บทที่ 2 ไม่อยากเป็นยาจก
หลังจากคิดว่าไม่อยากใช้ชีวิตเป็นยาจกในยุคโบราณที่แสนโหดร้าย เยี่ยนเหลียนหรงจึงสั่งให้ไป๋เฉียนช่วยปรนนิบัตินางอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เร่งรีบเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแทน
โรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนมีขนาดใหญ่ถึงห้าชั้น ตั้งอยู่ในย่านการค้าที่มีผู้คนพลุกพล่านไม่ว่าจะเป็นชาวแคว้นฮั่นเองหรือคนต่างถิ่น ทว่าเมื่อเดินเข้าโรงเตี๊ยมมาภายในกลับเงียบสงบ ไม่มีแม้กระทั่งลูกค้าที่มาใช้บริการแม้แต่คนเดียว ความหวาดกลัวว่าจะกลายเป็นยาจกของเยี่ยนเหลียนหรงเกาะกินเข้ามาในจิตใจ นางจึงเดินเข้าไปยังห้องชั้นในอันเป็นห้องสำหรับใช้ทำงานของท่านพ่อกับท่านพี่เยี่ยนหรงซาน
"หรงเอ๋อร์ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่เล่า เจ้าไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือ" เยี่ยนปิ่งซงมองบุตรสาวคนเล็กด้วยความตกใจ หลังจากที่นางเกิดอุบัติเหตุตกน้ำไปในวันนั้นก็สลบไสลไปเป็นวันๆ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็แทบจะจำใครไม่ได้ ดูเหมือนว่าความทรงจำบางส่วนของนางจะขาดหายไป หัวอกคนเป็นพ่อเมื่อเห็นบุตรสาวเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่สบายใจอย่างมาก เขาเฟ้นหายาดีมารักษานาง ไม่ว่าจะต้องเสียเงินเสียทองไปมากเท่าใดก็ยอม
"ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ" เยี่ยนเหลียนหรงตอบ สายตาแห่งความห่วงใยของคนเป็นพ่อทำให้นางสัมผัสได้จึงส่งยิ้มให้เขาบางๆเพื่อคลายความกังวล
"ข้าได้ยินมาว่าโรงเตี๊ยมของเราไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย เป็นเพราะเรื่องที่ข้ากลั่นแกล้งท่านหญิงเจิ้นหลานใช่หรือไม่เจ้าคะ"
เยี่ยนปิ่งซงและเยี่ยนหรงซานหันมาสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่ผู้เป็นพี่จะเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นมาแทน
"ไม่ใช่หรอก เจ้าอย่าได้คิดมากเลย"
หญิงสาวกลอกตามองบนเล็กน้อย ครอบครัวนี้เป็นอย่างไรกันนะ คงจะรักถนอมเจ้าของร่างนี้มากจนทำให้นางกลายเป็นคนนิสัยเสีย ยอมรับความจริงไม่ได้ แต่ไม่ใช่สำหรับหงอี้หยวนหรอก
"ท่านพี่จะโกหกข้าไปไย ในเมื่อก็เห็นๆอยู่ว่าไม่มีลูกค้าเลยสักคน" ตั้งแต่ตอนที่รถม้าแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม บรรดาผู้คนที่เห็นนางก็พากันยกมือป้องปากซุบซิบนินทา แม้จะไม่ได้ยินก็พอจะรู้ได้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นแน่
"ท่านพ่อกับข้ากำลังคิดหาวิธีแก้ไข สาเหตุที่ลูกค้าลดลงคงเป็นเพราะมีโรงเตี๊ยมเปิดใหม่มากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเราคงต้องได้ปิดกิจการ"
"ปิดกิจการ!? แล้วเราจะเอาเงินเอาทองที่ไหนใช้ล่ะเจ้าคะ" ถามเสียงสูง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
"หากใช้อย่างประหยัดๆหน่อยก็คงใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง"
โอยยยย.... อยากจะเป็นลม หากไม่ให้ข้าทะลุมิติมาเป็นนางเอก ก็ขอให้เกิดในตระกูลขุนนางร่ำรวยไม่ได้หรือ!
"ไม่เอาหรอก ข้าไม่ยอม ข้าจะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการโรงเตี๊ยมของเราให้ได้"
"หรงเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร" เยี่ยนปิ่งซงถามด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่เยี่ยนเหลียนหรงไม่ตอบ แต่กลับหันไปคว้าพู่กันจุ่มหมึกมาขีดเขียนลงไปบนแผ่นผ้าไหมตัวใหญ่ ก่อนจะสั่งให้ไป๋เฉียนนำมันไปติดที่หน้าร้าน
เพียงหนึ่งถ้วยชา โรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนที่เคยเงียบเหงาราวกับป่าช้ากลับมีลูกค้าแน่นขนัดจนเต็มร้าน อีกทั้งบริเวณหน้าร้านยังคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่พากันยื้อแย่งหมายจะเข้าไปข้างในให้ได้
"ทำแบบนี้จะดีแน่หรือเจ้าคะคุณหนู" ไป๋เฉียนถามด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันมาสบตากับเจ้านาย มุมปากบางของนางกระตุกยิ้ม มือบางยกขึ้นกอดอกมองผลงานของตนด้วยความภาคภูมิใจ
"ดีสิเปี๋ยนไฉ่วิธีนี้แหละที่จะทำให้โรงเตี๊ยมของเรากลับมามีลูกค้าได้"
"บ่าวชื่อไป๋เฉียนเจ้าค่ะคุณหนู ไม่ใช่เปี๋ยนไฉ่" หญิงสาวกล่าวพึมพำเสียงเบา ทว่าสายตาของเหยี่ยนเหลียนหรงกลับไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เพราะเอาแต่มองไปยังหน้าร้านอย่างมีความสุข
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ!" เยี่ยนปิ่งซงเดินออกมาจากข้างในร้าน เขามองฝูงชนที่แน่นขนัดทั้งภายในและภายนอกด้วยความแปลกใจ แต่ไม่นานเยี่ยนหรงซานก็เดินฝ่าฝูงชนกลับเข้ามาหา ในมือถือแผ่นผ้าไหมที่เยี่ยนเหลียนหรงเป็นผู้เขียนยื่นส่งให้คนเป็นพ่อ
"คืนแรกพักไม่ต้องเสียเงิน คืนที่สองพักต่อลดราคาครึ่งหนึ่ง นี่มันอะไรกันน่ะหรงเอ๋อร์"
"ท่านพ่อไม่มีแนวคิดการค้าเสียเลย หากอยากได้ลูกค้ากลับคืนก็ต้องลงทุนหน่อยสิเจ้าคะ"
"มันจะดีแน่หรือ ไม่ใช่ว่าเราจะเสียกำไรทิ้งเปล่าๆนะ" เยี่ยนหรงซานถามด้วยความไม่แน่ใจ วิธีนี้ไม่เคยเห็นผู้ใดทำมาก่อน
"ก็ต้องลองดูเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากข้าทำให้ลูกค้ากลับมาได้ ท่านพ่อกับท่านพี่อย่าลืมให้รางวัลข้าด้วยนะเจ้าคะ" หญิงสาวเปล่งเสียงหัวเราะร่า กล่าวจบก็เดินกรีดกรายกลับเข้าไปข้างใน
ยามซวี (19.00 - 20.59 น.) เวียนมาถึงแล้ว วันนี้ห้องพักของโรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนมีแขกเข้าพักเต็มทุกชั้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลูกจ้างของทางร้านมีไม่พอสำหรับจำนวนลูกค้า จึงทำให้สามคนพ่อลูกต้องช่วยกันดูแลลูกค้าต่อ แต่จะบอกว่าสามคนก็ไม่ถูกเท่าใดนัก ต้องบอกว่าสองคนจะถูกต้องกว่า เพราะมีเพียงแค่เยี่ยนปิ่งซงและเยี่ยนหรงซานเท่านั้นที่ทำงาน ส่วนหงอี้หยวนในร่างของเยี่ยนเหลียนหรงนั้นเอาแต่นอนเล่นตีพุงอยู่ในห้องทำงานอย่างเดียว
ตอนนี้ฟ้ามืดสนิท เยี่ยนปิ่งซงและเยี่ยนหรงซานคิดเห็นตรงกันว่าคงต้องพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้สักคืน ทางด้านเยี่ยนเหลียนหรงได้ยินเช่นนั้น นางจึงขอค้างอยู่ที่นี่ด้วย แรกเริ่มคนเป็นพ่อไม่เห็นด้วยนัก ทว่านางให้เหตุผลว่าไม่อยากกลับจวนสกุลเยี่ยนคนเดียว สุดท้ายเยี่ยนปิ่งซงขัดใจบุตรสาวไม่ได้จึงยอมให้นางพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมด้วย โดยไล่ให้นางขึ้นไปพักยังห้องชั้นบนที่เป็นห้องพักผ่อนในยามที่เขามาค้างที่โรงเตี๊ยม ส่วนเขาและบุตรชายคนโตจะนอนอยู่ที่ห้องทำงานแทน
ไป๋เฉียนเดินไปจุดตะเกียงให้เจ้านายสาว ในขณะที่เยี่ยนเหลียนหรงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง
"ข้ารู้สึกปวดขายิ่งนัก" นางใช้มือทุบไปที่ต้นขาของตนเบาๆ อันที่จริงนางไม่ได้ช่วยงานท่านพ่อเยี่ยนปิ่งซงกับท่านพี่เยี่ยนหรงซานเท่าใดนักหรอก มีเพียงแค่เดินไปเดินมาต้อนรับลูกค้าบ้างประปรายเท่านั้น
"ให้บ่าวนวดให้ดีหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋เฉียนเสนอตัว เมื่อเห็นเจ้านายผงกศีรษะรับจึงทรุดกายนั่งลงบีบนวดต้นขาให้นางอย่างเอาใจ
"ไป๋เฉียน ระหว่างข้ากับท่านหญิงเจิ้นหลานและคุณชายสวีชางหมิงเป็นอย่างไรหรือ" แม้จะพอรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสามคร่าวๆมาบ้างแล้ว แต่นางก็อยากได้ยินจากปากของไป๋เฉียนมากกว่า เพราะไป๋เฉียนคือคนที่อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างนี้อย่างแท้จริง
ไป๋เฉียนได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ สีหน้าของนางดูเหนื่อยหน่ายใจกับเรื่องนี้อย่างมาก แท้จริงนางก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เยี่ยนเหลียนหรงทำเท่าใดนัก หากแต่ห้ามไม่ได้เท่านั้นเอง
"คุณหนูกับท่านหญิงเจิ้นหลานเป็นสหายกันตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งได้มีโอกาสรู้จักกับคุณชายสวีชางหมิงโดยบังเอิญ คุณหนูตกหลุมรักคุณชายตั้งแต่แรกพบ ทว่าคุณชายกับท่านหญิงเจิ้นหลานมีใจให้กัน คุณหนูพยายามขัดขวาง อีกทั้งยังกลั่นแกล้งท่านหญิงเจิ้นหลานอยู่หลายครั้ง ทุกคนต่างบอกว่าคุณหนูอิจฉาท่านหญิง ยิ่งเห็นทุกคนปกป้องท่านหญิง คุณหนูก็ยิ่งไม่พอใจเจ้าค่ะ"
"แล้วท่านหญิงเจิ้นหลานไม่ทำอะไรเลยหรือ นางเป็นถึงท่านหญิงนะ ส่วนข้าเป็นเพียงบุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นขุนนางยศใหญ่โตเสียหน่อย"
ไป๋เฉียนส่ายศีรษะไปมาเป็นเชิงปฏิเสธยิ่งทำให้คนมองแปลกใจอย่างมาก
"คุณหนูเคยช่วยชีวิตท่านหญิงเจิ้นหลานเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ท่านหญิงรักคุณหนูมาก แม้คุณหนูจะรังแกนาง หากแต่ท่านหญิงไม่เคยเอาเรื่องเลยสักหนหนึ่ง อีกทั้งยังปกป้องคุณหนูจากคำครหาของชาวเมืองด้วยเจ้าค่ะ"
เยี่ยนเหลียนหรงรู้สึกอึ้งไม่น้อย ทั้งๆที่ท่านหญิงเจิ้นหลานดีกับนางขนาดนี้ แต่เจ้าของร่างนี้ยังกล้าคิดร้ายด้วย กล้าหักหลังสหายตนเพราะบุรุษคนเดียว
'เยี่ยนเหลียนหรงเจ้ามันโง่จริงๆ!' นางเบ้ปากเข้าหากันพลางถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เห็นทีว่าหากต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลและชื่อเสียงของตนจากการที่เจ้าของร่างทำไว้เละเทะไม่เป็นท่า นางต้องรีบหาทางสมานรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยนเหลียนหรงกับท่านหญิงเจิ้นหลานโดยเร็ว
"ไป๋เฉียนเจ้าออกไปนอนเถิด ข้าง่วงแล้ว" หญิงสาวดึงขากลับพลางเอ่ยปากไล่สาวใช้คนสนิท ไป๋เฉียนรับคำอย่างงุนงง ทว่ายอมเดินออกไปแต่โดยดี นับตั้งแต่วันที่เจ้านายสาวฟื้นขึ้นมา นางก็ไม่ให้ไป๋เฉียนนอนเฝ้าอีกเลย
คล้อยหลังจากที่ประตูปิดลง แสงตะเกียงในห้องถูกดับลงไปแล้วเช่นกัน จู่ๆก็มีสายลมแรงพัดม่านบางจนปลิวไสว ก่อนที่เยี่ยนเหลียนหรงจะได้ยินเสียงดังตุ้บ! พร้อมเห็นเงาร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอนของนาง!
