิมที่คุณสามคนใจร้ายที่ว่าไม่ยอมให้ออกไปทำอะไรได้นอกจากรอมือถือที่ว่ามาส่งถึงมือของเธอก่อน เด็กสาวจึงนั่งรอด้วยความหวังว่าสิ่งๆ นั้นอาจจะช่วยเธอให้รอดพ้นจากผู้ชายคนนี้ไปได้
กริ๊ง
“คุณหนูคะ มือถือมาส่งค่ะ” รอไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็สำเร็จผล เมดสาวคนก่อนหน้าที่จับเธออาบน้ำแต่งตัวเป็นตุ๊กตาได้เคาะประตูหลังจากมีเสียงกริ่งดังจากด้านนอก สาวเจ้าผุดลุกพรวด รีบรุดไปที่หน้าประตูเพื่อเชยชมสิ่งของที่ว่า
แต่ทว่า
กล่องสีขาวๆ ที่ถูกเปิดออกมาตรงหน้า มีเพียงกระดานชนวนแผ่นเล็กสีดำที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมตรงหน้าเธอก็เท่านั้น
“นี่คือกระไร หน้าตาพิกลนัก”
ไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้หล่อนฆ่าเวลาได้ตรงไหน
“ไอโฟนค่ะคุณหนู” เมดสาวเอียงคอมองตามเด็กสาวตรงหน้า ดูท่าทางนางบำเรอคนใหม่ของคุณสามคนนี้คงสติไม่สมประกอบจริงๆ สินะ ดูอาการหนักเพ้อเป็นภาษาโบราณอย่างที่เมดที่ดูแลเธอเมื่อคืนเล่าไว้เลย
ทั้งๆ ที่ตรงหน้าคือมือถือที่ทันสมัยที่สุด แถมยังเป็นไอโฟน 1x Pro max สีขาวสวยที่แม้แต่เธอเองก็ตาลุกวาวอยากเป็นหนึ่งในนางบำเรอของชายสายเปย์อย่างคุณสามก๊กบ้าง
คิดว่าคงรับมือง่ายกว่านี้ จนกระทั่งคนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยแววตาซื่อใส
“ไอโฟนคือกระไร เรามิเข้าใจ”
เมดสาวคนนั้นถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว
คิดว่าคงรับมือง่ายกว่านี้ จนกระทั่งคนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยแววตาซื่อใส
“ไอโฟนคือกระไร เรามิเข้าใจ”
เมดสาวคนนั้นถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว
ออพิมแก้ว บุตรสาวของออกญาศรีพิบาล ได้รู้จักกับ ‘โทรศัพท์มือถือ’ เป็นครั้งแรกในชีวิต
หลังจากที่เมดสาวคนนั้นได้สอนวิธีคร่าวๆ ในการใช้สมาร์ทโฟนเครื่องหรูให้เธอ สาวเจ้าเขี่ยปลายนิ้วเรียวสวยตรงหน้าจอโทรศัพท์ไปมา มีตัวอักษรภาษาไทยขึ้นมาทีละคำ เธอตาแวววาว ไอโฟนเครื่องนี้ถูกติดตั้งแอพ Line เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยโดยคำสั่งของคุณสาม เมดสาวคนนั้นเชื่อมต่อกับไอดีไลน์ของสามก๊กเอาไว้ และสอนเด็กสาวพิมพ์ข้อความตามแต่ใจปรารถนา
เผื่อคุณสามจะมีอะไรกระชุ่มกระชวยหัวใจระหว่างทำงานบ้าง
แสนรู้ใจจนน่าจะไปแจ้งให้คุณสามเพิ่มเงินเดือนให้เสียจริง
พิมแก้วเห็นหน้าจอแสดงผลเป็นธีมไลน์มาตรฐาน หน้ารูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปสามก๊กนั้นทำให้เจ้าหล่อนยู่หน้า ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้เผลอกดตัวหนังสือ และปัดฝ่ามือไปโดยปุ่ม Enter ที่อยู่ด้านข้างเสียแล้ว
ความที่จอทัชสกรีนนั้นถูกทำมาอย่างดี ข้อความที่ไม่ได้ศัพท์ถูกส่งไปที่แชทไลน์ของสามก๊กอย่างทันใจ สาวเจ้าแตกตื่นไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำอะไรลงไป ยิ่งข้อความนั้นถูกขึ้นว่าอ่านแล้ว ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก
อยู่ดีๆ ก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว อ่านแล้วคือกระไรกัน
ใช้เวลาคิดไม่นานนัก ข้อความไลน์ก็เด้งส่งมาโดยเร็วด้วยหน้าโปรไลน์กลมๆ ของคุณสามคนเถื่อน
ปริศนา : แรรนบ
Sk : อะไร?
เขาตอบเพียงถ้อยคำห้วนสั้นจนนึกภาพชายหน้าดุมีรอยบากที่ดวงตา พร้อมกับสวมแว่นตากรอบดำทับชัดเจนในมโนภาพ สาวเจ้าเหงื่อตก พยายามอย่างมากที่จะหาทางส่งข้อความไปให้เขา งมนิ้วกดจิ้มสลับคำอยู่นาน ดีนะที่เธอยังมีประสบการณ์เรียนอ่านเขียนได้อยู่บ้าง แต่ให้มากดๆ จิ้มๆ ไอ้สิ่งที่คล้ายคลึงกระดานชนวนขนาดจิ๋วเช่นนี้ ไม่คุ้นมือเอาเสียเลย
ปริศนา : มิมีกระไรเจ้สค่ะ
นิ้วเบียดจนพิมพ์ผิดไปด้วย หล่อนหน้าซีดเหงื่อตกทันทีเมื่อข้อความจากเขาเด้งขึ้นมาโดยเร็วไว
Sk : คิดถึงเหรอไง
คิดถึง?
กระไรของชายผู้นี้
หระ... หรือว่าจักมาเกี้ยวพาราสีเราจริงๆ !
ปริศนา : คิดถึงกระไร มิได้คิดถึงท่าน
Sk : พิมพ์นาน นิ้วเบียดเหรอ
“โอ้ย” ออพิมแก้วเมื่อโดนแซวก็ถึงกับเกิดอาการเขินจนไปไม่เป็น แต่เจ้าหล่อนนั้นไม่มีคำว่ายอมแพ้อยู่ในพจนานุกรม จึงกดจิ้มมือถือโต้ตอบกับชายตรงหน้าอย่างอาจหาญ
ปริศนา : หยาบคายนัก มิชอบเลยมาแซวเล่นเช่นนี้
พอไม่ได้เห็นตัวเป็นๆ มาปั้นหน้าดุอยู่ตรงนี้ก็ใจกล้าติงเขาไปหนึ่งดอก ชายหนุ่มอ่านข้อความแล้วเงียบหายไปนาน นานจนหล่อนเริ่มใจไม่ดี
จนกระทั่ง
Sk : ถ่ายรูปมาหน่อยสิ
เขาขอให้เธอถ่ายรูปให้ดู
“ถ่ายรูป? คือกระไรกัน” สาวเจ้ามุ่นคิ้วยุ่ง พิมพ์โต้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ
ปริศนา : เราเป็รสาวเป็นนาง มิมาถ่ายกระไรให้ดูดอก
ถ่ายที่เธอเข้าใจคือการเข้าห้องน้ำนั่นเอง
ว่าแต่เธอนิ้วเบียดอีกแล้ว การพิมพ์ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘โทรศัพท์มือถือ’ ทำไมมันยากนักเชียว
Sk : ถ่ายรูป
เขาส่งมาอีกแล้ว ข้อความนั้นแม้จะเป็นแค่ตัวอักษรแต่ใจความห้วนสั้นก็กดดันเด็กสาวได้ดี เธอเริ่มเลิ่กลั่ก นั่งครุ่นคิดในห้องนอนของตนอยู่นาน จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้อง
ก็อกๆๆ
“ว่ายังไงครับ” เสียงทุ้มของการ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูสำรวจความเรียบร้อยของเด็กเลี้ยงคุณสามดังขึ้นมา ชวนให้เด็กสาวตัวสั่นที่ไม่ใช่เสียงคุณเมดอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือถามออกไป
“ท่านรู้จักการ ‘ถ่ายรูป’ หรือไม่เจ้าคะ”
บุรุษหนุ่มในชุดดำตรงหน้าขมวดคิ้วจนพันเป็นปม เพิ่งเคยเห็นคนในสมัยดิจิตอลไม่รู้จักคำว่าถ่ายรูปมาก่อน จึงทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ
“อะไรนะครับ”
“ท่านรู้จักการถ่ายรูปหรือไม่เจ้าคะ” คำถามยังคงเป็นคำถามเดิม ชายหนุ่มผงะไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกุมขมับ
“คุณหนูรู้จัก ‘กล้องถ่ายรูป’ มั้ยครับ”
พิมแก้วที่ยืนอยู่อีกฝั่งของบานประตูไม้สักทองเอียงคอฉงน เธอส่ายหน้าทั้งที่เขาไม่เห็น พร้อมกับตอบฉะฉาน
“กล้องถ่ายรูปคือกระไรหรือเจ้าคะ”
เอาล่ะ สงสัยต้องเข้าไปด้านใน และอธิบายให้สาวเจ้าได้รู้จักกับคำว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ เสียก่อน
‘แม็คกี้’ ลูกน้องที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของสามก๊กมานับสามปี เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของคุณหนูคนสวยที่ได้เห็นแวบๆ เมื่อคืนนี้ ยิ่งเข้าไปใกล้ชิด ได้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์สวยหวาน พร้อมกับชุดสุดเซ็กซี่ที่คุณสามชอบให้เด็กบำเรอใส่เดินตัวปลิวไปปลิวมาในคฤหาสน์บ่อยๆ ก็ทำเอาหนุ่มใหญ่อย่างเขาเลือดลมสูบฉีด
แต่ก็ต้องตีหน้าเข้มๆ เอาไว้
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับคุณหนู” เสียงหล่อ
ดวงตากลมโตคู่นั้นเงยขึ้นมาสบตากับเขา เธอมีแววความหวาดหวั่น ระแวดระวังตัวเจือปนอยู่ตามแบบฉบับกุลสตรีที่ไม่เคยได้อยู่กับชายใดสองต่อสองมาก่อนเนื่องจากมีเจ้าคุณพ่อดุยิ่งกว่าใคร แต่ก็มีแววเว้าวอนอยู่ในที
“คุณสามให้เราถ่ายรูป แต่เรามิรู้ว่าถ่ายรูปคือกระไรเจ้าค่ะ”
