บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 คนพิเศษของหวางอ๋อง

ปากอิ่มหุบลงในทันที เพราะเกรงว่าหวางอ๋องจะตัดลิ้นของนางทิ้งจริงๆ สำหรับเยี่ยนเหลียนหรงแล้วเขาน่ากลัวกว่ากลุ่มโจรชุดดำพวกนั้นเสียอีก กลุ่มโจรพวกนั้นมุ่งหมายเอาชีวิตของนางอย่างเห็นได้ชัด ทว่าสำหรับหวางอ๋องแล้ว นางไม่รู้เลยว่าเขาต้องการสิ่งใดจากนางกันแน่ ครั้งก่อนก็กลั่นแกล้งรังแก ส่วนครั้งนี้เขาจะทำอะไรนางอีกก็ไม่รู้ หญิงสาวคิดด้วยความหวั่นใจ แต่อย่างน้อยการที่เขาช่วยนางมาจากกลุ่มโจรชุดดำพวกนั้นก็พอทำให้นางสบายใจขึ้นมาได้นิดหน่อยว่าเขาคงไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิตนางอย่างที่นึกกลัว

จากสองข้างทางที่เป็นลำธารเล็กๆ หลังจากที่วิ่งเข้าประตู เยี่ยนเหลียนหรงแลเห็นทหารพากันเดินขวักไขว่ไปทั่วบริเวณ เบื้องหน้าของนางคือตึกหลังหนึ่งชั้นเดียวตั้งอยู่ สิ่งที่เห็นทำให้เยี่ยนเหลียนหรงเริ่มแน่ใจว่าที่นี่คือวังหลวงเป็นแน่

ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น มองภาพตรงหน้าด้วยความละลานตา นี่น่ะหรือวังหลวงของจริง ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก หวางจื่อชางลอบมองคนในอ้อมแขน เขาเห็นแววตาของนางพราวระยับสุกใสราวกับดวงดาว ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังตื่นเต้น มุมปากหยักกระตุกขึ้นเบาๆ คิดไม่ผิดจริงๆที่พานางมาที่นี่

อาชาตัวใหญ่วิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักจื่อเถา ร่างบางถูกคนตัวโตอุ้มลงจากหลังม้าราวกับปุยนุ่น นางเห็นหวางอ๋องเดินไปหยุดยืนคุยกับคนผู้หนึ่งที่แต่งกายคล้ายขันที จากนั้นเขาก็ผงกศีรษะรับ ไม่นานก็มีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของนาง

"เชิญคุณหนูตามพวกข้ามาเถิดเจ้าค่ะ"

เยี่ยนเหลียนหรงอ้าปากหมายจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสายตาคมกริบที่มองจ้องมาทำให้นางเปลี่ยนใจก้าวเดินตามนางกำนัลสองคนเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆแทน

นางกำนัลทั้งสองพาเยี่ยนเหลียนหรงเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ก่อนที่พวกนางจะเดินออกไปข้างนอกไม่นานก็กลับมาพร้อมสำรับในมือ

"เชิญคุณหนูทานอาหารก่อนเถิดเจ้าค่ะ"

เยี่ยนเหลียนหรงมองไปยังสำรับที่มีอาหารมากมายหน้าตาน่ากินวางอยู่ข้างใน ฉับพลันท้องก็ส่งเสียงร้องโครกคราก เพราะตั้งแต่เมื่อเช้านางทานอาหารไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ทว่านางไม่ใช่คนเห็นแก่กิน

"เจ้านายของพวกเจ้าไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปใช่หรือไม่"

สิ้นคำถาม นางกำนัลทั้งสองคนหันมาสบตากันด้วยความตกใจ ก่อนที่จะรีบส่ายศีรษะไปมาพลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธยกใหญ่

"ท่านอ๋องไม่ทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ เหตุใดคุณหนูถึงถามเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ"

"ถามเผื่อไว้ก่อนน่ะ เจ้านายของพวกเจ้าน่ากลัวจะตายไป ใครจะไปรู้เขาอาจจะแกล้งวางยาพิษสังหารข้าก็ได้" เยี่ยนเหลียนหรงตอบ พลางลอบเบะปากเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ ยามนึกถึงหน้าบุรุษผู้นั้นคราใดก็รู้สึกหวาดกลัวระคนโมโหอยู่มาก เขาเห็นนางเป็นตัวอะไรกันนึกจะอุ้มไปไหนมาไหนก็ได้หรือ!

"ท่านอ๋องไม่ทำร้ายคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นคนพิเศษของท่านอ๋องนี่เจ้าคะ"

"คนพิเศษอะไรกัน ไม่ใช่เสียหน่อย พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ" เยี่ยนเหลียนหรงทำหน้าเหวอ กล่าวปฏิเสธเสียงดังจนลิ้นแทบจะพันกันอยู่รอมร่อ อะไรที่ทำให้พวกนางคิดเช่นนั้นกันนะ

"เหตุใดจะไม่ใช่ล่ะเจ้าคะ ท่านอ๋องไม่เคยพาสตรีใดมาที่ตำหนักจื่อเถา แต่คุณหนูเป็นคนแรกที่ท่านอ๋องพาเข้าวังหลวงนะเจ้าคะ"

เยี่ยนเหลียนหรงอยากจะหัวเราะออกมาดังๆให้ฟันร่วง การที่เขาไม่พาสตรีใดเข้าวังหลวงไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดนี่ นางกำนัลพวกนี้เป็นคนของหวางอ๋องล้วนต้องปกป้องเข้าข้างเจ้านายของตนอยู่แล้ว

"เอาเถิด ข้าคงเป็นสตรีที่โชคดียิ่งนักที่ถูกหวางอ๋องลักพาตัว เอ๊ย พาตัวมาที่ตำหนักจื่อเถาแห่งนี้"

นางกำนัลวัยกำดัดทั้งสองคนไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเยี่ยนเหลียนหรงประชดประชันอยู่ พวกนางต่างหันมาสบตากันพลางส่งยิ้มอย่างดีใจ

"ว่าแต่ว่าพวกเจ้าสองคนชื่ออะไรหรือ" เยี่ยนเหลียนหรงพยายามชวนคุย ผูกมิตรกันไว้ก็ดีเหมือนกันเผื่อมีเรื่องให้พวกนางช่วยเหลือจะได้ใช้ความสนิทสนมนี้ให้พวกนางยอมช่วย

"ข้าชื่อลู่จี ส่วนนางชื่อจิ้งซวนเจ้าค่ะ"

เยี่ยนเหลียนหรงผงกศีรษะรับ ดูเหมือนว่านางกำนัลสองคนนี้จะอายุอานามใกล้เคียงกับไป๋เฉียน ซึ่งอ่อนกว่านางราวสองปี

"คุณหนูทานอาหารเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน"

"แต่ข้ายังไม่หิว" หญิงสาวปฏิเสธ อันที่จริงน่ะนางหิวอยู่มาก แต่เป็นเพราะไม่ไว้ใจหวางอ๋องเท่าใดนัก

"คุณหนูทานสักหน่อยก็ยังดีเจ้าค่ะ เพราะถ้าหากคุณหนูไม่ทานพวกข้าสองคนต้องแย่แน่ๆ" ลี่จูเอ่ยเสียงเบา ดวงหน้าของนางถอดสีลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

"ทำไมล่ะ"

"หวางอ๋องทรงรับสั่งว่าหากพวกข้าทำให้คุณหนูทานอาหารไม่ได้ พวกข้าจะต้องโดนลงโทษเจ้าค่ะ" จิ้งซวนกล่าวเสียงสั่น หยดน้ำตาคลอในหน่วยตา คำตอบของพวกนางทำให้เยี่ยนเหลียนหรงอึ้งไปไม่น้อย หวางอ๋องสมกับเป็นตัวร้ายจริงๆ แค่นางไม่ยอมกินข้าว เขาถึงกับจะลงโทษคนอื่นเลยหรือ

ชั่วช้ายิ่งนัก!

"พวกเจ้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้ากินก็ได้ ว่าแต่ว่าไม่มียาพิษแน่นะ" เยี่ยนเหลียนหรงปลอบนางกำนัลวัยกำดัดทั้งสองคนที่พากันนั่งร้องไห้กระซิกๆ เมื่อจิ้งซวนกับลู่จีได้ยินเช่นนั้นพวกนางก็รีบปาดน้ำตาออก

"ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะคุณหนู พวกข้าเอาศีรษะเป็นประกันเลยเจ้าค่ะ"

เยี่ยนเหลียนหรงขานรับดังอืม นางจะยอมเชื่อใจคนของหวางอ๋องดูสักครั้งก็แล้วกัน

ณ ตำหนักซิงเจ่า

วรกายสูงในชุดสีดำสนิทก้าวเดินเข้ามาข้างใน สายตาคมเหลือบมองไปยังร่างบางของมารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักลวดลายจันทร์เสี้ยวแลดูงดงาม ดวงตาที่เคยดุดันอยู่เป็นนิตย์เปลี่ยนเป็นทอแสงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ไม้อีกตัวข้างกายของนาง

"ชางเอ๋อร์"

"เสด็จแม่" หวางจื่อชางอ้าแขนรับอ้อมกอดของมารดา ในขณะที่เฉียวยวี่ปินกอดบุตรชายไว้แน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ หลังจากที่หวางจื่อชางขอออกไปท่องเที่ยวในยุทธภพเมื่อปีก่อน นางก็ไม่ได้พบเจอเขาอีก จนกระทั่งตอนนี้ นางรู้มาว่าบุตรชายโดนบุตรสาวสกุลสวีหักอกมา ถึงแม้จะไม่รู้ถึงความเป็นไปเท่าใดนักว่าพวกเขาไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด ทว่าความรักครั้งนี้คงทำให้บุตรชายของนางปวดใจไม่น้อยถึงกับต้องหนีไปพักใจนานหลายเดือน

ทว่าอย่างน้อยก็ยังมีข่าวดี ก่อนที่หวางจื่อชางจะมาเข้าเฝ้านางที่ตำหนักซิงเจ่า มีนางกำนัลรับใช้ผู้หนึ่งมารายงานให้นางฟังว่าหวางจื่อชางแอบพาสตรีเข้าตำหนักจื่อเถา

หัวอกของคนเป็นแม่รู้สึกดีใจยิ่งนัก เดิมทีหวางจื่อชางไม่เคยพาผู้ใดเข้ามาถึงวังหลวง แม้จะเคยเที่ยวเล่นตามประสาบุรุษแต่ไม่เคยคิดจริงจังกับผู้ใด แม้คนเป็นแม่จะอยากให้บุตรชายแต่งงานสร้างครอบครัวเต็มที เพราะถึงวัยที่เหมาะสมแล้ว แต่เฉียวยวี่ปินรู้ดีว่านางไม่สามารถบังคับอันใดหวางจื่อชางได้ เพราะเขาเป็นคนหัวรั้นมากเหลือเกิน

"กลับมาหนนี้จะอยู่อีกนานหรือไม่" เฉียวกุ้ยเฟยคลายอ้อมแขนออกพลางทรุดกายลงนั่งข้างๆบุตรชาย มือบางกอบกุมมือหนาของเขาเอาไว้

"ลูกยังไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่" หวางจื่อชางตอบตามความจริง สิ่งที่ทำให้เขายอมกลับมาเมืองหลวงครานี้เป็นเพราะข่าวที่หลินเจิ้นหลานถูกบุตรสาวสกุลเยี่ยนหลอกจนตกน้ำ เขาตั้งใจกลับมาเพื่อสะสางปัญหาให้นาง หากเสร็จสิ้นธุระแล้วคงจะกลับไปท่องยุทธภพดังเดิม

คำตอบของหวางจื่อชางทำให้คนเป็นแม่ใจหาย หากเป็นอย่างนั้นคงไม่ดีแน่ จากไปครานี้ไม่รู้ว่าตอนไหนเขาจะกลับมา นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว คนเป็นแม่อย่างไรก็คงอยากให้ลูกอยู่ใกล้หูใกล้ตา อีกทั้งยังรู้ดีว่าหวางจื่อชางมีศัตรูมากมายที่คอยจ้องจะสังหาร ด้วยนิสัยกล้าแกร่งไม่เกรงกลัวผู้ใดของเขา ทำให้มีผู้คนมากมายที่อยากจะกำจัดเขาไปให้พ้นทาง

"อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรือ แม่ไม่อยากให้ลูกจากไปไหนแล้ว"

"ลูกอยากขอเวลาอีกหน่อย หากลูกทำใจเรื่องนั้นได้ ลูกจะกลับมาอยู่กับเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ" คำว่า 'เรื่องนั้น' ของเขาแน่นอนว่าไม่พ้นเป็นเรื่องของสวีอี้ฝาน สตรีที่เขาเคยรักที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินสกุลเปาไปเสียแล้ว

"อีกนานหรือไม่"

"ลูกยังไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ"

เฉียวยวี่ปินถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับสองสามหน

"เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วแม่คงห้ามอะไรเจ้าไม่ได้ มาถึงเหนื่อยๆจิบชาเสียหน่อยเถิด เมื่อวันก่อนมีเรือของพวกฝัวหรั่งจีมาเทียบท่า แม่จึงได้ชาชั้นดีมาอยากให้เจ้าลองชิมดู"

"พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่" หวางจื่อชางไม่ขัดใจคนเป็นแม่ เขายกจอกน้ำชาขึ้นจิบ แม้จะชอบดื่มสุรามากกว่า แต่ในเมื่อคนเป็นแม่ร้องขอเขาก็ต้องทำตาม โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้สายตาของคนเป็นแม่กำลังมองคนที่กำลังยกจอกชาขึ้นจิบด้วยความพึงพอใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel