สยบข่าวลือ 1.1
สยบข่าวลือ
“ก่อเรื่องก่อราวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ข้าจะจัดการเจ้าอย่างไรดีนะ”
คุณชายเจ็ดเปิดฉากสั่งสอนน้องชายตัวเองทันที หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเจ้าบ้าน ท่าทีอ่อนแรงราวกับจะเป็นลมล้มพับไปเมื่อก่อนหน้า สลายหายไปตั้งแต่ที่ปลายเท้าเรียวเหยียบย่างกลับเข้ามาถึงอาณาเขตคฤหาสน์ของตน
“พี่เจ็ด ข้า…”
“เก็บน้ำตาอันจอมปลอมของเจ้าไปเดี๋ยวนี้นะ ลุกขึ้นมานั่งดี ๆ ด้วย”
หนิงฉีที่ตั้งใจใช้น้ำตาและความน่าสงสาร มาต่อรองขอลดหย่อนโทษความผิด เป็นอันต้องพับแผนการทิ้งไป เมื่อเห็นว่ามันใช้กับพี่ชายตัวเองไม่ได้ เด็กชายจึงได้แต่ย้ายมานั่งบนเก้าอี้ อย่างที่ควรจะนั่งลงตั้งแต่แรก
“พี่เจ็ดอย่าเพิ่งโมโห เรื่องที่ข้าทำลงไป มีเหตุผลขอรับ”
“เหตุผลอันใดของเจ้า มันมากพอถึงกับต้องผลักคนเขาตกน้ำเลย¬หรือ หากเด็กคนนั้นเป็นอะไรขึ้นมา เจ้ารู้หรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น” หนิงเยี่ยนสั่งสอนน้องชายด้วยท่าทีจริงจัง อย่างที่ไม่ค่อยจะเห็นได้บ่อยนัก
“ต้าหลางผู้นั้นนิสัยไม่ดี เขารังแกพี่เมิ่งอัน แล้วยังดูถูกคนที่เป็นเกอเช่นท่านแม่และพี่เจ็ด ข้าทนฟังไม่ได้ ถึงได้แอบขว้างหินใส่ข้อพับขาเขา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาตกน้ำ แต่ใครจะรู้ว่า หินของข้าจะสามารถทำให้เขาเสียหลักตกลงไปในแม่น้ำได้” หนิงฉีบอกเหตุผล
“หลังจากต้าหลางตกลงไปในน้ำ คุณชายก็ตะโกนเรียกคนแถวนั้นให้มาช่วยเหลือทันทีขอรับ” อู๋ฮวนช่วยยืนยันอีกเสียง
“เจ้านี่จริง ๆ เลย คราวหลังห้ามใจร้อนอีก รู้หรือไม่”
หนิงเยี่ยนเมื่อได้ฟังเหตุผลของหนิงฉี ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะสั่งสอนน้องชายอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่าน้องชายของเขาผู้นี้ จะมีอารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษ ยามได้ยินคนเอ่ยวาจาดูถูกคนที่มีเพศรองเป็นเกอ ซึ่งตัวหนิงเยี่ยน เองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่ทำให้หนิงฉีเป็นเช่นนี้ด้วย
“ข้าจะพยายามใจเย็นให้มากกว่านี้ขอรับ”
“แต่ถึงเจ้าจะยอมรับผิดแล้ว เรื่องลงโทษก็ยังสมควรต้องลงโทษอยู่ดี เอาเป็นว่า ต่อไปเจ้างดกินมื้อเช้าร่วมกับข้า สาม วันก็แล้วกัน”
“สามวันเลยหรือขอรับ” หนิงหน้าเสีย ย้อนถามกลับอย่างเจ็บปวด
“ใช่ ทำไม เจ้าไม่พอใจหรือ”
“พอใจแล้วก็ได้ขอรับ” หนิงฉีเห็นสายตายามที่พี่ชายมองมา ก็กลัวว่าหากตนแสดงออกว่าไม่พอใจ โทษสามวันที่ได้รับ อาจเพิ่มมากขึ้น เด็กชายจึงทำได้เพียงตอบรับคำออกมาเสียงอ่อย
“ข้าไม่มีธุระอะไรจะคุยกับเจ้าแล้ว วันนี้เหนื่อยจะแย่ คงต้องขอกลับเรือนไปพักผ่อนก่อน เจ้าเองมีอะไรอยากทำก็ไปทำเสีย” เมื่อกล่าวจบ ร่างผอมบางก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจากไป
“พี่เจ็ด อย่าเพิ่งไปขอรับ”
“มีอะไรอีกงั้นหรือ”
“เรื่องที่เกิดขึ้น ข้านึกไม่ถึงว่าพี่เจ็ดจะลงมาจัดการให้ข้าด้วยตัวเอง ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ๆ เลยขอรับ” ตั้งแต่มารดาจากไป เขาก็เหลือแต่เพียงพี่ชายอย่างหนิงเยี่ยนเท่านั้นที่คอยปกป้อง
“ก็เจ้าเป็นน้องชายของข้านี่”
หลังเดินออกมาไกลจากเรือนส่วนหน้ามากพอแล้ว โจวจื่อรั่วจึงได้หันไปเอ่ยถามเจ้านายที่เดินอยู่ข้างกัน
“คุณชายไม่ได้ตั้งใจจะออกไป เพื่อช่วยเหลือคุณชายสิบสามเพียง¬อย่างเดียว ใช่หรือไม่ขอรับ”
ได้ยินคำถามเช่นนั้น หนิงเยี่ยนจึงส่งสายตาให้บ่าวรับใช้คนสนิทอย่างที่รู้กันเพียงแค่สองคนเป็นคำตอบให้กับคำถามที่อีกฝ่ายได้ถามออกมา
โจวจื่อรั่วช่างสมกับเป็นคนสนิทที่รู้ใจเขาเป็นอย่างดีจริง ๆ การที่เขายอมออกหน้าไปปรากฏตัวให้ชาวบ้านได้เห็นในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าเขามองเห็นถึงผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับกลับคืนมา ซึ่งก็คือ หนึ่ง เขาสามารถช่วยเหลือน้องชายได้ และสอง ภาพจำตัวตนอันอ่อนแอและแสนดีงามของเขา จะยิ่งสลักลึกอยู่ภายในใจของชาวบ้านมากขึ้น อย่างที่เขาต้องการให้เป็นพอดี
วันต่อมา
มารดาของเด็กชายที่หนิงฉีช่วยเหลือเอาไว้ ก็ได้พาบุตรชายมากล่าวขอบคุณถึงที่บ้าน ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเมื่อวานหลังจากกลับถึงบ้าน เมิ่งอันได้เปิดปากเล่าให้คนในครอบครัวฟังว่า นอกจากหนิงฉีจะช่วยปกป้องตนจากคำกล่าวไม่ดีของต้าหลางแล้ว หนิงฉียังช่วยไม่ให้ตัวเขาถูกญาติผู้น้องนิสัยไม่ดี ดึงตามตกลงไปในแม่น้ำด้วยอีกคน
