บท
ตั้งค่า

สยบข่าวลือ 1.2

ชาวบ้านในหมู่บ้านหยู่เปิง ส่วนใหญ่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรแต่¬เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ ครอบครัวของเมิ่งอัน จึงยอมกัดฟันเก็บไข่¬ไก่สด ๆ หนึ่งตะกร้า มามอบให้สองแม่ลูกแซ่หนิงเป็นการขอบคุณ หนิง¬เยี่ยนไม่อาจปฏิเสธให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ จึงยินยอมรับไข่ตะกร้านี้เอาไว้ และเพราะเมื่อวานเมิ่งอันได้เอ่ยเป็นพยานให้น้องชายของเขาด้วยเช่นกัน เขาจึงได้มอบขนมหนวดมังกร ที่แม่ครัวที่ทำเองกว่าหลายชั่งกลับไปให้ โดยบอกให้มารดาของเมิ่งอันนำไปแบ่งแก่ชาวบ้าน ที่ยืนหยัดช่วยเหลือหนิงฉีในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วย

หลังจากหลาย ๆ บ้านได้รับของกำนัลแสนอร่อยไปลองชิม ชาวบ้านจึงมีความประทับใจสองแม่ลูกแซ่หนิงมากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

แต่เมื่อมีคนรัก ย่อมต้องมีคนชังเป็นธรรมดา หลายคนที่ไม่ได้รับผลประโยชน์อันใดในเรื่องนี้ ต่างพากันเอาไปกล่าวว่า ดู ๆ แล้ว เกอคนงาม แม้จะถูกสามีหย่าขาด แต่ก็ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ร่ำรวยด้วยเงินทอง ไม่¬ต้องลำบากลำบนหาเช้ากินค่ำเช่นพวกตน ดูอย่างบุตรชายของเกอผู้นั้นสิ เนื้อตัวขาวอวบอ้วนกลมน่ารัก เด็กในหมู่บ้านคนใดที่สามารถเทียบเขาได้บ้าง ในเรือนของพวกเขาแม่ลูก ยังมีบ่าวรับใช้ที่สามารถเรียกใช้สอยได้ตามใจ ชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนสบายเช่นนี้ มีอันใดให้น่าสงสารกัน

หลังจากเลิกเรียน หนิงฉีที่มักจะเดินเตร็ดเตร่อวดความน่ารักสัก¬รอบก่อนกลับ ดันไปได้ยินคำนินทาที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันเข้า¬พอดี

“ที่พวกท่านเอ่ยมานั้นผิดแล้ว”

เด็กชายตัวน้อยเดินเข้าไปนั่งร่วมกลุ่มสนทนากับพวกเขาเหล่านั้นด้วยท่าทางสนิทสนม แม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม

“ผิดหรือ แต่ที่ข้าได้ยินมาเป็นเช่นนี้จริง ๆ ใคร ๆ เขาก็…อะไรของเจ้า มาดึงแขนเสื้อข้าทำไม” สตรีนางหนึ่งยืนยันอย่างมั่นใจในสิ่งที่นางฟังมา ก่อนจะถูกคนข้าง ๆ สะกิดจนต้องหยุดกล่าว

“เด็กที่เอ่ยมาเมื่อกี้น่ะ เป็นบุตรชายของเกอผู้นั้น”

สตรีอีกนางที่อยู่ข้างกันรีบกระซิบบอก แม้จะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาเพียงใด แต่เมื่อทุกคนกำลังเงียบเสียง คำเอ่ยนี้จึงได้ยินกันถ้วนหน้า

“ข้าชื่อหนิงฉีขอรับ” เด็กชายแนะนำตัวกับทุกคนด้วยท่าทางเป็นมิตร

“อา ที่แท้ก็หนิงฉีนี่เอง”

บุตรชายของคนที่เขานินทา ดันมาได้ยินในสิ่งที่พวกเขาเอ่ยทั้งหมด เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกกระดากอายไม่น้อย หลายคนจึงตั้งท่าจะลุกขึ้นเพื่อแยกย้าย

“ท่านลุง ท่านป้า ท่านน้า ท่านอา ทั้งหลาย อย่าเพิ่งไปสิขอรับ เรื่องที่ท่านสนทนากันเมื่อครู่น่ะ ไม่ถูกต้องเลยสักนิด พวกท่านพอจะมีเวลาว่างสักหนึ่งเค่อหรือไม่ เชิญนั่งลงก่อนสิขอรับ ข้าจะถือโอกาสเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของพวกข้าสองแม่ลูกให้พวกท่านฟังเอง คราวหลังจะได้ไม่เข้าใจพวกข้ากันผิด ๆ อีก”

หนิงฉีไม่ยอมให้กลุ่มคนตรงหน้าจากไปโดยง่าย นอกจากจะเอ่ยรั้งพวกเขาเอาไว้แล้ว เด็กชายยังหยิบถุงเมล็ดแตงคั่วรสชาติต่าง ๆ ที่ซ่อนไว้ออกมา ก่อนจะแจกจ่ายให้พวกเขาได้ทานเล่นระหว่างที่นั่งฟังไปด้วย

“เช่นนั้นเจ้าก็เล่าเถอะ”

“หลังจากที่ท่านแม่ถูกท่านพ่อหย่าขาด ท่านแม่ ข้า และพี่จื่อรั้ว ที่เป็นบ่าวรับใช้ ที่ติดตามท่านแม่มาจากบ้านเดิมก็ถูกไล่ออกมา แต่เดิมนั้นยังมีร้านค้าสินเดิมของท่านแม่ ที่คิดว่าพอออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว พวกเราที่ถูกไล่มาตัวเปล่า จะสามารถใช้ร้านค้าแห่งนี้เลี้ยงตัวเองต่อไปได้ในอนาคต แต่แม่ใหญ่คงทนเห็นพวกเราแม่ลูกได้ดีมีความสุขไม่ได้ นางจึงส่งอันธพาลมาก่อกวน และยังเอ่ยวาจาแทะโลมท่านแม่ข้าที่ร้านทุกวัน ท่านแม่ทนอับอายไม่ไหว พวกเราจึงต้องขายร้านค้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของท่านแม่ออกไป เพื่อเป็นการตัดปัญหาทั้งหมด”

“บีบคั้นกันเกินไปหรือไม่ หย่าก็หย่าแล้ว คนก็ไล่ออกมาแล้ว เหตุ¬ใดถึงยังได้ระรานกันไม่เลิกอีก” หญิงชราคนหนึ่งถึงกับทนไม่ไหว เขวี้ยงเปลือกเมล็ดแตงในมือทิ้ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห

“พวกท่านอาจคิดว่าพอขายร้านแล้วเรื่องราวทุกอย่างจะจบ ใช่¬หรือไม่”

“อย่าบอกนะว่ายังมีต่อ”

หนิงฉีพยักหน้าช้า ๆ หน้าเป็นคำตอบ “เรื่องราวไม่ได้จบลงง่ายดายอย่างที่พวกท่านคิดหรอกขอรับ”

สีหน้าของเด็กชาย ในตอนนี้หมองลง จนทุกคนที่นั่งฟังอยู่อดที่จะรู้สึกเศร้าตามมิได้

“ร้านค้าของพวกเราถูกบังคับกดราคาเสียต่ำ จนต้องขายออกไปอย่างขาดทุนขอรับ”

“ชีวิตของพวกเจ้าที่ผ่านมานั้นไม่ง่ายเลย” หนึ่งในกลุ่มคนกล่าวออกมาอย่างรู้สึกเห็นใจ

“แล้วหลังจากนั้นเล่า เป็นอย่างไรต่อ”

“หลังจากที่ได้เงินมา พวกเราตั้งใจมองหาบ้านเช่าหลังเล็กที่ราคาไม่แพงนักเพื่ออยู่อาศัยขอรับ และระหว่างที่พวกเรากำลังมองหาที่อยู่ใหม่นั้น พวกข้าก็ได้พบกับอู๋เจี๋ยและอู๋ฮวน ที่ในตอนนั้นต้องการจะขายตัวเองเพื่อหาเงินไปซื้อโลงศพให้แก่บิดาแม่ ข้าสงสารจึงได้ให้เงินพวกเขาไป โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาขายตัวเองเป็นการทดแทน แต่สองคนนั้นกลับเป็นคนที่รู้คุณคนยิ่งนัก เพราะหลังจากจัดการฝังศพบิดาจนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มาคุกเข่าขอติดตามพวกเรา ท่านแม่ของข้าไล่เท่าไร พวกเขาก็ไม่-ยินยอมจากไป จนสุดท้ายท่านแม่ใจอ่อน จึงยินยอมรับทั้งสองคนเอาไว้”

“ช่างน่าเวทนานัก”

“แต่ว่าข้า…” อู๋ฮวนที่ตั้งใจจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ถูกหนิงฉีใช้ท่าทางห้ามเอาไว้ เขาจึงหยุดคำเอ่ยของตนเอาไว้เพียงแค่นั้น ไม่ได้เอ่ยต่อออกมาจนจบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel