บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ผู้หญิงประหลาด (2)

ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปาน

เจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่

นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผาย

แกรก

เมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง

“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นสายตากรอบดำเหลือบมามองหล่อนอย่างเย็นชา

“หมายความว่าอะไร”

“มะ... หมายถึงว่าท่านจักพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อหรือไม่ เจ้าคุณพ่อเราอยู่เรือนใหญ่ในพระนคร เราน่าจักพอจำทางไปได้อยู่เจ้าค่ะ”

แววตาสีดำทมิฬมองเธอที่พูดจาเพ้อเจ้อออกมาเป็นต่อยหอย ก่อนที่เขาจะพ่นควันขุ่นออกมาเป็นวงยาว

“ที่นี่ไม่ใช่พระนครอะไรที่ว่า” แต่เพราะความใจดีในกมลสันดานเป็นทุนเดิม สามก๊กท่องพุทโธในใจ พลางพยายามอธิบายสิ่งที่ไม่คิดว่าชาตินี้ตัวเองจะต้องมานั่งพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน “ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”

พูดพลางเขี่ยก้นบุหรี่ ขยี้ลงกับราวระเบียงเหล็ก

“...”

“ถ้าเธอบอกว่าเป็นลูกสาวคนใหญ่คนโต กูก็คือมาเฟียที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับเธอ” อยากจะพูดกับเด็กสาวแบบที่ผู้ใหญ่โตๆ เขาพูดกันนะ แต่เพราะสามก๊กนั้นมีนิสัยไม่ยอมลงให้ใคร เขาติดพูดคำหยาบคายและแทนตัวด้วยมึงกูกับลูกน้องและคู่ค้าเสมอ จึงลดทอนสรรพนามให้ได้แค่นี้

“มาเฟีย? คือกระไรกันเจ้าคะ เรามิเข้าใจ”

“กูให้คนไปสืบประวัติเธอ” เขายอมรับออกมาตามตรง พลางโยนบุหรี่ที่เหลือเพียงก้นมวลทิ้งลงจากราวระเบียง เดินอาดๆ มานั่งบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ที่นอนได้สองคนก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ

ประวัติที่ลึกลับแค่ไหน เขาก็หามาได้เสมอ จะยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่สุดท้ายก็มาตายรังที่การพนัน และการฉ้อโกง

ต้องขออภัยต่อท่านท้าวเวสสุวรรณที่อาจจะมีการเข่นฆ่าพวกที่ไม่จำเป็นทิ้งไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือศัตรูที่คิดจะเหยียบหัวขึ้นมาเหนือกว่า อาชีพที่ทำอยู่นั้นคือการแข่งขันที่อันตราย แต่เขาก็รักษาศีล ทำบุญทำทานอยู่เสมอ

เด็กผู้หญิงคนนี้ ถึงจะเป็นคนบ้า ลูกน้องก็จะค้นประวัติของเธอมาได้แน่นอน

แล้วมารอดูกัน ว่ายัยนี่มันคือใครกันแน่

“พิมแก้ว เธอบอกว่าอายุสิบแปดใช่มั้ย” และอีกห้านาทีวิลลี่ก็คงจะโทรมารายงานประวัติโดยละเอียดของเธอ สามก๊กเดาะลิ้นพลางคุยกับเธอไปพลางระหว่างรอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังคงแอบอยู่หลังบานประตูห้องน้ำไม่ออกมาประจันหน้ากับเขาก็ตาม “งั้นเธอก็คงเรียนอยู่มัธยมปลาย ใช่หรือเปล่า”

“เจ้าคุณพ่อสอนให้เรียนอ่านเขียนเพียงเท่านั้น ด้วยหน้าที่ของหญิงสาวในกรุงศรีอโยธยาต้องเป็นเมียที่ปรนนิบัติผัวเป็นอย่างดี แต่ด้วยที่เราเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเจ้าคุณพ่อ ทุกวันเราจักทำเพียงแค่กรองมาลัย แลใช้รสมือทำสำรับให้เจ้าคุณพ่อทานเจ้าค่ะ” เธอกลั้นใจอธิบายออกมาตาใส แต่ท้ายประโยคก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ส่วนมัดทะยม เรามิเข้าใจที่ท่านพูด”

“เธออ่านเขียนได้” เขาปล่อยเบลอคำพูดมากมายที่เธอเพ้อพกออกมา และสรุปได้ว่าแบบนั้น

“พออ่านจดหมายได้บ้างเจ้าค่ะ”

“ถ้ากูสืบประวัติเธอ แล้วรู้ว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า”

“...”

“กูเลี้ยงเธอได้ใช่มั้ย”

“เรามิใช่วิฬาร์ที่จักมาขอเลี้ยงดูได้ตามใจชอบนะเจ้าคะ” เจ้าตัวจ้อยตัวสั่นหนักกว่าเก่า ชายผู้นี้พูดอันใดประหลาดแท้ อยู่ดีๆ มาบอกว่าจะเลี้ยง อยู่ดีๆ ก็มากล่าวหาว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีก ทั้งที่พ่อของเราเป็นถึงออกญาเชียวนะ

ครืด ครืด

สมาร์ทโฟนของสามก๊กดังขึ้นในระหว่างนั้น เขายกมือใหญ่ขึ้นเต็มทั้งห้านิ้วเพื่อให้เธอเงียบเสียงลง ก่อนที่จะรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นวิลลี่ สงสัยว่าจะสืบประวัติมาได้แล้ว

ติ๊ด

“ว่าไง”

[แปลกมากครับนาย ไม่มีชื่อของเด็กคนนี้ในทะเบียนราษฎร์ ประวัติหลบหนีจากต่างแดนก็ไม่มี ผมไปสืบค้นมาจากทุกที่แล้ว]

“ได้ยังไง”

[ไม่ทราบครับนาย ถ้านายจะเลี้ยงก็ต้องดูๆ กันไป เพราะประวัติพ่อแม่ บ้านเกิด คดีอาชญากรรม ไม่มีเลยสักอย่างครับ]

แววตาคมเงยหน้าขึ้นสบใบหน้าที่สวยสะกดของพิมแก้ว เขากำลังประเมินเด็กสาวอย่างเงียบเชียบ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลยสักนิด กลับกันถ้าเลี้ยงไว้จนอายุยี่สิบ ส่งเสียเล่าเรียนจนเติบโต เลี้ยงไว้เป็นนางบำเรอที่ช่วยเหลือเขาได้ในทางที่ผู้หญิงสามารถทำได้

ก็น่าสนใจดี ลึกลับแบบนี้

“ได้ งั้นกูจะเลี้ยงมันไว้เอง”

ประวัติของเธอ ไม่ว่าจะคร่าวๆ หรือโดยละเอียดไม่มีปรากฎอยู่เลยสักนิด ราวกับเธอคือบุคคลสาปสูญลึกลับโดยสมบูรณ์ ด้วยความสนใจต่อเด็กสาวอย่างแรงกล้า สามก๊กตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเธอไว้ในสถานะเด็กเลี้ยงที่อนาคตเมื่ออายุบรรลุนิติภาวะจะผันตัวมาเป็นนางบำเรอ มอบคำสั่งให้เมดรับใช้ส่งเด็กสาวเข้านอนที่ห้องที่เขาหวงแหน

ใช่ เพราะห้องนั้นที่จัดให้เธอนอน เป็นห้องที่ถูกจัดมาเพื่อ ‘ลูกสาวคนแรก’ ของเขา ที่บัดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว

ฝ่ายพิมแก้วยังคงนั่งอยู่ภายในห้องนอนโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เธอถูกสามก๊กส่งมายังห้องใหญ่เทียบเท่ากับห้องนอนเจ้าคุณพ่อ แต่มีเครื่องนอนและการตบแต่งผิดแผกไปจากที่ที่เธอเคยอยู่

เด็กสาวยังนั่งนึกถึงคำพูดของสามก๊กคนนั้น ที่บอกชื่อสถานที่แห่งนี้ที่เธอกำลังอยู่

“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”

กรุงเทพมหานคร ชื่อคล้ายๆ พระนคร แต่ทำไมไม่คุ้นเคยเลย

“หรือเราจักต้องหลบหนีออกไปหาเจ้าคุณพ่อด้วยตนเอง ชายผู้นั้นอาจจักเป็นแขกขาว หรือเขมรเมืองมอญมาจับเราไปเป็นเชลยก็เป็นได้” เนื่องด้วยข่าวเรื่องการรบรากับเขมรทำให้พอรู้อยู่บ้างว่าระหว่างที่สลบไปจากขนมพระพายที่ติดคอ อาจมีศัตรูกับพระนครมาลักพาตัวนางไป เนื่องจากเจ้าคุณพ่อมักมีบทบาทสำคัญในการออกแบบการรบอยู่เสมอ

ไม่รู้ว่าถ้าตนหลบหนีไปจากเมืองแขก จะเป็นเช่นไร แต่คิดถึงเจ้าคุณพ่อเหลือเกิน จะต้องหนีไปให้ได้ เพื่อไปแจ้งเรื่องนี้แก่เจ้าคุณพ่อ ถึงจะต้องลี้ภัยทางเรือ ทางน้ำ หรือแม้แต่ต้องหนีไปทางบก ก็ไม่หวั่นทั้งนั้น

พิมแก้วคิดเช่นนั้นจึงค่อยๆ กำชับชุดคลุมอาบน้ำให้มิดชิดขึ้น พลางค่อยๆ เดินไปคว้าลูกบิดประตูที่ไม่คุ้นเคย เก้ๆ กังๆ อยู่นานจึงทราบว่าลูกบิดนั้นต้องหมุนไปทางด้านข้าง แต่เมื่อหมุนไปแล้ว กลับได้ยินเสียงแกร็ก เหมือนติดอะไรบางอย่าง และเปิดออกไม่ได้

กึก กึก กึก!

พิมแก้วพยายามหมุนลูกบิด ทั้งหมุนทั้งดึงสุดแรงให้บานประตูเปิดจนหมดแรง แต่ดูเหมือนว่ามันจะถูกล็อกจากด้านนอก นางเลยล้มตัวลงนั่งบนพื้น ร่ำไห้กระซิกๆ อย่างจนตรอก

หนทางหนีทางแรก สิ้นไปแล้ว

หล่อนสิ้นไร้ไม้ตอกโดยสิ้นเชิง

“ฮึก เจ้าคุณพ่อ ช่วยลูกด้วย”

วิลลี่กลับมาถึงคฤหาสถ์ในคืนนั้น แต่ไม่กล้าเข้าไปในห้องนอนของคุณสามก๊ก เพราะช่วงกลางคืนเขามักจะสวดมนต์เป็นเวลานานและไม่อยากให้ใครมาทำลายความเป็นส่วนตัว สามก๊กเข้านอนโดยที่ยังเต็มตื้นไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ในตัวเด็กสติไม่สมประกอบคนนั้น คิดไม่ตกอยู่จนฟ้าสาง

เมื่อถึงรุ่งเช้าประมาณเจ็ดโมง เมดนำสำรับอาหารเข้ามาให้เขา ช่วงเช้าสามก๊กจะชอบทานข้าว หรือโจ๊กหมูในช่วงเช้า เขาทานเผ็ดไม่ได้มากนักเนื่องจากปัญหาท้องไส้ และจัดสำรับเดียวกันส่งไปให้ฝั่งห้องนอนของเด็กสาวที่เพิ่งออกปากจะรับเลี้ยงดูเมื่อคืนนี้

โจ๊กหมูควันฉุยถูกเสิร์ฟท่ามกลางหญิงสาวที่หน้าหมองเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากการร้องไห้คิดถึงบ้านมาทั้งคืน

“นี่คือกระไรหรือ” กลิ่นหอมน่าทาน หน้าตาก็ดูแปลกดี แต่อาหารของเมืองศัตรู จะไม่กินให้เสียรสหรอก เพราะอาจจะวางยาพิษในอาหารก็ได้

“โจ๊กหมูค่ะคุณหนู” เมดเรียกเธออย่างนอบน้อม มองเด็กสาวที่หรี่ตาลงมองถ้วยโจ๊กอย่างไม่ไว้วางใจนัก

“เรามิอยากทานกระไร เอากลับไปเถิด” เธอว่าเสียงค่อย ทั้งที่ท้องไส้เริ่มร้องโครกครากแสดงอาการหิว เนื่องจากค่อนคืนไม่ได้ทานอะไรเลย

“คุณสามให้จัดสำรับให้คุณหนูด้วยตัวเอง เป็นความหวังดีของคุณสามนะคะ”

คุณสามที่ว่าคงเป็นชื่อชายเถื่อนผู้นั้น ยิ่งได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งกลัวจนไม่กล้ากิน เธอส่ายหน้ารัวเร็ว

“เรามิทานอาหารของคุณสามของเจ้าดอก เขามิน่าไว้วางใจ เรามิทาน”

เมดสาวมีสีหน้าลำบากใจ เด็กสาวผู้นี้ช่างดื้อรั้นเหลือเกิน เท่าที่เห็นเวลาคุณสามรับเลี้ยงใครเป็นนางบำเรอ ผู้หญิงคนนั้นจะแทบระริกระรี้ดีใจ แถมยังจิกหัวใช้พวกเธอสารพัดสารเพราวกับได้ขึ้นเป็นนายหญิงไปเสียแล้ว จนต้องไปบอกคุณสามอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยแววตาบอดในความรักของคุณสาม พวกเธอมักไม่ได้รับการปกป้องเท่าไหร่นัก

ไปบอกคุณสามดีมั้ยเนี่ย ว่าเด็กบำเรอของเขาไม่ยอมทานข้าวเช้า

ไปบอกก็แล้วกัน ให้คุณเขามาจัดการด้วยตนเอง

เธอคิดในใจจึงเก็บสำรับไปวางไว้ที่หัวโต๊ะข้างเตียง เดินรุดหน้าเข้าไปในห้องของสามก๊กที่รับประทานอาหารเช้าจนเกลี้ยงถ้วย เขากำลังนำผ้าขาวมาเช็ดริมฝีปากที่เปื้อนคราบอาหารอย่างเรียบร้อย จนเห็นว่าเมดคนหนึ่งเดินทำสีหน้าอึดอัดใจเข้ามา

“มีอะไร” เขาถาม เมดคนนั้นรีบก้มหน้าตอบ

“คุณหนูพิมไม่ยอมทานโจ๊กค่ะ บอกว่าอาหารของนายท่านเธอจะไม่ทานเด็ดขาด”

สีหน้าของสามก๊กราบเรียบ เขาเกลียดเด็กที่ขัดใจไม่ยอมทำตามที่สั่งเป็นที่สุด นางบำเรอทุกคนจะถูกเขาดูแลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะแรกเริ่มด้วยความสนใจหรือความใคร่ก็ตาม แต่ถ้ามีใครสักคนไม่ทำตามคำสั่ง เขาเองก็คงต้องสั่งสอนโดยเบาะๆ เสียบ้าง

“งั้นกูจะไปจัดการเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel