ข้ามภพมามีสามีพิการและลูกอีกสองคน 2
ซ่งอี้หนานคิดว่าต่อให้วันนี้ขาจะขาดเขาก็จะไม่ยอมให้ใครเอาลูกจึงได้ลุกขึ้นมา เขาทั้งทุบทั้งผลักชายร่างใหญ่สองคน แต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" นางตะโกนแทรกเข้าไปเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมาให้ความสนใจการมาถึงของนางแทน
"นี่มันเรื่องอะไร" จางหยู่เสวียนกล่าวเสียงเย็นชา ใบหน้า
แฝงแววดื้อดึงต่างจากที่เคย
"มาแล้วสิแม่นักพนันตัวดี ลูกเจ้าที่ยกให้ข้าดื้อดึงอยู่นี่
จัดการเสียสิ"
ได้ฟังแล้วจางหยู่เสวียนก็ยกมือนวดขมับ ราวกับตอบรับความสงสัย ภาพอดีตจึงได้ผุดขึ้นมาให้คำตอบอย่างแจ่มชัด เจ้าของร่างคนเก่าสร้างเรื่องไปทุกหัวระแหงจริง ๆ แม้แต่กับนางที่พึ่งมายังต้องตามเช็ดตามล้างให้
อดีตมือสังหารดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมา เดินไปขวางหน้าชายสองคนที่กักตัวสามีนางอยู่แล้วผลักพวกเขาออกเพียงฝ่ามือเดียว
เบนสายตาไปยังชายอีกคนที่จับแขนลูกสาวนางไว้ จางหยู่เสวียน
ใช้สันมือตีข้อมือชายคนนั้นจนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อย
"ข้าไม่ขาย" นางเอ่ยเสียงแข็ง
"เจ้าตกลงรับปากแล้ว จะเอาคืนได้อย่างไร" สตรีนางนั้นไม่ยอม
"ข้าจะหาเงินมาคืนให้เอง"
"ผีพนันอย่างเจ้าน่ะหรือจะทำได้ บอกข้าว่าใบไม้เป็นสีแดง
ยังน่าเชื่อถือกว่าคำพูดเรื่องเงินจากปากเจ้าเลย"
"แต่ก็ยังยอมให้ข้าเข้าบ่อนทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าท่านก็เห็นว่า
มีปัญญาจ่ายหรือ"
"แต่ตอนนี้เจ้าไม่มี ไม่มีนักพนันที่ไหนยอมขาดทุนหรอกนะแม่สาวน้อย"
"นายหญิง ข้าขอสักครั้งเถอะ ข้าจะยกลูกให้คนอื่นได้อย่างไร"
คำพูดนี้ชวนประหลาดใจอย่างมาก ก็เห็นอยู่ว่านางทำไปแล้ว
ซ่งอี้หนานพูดไม่ออก ไม่รู้ภรรยาชั่วช้าของตนจะมาไม้ไหนอีก เขารู้ว่านางเป็นสตรีไม่ได้ความคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าจะยอมขายกระทั่งลูกตัวเอง เรื่องวันนี้เขาโกรธนางเป็นอย่างมาก แล้วที่นางกล่าวมาเมื่อครู่นั้นมันอะไรกัน กินสิ่งใดผิดสำแดงเข้าไปหรือ
"อย่างไรก็ไม่ได้ เงินข้าเสียไปแล้ว หากไม่มีหลักค้ำประกันอื่นข้าก็จะเอาตัวนางไป" นายหญิงเจ้าของหอเสี่ยงโชคกล่าวอย่างไม่ยอมเช่นกัน
"หากข้ามีหลักประกัน พอจะยอมผ่อนผันให้สักครั้งได้หรือไม่" จางหยู่เสวียนพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว
"เท่าที่ข้าเห็น เจ้าไม่มีของมีค่าสักชิ้น แม้แต่บ้านหลังนี้ยังซอมซ่อแทบตีราคาไม่ได้"
"ท่านเอาบ้านไปไม่ได้ หนี้ที่ข้าติดค้างไม่ถึงบ้านหนึ่งหลังหรอก นายหญิงโปรดเมตตาหยู่เสวียนหน่อยเถอะ"
เล่นพนันจนเงินหมดตัว ขายลูกสาวใช้หนี้ ช่างเป็นสตรีที่ไม่มีมนุษยธรรม นางสูดลมหายใจเพื่อเรียกสติครั้งแล้วครั้งเล่า นึกได้ว่าเจ้าของร่างมีปิ่นที่หวงแหนอยู่ชิ้นหนึ่ง ส่วนที่ประดับผมอยู่ปัจจุบันนี้เป็นปิ่นหยกราคาถูกธรรมดา
จางหยู่เสวียนไม่ลังเลที่จะเอามันมา กล่องไม้เก่า ๆ ไร้ราคามีปิ่นหยกเนื้อดีสีสวยสดอยู่ชิ้นหนึ่ง
"นายหญิง สิ่งนี้พอจะเป็นหลักประกันได้หรือไม่" เห็นเนื้อหยกชั้นดีกับฝีมือแกะสลักอันประณีตงดงาม สตรีร่างท้วมก็ตาวาววับ
"หึ ข้าให้เวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นนะ" นางคว้าปิ่นไปจากมือ กล่าวถ้อยคำขู่อีกเล็กน้อยก็จากไป เท่ากับว่าจบไปได้เรื่องหนึ่งแล้วหรือไม่นะ
ยืนอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกหนาวขึ้นมา พึ่งนึกได้ว่านางเปียกไปทั้งตัว เดินมาจนถึงบ้าน หยาดน้ำที่เสื้อผ้าซับไว้ก็ยังหยดหายไปไม่หมด ปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้จับไข้
จางหยู่เสวียนพักเรื่องอื่นไว้ก่อน นางกระวีกระวาดเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ ใช้เวลาไปพอสมควรกับการทำความคุ้นเครื่องแต่งกาย เมื่อนางออกมาอีกครั้งเด็กทั้งสองที่ยังไม่ไปไหนก็สะดุ้งแล้วถดตัวหนี
จางหยู่เสวียนหันมองทั้งคู่ที่กอดกันทั้งตัวสั่นเทาอยู่มุมบ้าน แทบจะเบียดตัวรวมเข้าไปกับเนื้อไม้ได้เลยด้วยซ้ำ คงต้องทำอะไรสักอย่างกับท่าทางหวาดกลัวนั่นก่อน ยังไม่ได้ทันได้อ้าปากเอ่ยปลอบประโลมอันไหน สามีผู้พิการก็ตวาดนางเสียงดัง
