บทที่ 2 พี่ชายของภรรยา
แม้อี้เจียหนานวุ่นวายกับการทะเลาะเบาะแว้งกับขุนพลเสิ่นอยู่ทุกวันแต่ก็ยังพยายามแวะเวียนไปดูอาการของเหยาโม่หลิน เพื่อมิให้อู๋ชวินจับผิดเขาได้ว่าสนใจในตัวว่าที่ทหารใหม่ ขุนพลอี้จึงแสร้งไปขอยาสมานแผลสูตรใหม่มาพกเอาไว้ยามออกภาคสนาม
“ข้านึกว่าท่านขุนพลอยากจะมาดูเหล่าเหยาเสียอีก”
“ที่ไหนกัน? เขาอยู่ในมือของท่าน อีกไม่นานก็คงจะหายดี ข้าไม่ได้ห่วงเลยสักนิด เพียงแต่พรุ่งนี้ต้องเข้าไปฝึกในป่าท่านมียาสมานแผลสักตลับพอให้ข้าพกหรือไม่?”
อู๋ชวินยิ้มเย้าๆ ก่อนจะยื่นเอาตลับไม้อันเล็กๆ ให้กับขุนพลหนุ่ม
“ไม่เพียงแต่ทาแผลสดและแผลเปื่อยได้เท่านั้น หากแต่ยังช่วยทาบรรเทาพิษจากสัตว์ร้ายได้ด้วย ข้าใส่ส่วนผสมเพิ่มไปหลายอย่างทั้งการบูร ว่านหางจระเข้ ใบสะระแหน่และขิง”
“ดีจริง ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีอีกตลับหรือไม่? ข้าจะเอาไปฝากนายกองคนอื่นๆ ด้วย”
ปากของขุนพลหนุ่มพูดกับท่านหมอแต่สายตากลับวนเวียนไปยังคนที่นอนหลับอยู่ที่แท่นคนป่วย ผ่านไปอีกสองวันร่างกายของเหยาโม่หลินก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วด้วยยาสมานแผลสูตรพิเศษและยาบำรุงชั้นดีที่ท่านหมออู๋ปรุงให้
“ขุนพลอี้ เจ้าเอาแต่อ้างว่าฝึกทหารหนักไม่มีเวลาไปเยือนจวนข้าสักหน ทำเช่นนี้จะให้น้องสาวข้าคิดเช่นใด? นี่ข้าชักสงสัยแล้วว่าเจ้าซ่อนชู้รักเอาไว้ที่จวนหรือไม่ก็ในหน่วยที่แปดนี่”
“เลอะเทอะ! คนอย่างข้าเปิดเผยตรงไปตรงมา ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้อยากหมั้นหมายกับเสิ่นรุ่ยซิน แต่คนบ้านเจ้าก็ไม่ฟัง ดึงดันจะให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าไปสู่ขอให้ได้ แล้วอย่างไร? ข้าไม่เต็มใจ ข้าไม่ไปหานางเด็ดขาด!”
“อี้เจียหนาน! นี่เจ้ายั่วโทสะข้าอีกแล้วนะ”
เสียงด่าทอของสองขุนพลดังขึ้นที่ลานกว้างระหว่างที่ตั้งค่ายชั่วคราวของหน่วยทั้งสอง ทหารสังกัดทั้งสองฝ่ายต่างพากันส่ายหน้า
....เรื่องเดิมๆ ของคู่นี้ อีกไม่นานก็ต่อยตีกัน...
ร่างบึกบึนล่ำสันของขุนพลทั้งสองปรี่เข้าหากัน ในมือของอี้เจียหนานมีทวนเหล็กอันใหญ่ ส่วนขุนพลเสิ่นก็มีกระบองเหล็กที่ทหารทั่วไปไม่อาจจะยกขึ้นอยู่ในมือทั้งสองข้าง
ทหารทั้งหลายต่างพากันเข้ามารุมล้อมอยู่ห่างเพราะรู้ว่าขุนพลเสิ่นขี้โมโหจะต้องบุกเข้าไปฟาดกระบองเหล็กใส่ขุนพลอี้เป็นแน่
“ขุนพลทั้งสองประลองกำลังกันหรือ?” เหยาโม่หลินในชุดพลทหารเดินมาร่วมมุงอยู่ข้างหลัง
วันนี้นักฆ่าหนุ่มเดินเหินได้เป็นปกติ เดิมทีตอนที่เขารับแส้ทัณฑ์นรกจากสำนักนักฆ่าก็ได้กินยาประคองชีพจากท่านอาจารย์ซึ่งสามารถฟื้นร่างกายได้ภายในสิบวัน แต่เมื่อมาพบกับอู๋ชวินหมอทหารผู้เก่งกาจก็ยิ่งเป็นผลดี
“นี่เจ้าเพิ่งมาใหม่ล่ะสิ? ขุนพลเสิ่นเป็นคนขี้โมโหมักจะมาหาเรื่องขุนพลอี้เป็นประจำอยู่แล้ว นี่นับเป็นเรื่องปกติ”
“เหตุใดขุนพลเสิ่นต้องมาหาเรื่องด้วยเล่า?”
“เจ้าไม่รู้อะไร? ขุนพลอี้ถูกบังคับให้หมั้นกับน้องสาวของขุนพลเสิ่น แต่ไม่ยอมหาแต่งงานเสียที และไม่ยอมไปหานางด้วย ขุนพลเสิ่นก็เลยโมโหน่ะสิ”
“อ้อ! นับเป็นหนี้รักที่น่ากลัวอยู่เชียว”
เหยาโม่หลินมองบุรุษร่างกำยำล่ำสันสองคนต่อสู้กันด้วยความสนใจ ฝีมือของอี้เจียหนานนับว่าโดดเด่นสมคำร่ำลือ วิชาทวนของสกุลอี้ถูกถ่ายทอดมาหลายรุ่นและคนสกุลอี้ก็นับเป็นตระกูลทหารที่ได้รับการยกย่อง
“ขุนพลอี้เจ้าของกระบองพิฆาตก็มิได้ด้อยไปกว่าท่านขุนพลอี้ของเราหรอกนะ เจ้าคอยจับตาดูให้ดีก็แล้วกัน”
“พวกเขาต่อสู้กันบ่อยหรือ?”
“เท่าที่ข้ามาประจำการอยู่หน่วยนี้ ทุกครั้งที่หน่วยที่เจ็ดอ้างว่าจะมาฝึกร่วม ท่านขุนพลทั้งสองก็จะต่อสู้กันทุกที ฮ่าๆ”
“สุดท้ายผู้ใดชนะ?”
“พวกเขาผลัดกันแพ้ผลัดชนะตลอดนั่นล่ะ ดูเหมือนฝีมือขุนพลทั้งสองจะพอๆ กัน”
บ่ายวันนั้นเสิ่นหาวถูกหามเข้ากระโจมรักษาเพราะพลาดท่าถูกทวนเหล็กของอี้เจียหนานฟาดเข้าที่หน้าแข้ง ปากของขุนพลขี้โมโหสบถด่าทออี้เจียหนานเสียไม่มีชิ้นดี
“คนบัดซบ! มันกล้าใช้เล่ห์กับข้า!”
ใบหน้าของท่านหมออู๋มองไปยังขุนพลร่างใหญ่พร้อมกับส่ายหน้า
“ท่านหุบปากได้แล้ว ขุนพลเสิ่น นี่มันกระโจมรักษาของข้า ท่านไม่เห็นหรือว่ามีทหารบาดเจ็บอยู่เต็มไปหมด เสียงดังรบกวนผู้อื่นอยู่ได้”
เสิ่นหาวเห็นใบหน้าคมคายนิ่งขรึมของอู๋ชวินกำลังแสดงความโกรธก็หุบปากลงทันที ครั้งก่อนที่เขาได้รับบาดเจ็บแล้วร้องโวยวาย ท่านหมออู๋ตัวแสบเอายาสิ้นเสียงให้เขากินจนต้องอยู่ในความสงบไปสองวัน
อู๋ชวินก้มลงมองหน้าแข้งที่มีรอยคมปลายทวนกระแทกจนขึ้นเขียวแล้วก็หัวเราะเบาๆ
“ท่านแพ้แล้วก็หัดยอมรับเสียบ้าง”
ขุนพลเสิ่นหน้าตึง “เจ้าไม่ต้องอวยหัวหน้าตนเองให้มากนักหรอก ครั้งก่อนข้าชนะมันนะ”
“คราวก่อนท่านชนะแต่ก็บาดเจ็บมาให้ข้ารักษา ครั้งนี้ท่านแพ้ก็ยังมาให้ข้ารักษาอีก ข้าว่าท่านก็เท่ากับแพ้ทั้งสองครั้งนั้นล่ะ”
“หึ! แพ้แค่ครั้งนี้ เจ้าอย่ามากลับดำเป็นขาวหน่อยเลย”
อูชวินมองคนขี้โวยวายแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะบิดผ้าในอ่างไม้เล็กๆ ชุบน้ำเช็ดแผลให้ขุนพลหนุ่มแรงๆ จนเขาร้องลั่น
“นี่! หมออู๋ เจ้าทำแผลเบาๆ หน่อยไม่เป็นหรือไร? มือหนักเยี่ยงนี้ตกลงจะรักษาหรือว่าจะฆ่าข้ากันแน่”
อู๋ชวินตวัดสายตาคมขึ้นมองขุนพลเสิ่นอย่างไม่คร้ามเกรง
“แล้วท่านจะให้ข้ารักษาหรืออยากให้ฆ่าเล่า?”
เท่านั้นเอง....เสิ่นหาวจำต้องหุบปากฉับลง การศึกครั้งก่อนได้ยินว่าอู๋ชวินให้ยาพิษกับอี้เจียหนานไปใช้ จนทำให้โจรป่าชุมใหญ่ถึงกับแตกพ่ายโดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อทหารแม้สักคน
อี้เจียหนานเรือนร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ใบหน้าคมเข้มผิวคร้ามแดดเพราะฝึกทหารกลางแจ้งอยู่เนืองๆ เหยาโม่หลินที่ได้เห็นเขาใกล้ๆ ก็รู้สึกชื่นชมอยู่ในใจว่าขุนพลผู้นี้ดูหล่อเหลาไม่เบา
“เจ้ายังต้องพักอยู่กระโจมรักษาต่อไปอีกสักระยะเพื่อให้ท่านหมออู๋ดูอาการ ไม่รู้ว่าบาดแผลของเจ้าจะกระทบกับร่างกายภายในหรือไม่?”
“ท่านขุนพลไม่ต้องห่วง ร่างกายของข้ายามนี้แข็งแรงดีแล้วขอรับ”
“เจ้าไปถูกผู้ใดทำร้ายมาหรือ? เหตุใดเขาจึงโหดร้ายเช่นนั้น?”
“ข้าน้อยเคยเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนของคหบดีผู้หนึ่ง แต่เพราะหัวหน้าคนรับใช้ไม่ค่อยถูกชะตากับข้าจึงได้คอยกลั่นแกล้งข้า”
ขุนพลอี้มองหน้าและผิวพรรณที่ดูดีเกินจะเป็นบ่าวรับใช้ของเหยาโม่หลินอย่างคลางแคลงใจ
“เจ้ารูปร่างหน้าตาเช่นนี้ มิใช่ว่าไปมีหนี้รักกับผู้ใดเข้า”
“ท่านขุนพลตาแหลมคมยิ่ง” ใบหน้าและแววตาของเหยาโม่หลินอึมครึมลง “ความจริงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของข้านี่ล่ะขอรับที่ทำให้ข้าต้องลำบาก คุณชายโปรดปรานข้ายิ่งนัก ทำให้หัวหน้าคนรับใช้เกลียดชังข้า” เล่าเพียงเท่านั้นเสียงของเหยาโม่หลินก็หายไป
อี้เจียหนานสะอึกเล็กน้อย ตอนที่เขาเห็นรูปร่างหน้าตาของเหยาโม่หลินก็ยังรู้สึกว่าคนผู้นี้รูปงามนัก ยิ่งยามสยายผมยาวก็ยิ่งดูเหมือนอิสตรี
“แล้วอย่างไรต่อ?”
“คนผู้นั้นเคยเป็นคนโปรดของคุณชาย เมื่อเห็นว่าคุณชายพยายามจะให้ข้าเป็นบ่าวอุ่นเตียงจึงได้หาทางกำจัดข้า แต่พอข้าลาออกมาจริงๆ กลับส่งคนมาทำร้ายข้าขอรับ”
อี้เจียหนานยิ่งดูสภาพของเหยาโม่หลินก็ยิ่งเวทนา เขาโบกมือให้คน รูปงามเบาๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่การที่เจ้าคิดจะอยู่เป็นทหารรับใช้ข้าในหน่วยก็มิใช่เรื่องสบายหรอกนะ คนบอบบางอ่อนแอ้นอย่างเจ้าจะฝึกทหารไหวหรือ?”
“ไหวสิขอรับ ข้าได้ยินว่าท่านขุนพลมีเมตตาและยุติธรรม ข้าคงไม่ต้องถูกคนทำร้ายอีก ข้าตั้งใจฝึกทหารและรับใช้ท่านอย่างดีที่สุดขอรับ”
*********************
