การแสดงเปิดตัวคนงามผู้อ่อนแอ 1.2
เด็กชายที่ถูกคนรอบข้างมองมาด้วยสายตาสงสัยหลังกลับคำ เริ่มไม่อยากยืนเป็นเป้าสายตาผู้อื่นอีกต่อไป เขาจึงพยายามขอร้องมารดาให้พากลับบ้าน
“จะได้อย่างไรกัน นี่เห็นหรือยังว่า บุตรชายของข้าเจ็บแผลจนทนไม่ไหวแล้ว ถ้าอยากให้เรื่องนี้จบ ก็จ่ายค่ารักษามาให้ข้าเสียดี ๆ” เมิ่งซื่อกล่าวออกมาอย่างหน้าไม่อาย
หนิงเยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาแทบจะในทันที ขณะเดียวกันนั้น ดวงตาคู่งามพลันเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วย
ภาพเกอคนงามในสภาพถูกบีบคั้น สร้างความรู้สึกสงสารจับใจให้แก่ผู้คนโดยรอบเป็นอย่างยิ่ง
มีเพียงแต่เมิ่งซื่อคนเดียวเท่านั้น ที่เห็นภาพนี้แล้วยิ่งโมโห บีบน้ำตาเก่งทั้งคนแม่คนลูกเช่นนี้ ชาวบ้านคนอื่นจะมองนางด้วยสีหน้าดี ๆ ได้อย่างไรกัน
“พี่สะใภ้ ในเมื่อลูกท่านเองยังไม่แน่ใจ ท่านกล่าวหาบุตรชายข้าได้¬อย่างไร ทั้งยังขูดรีดค่ารักษาเอากับข้าเช่นนี้ โหดร้ายเกินไปหรือไม่”
เมื่อเอ่ยประโยคถัดมาจบ น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่รอบดวงตาก็ค่อย ๆ ไหลรินลงมาช้า ๆ หนิงเยี่ยนกลัวว่าเรื่องราวจะยังใหญ่โตไม่พอ จึงได้ยกมือขึ้นกุมอกตนด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะซวนเซไปด้านหลังเล็กน้อยจน¬เกือบจะล้มลง
โจจื่อรั่วที่รอจังหวะอยู่แล้วไม่รอช้า รีบเข้าไปประคองร่างบางเอาไว้ในทันที
“ท่านแม่” หนิงฉีเองก็รีบเข้าไปประคองพี่ชายเอาไว้ที่อีกฝั่งหนึ่ง
“โถ คุณชายของข้า อย่าเป็นอะไรไปนะขอรับ”
ชาวบ้านในเหตุการณ์พร้อมใจกันจ้องมองไปยังเมิ่งซื่อด้วยสายตาประณาม นางหญิงผู้นี้ไร้เหตุผลยิ่งนัก นางถึงขั้นบีบคั้นคนเขาจนอาการป่วยกำเริบ
หนิงฉีอาศัยช่วงที่ทุกคนถูกความน่าสงสารของมารดากำมะลอครอบงำ รีบหันไปกระซิบเสียงเบาว่า
“พี่เจ็ด ท่านแสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“เงียบไปเลยเจ้าน่ะ”
“พี่จื่อรั่ว การแสดงของท่านถึงแม้จะแข็งทื่อไปบ้าง แต่สำหรับมือใหม่หัดเสแสร้งเช่นท่าน ข้าให้ผ่าน”
เมื่อเห็นว่าเด็กชายยังเอาแต่เอ่ยวาจาเล่นสนุก สองนายบ่าวทั้งจึงหันไปถลึงตาใส่ ที่พวกเขาต้องมาทำอะไรเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าก่อเรื่องหรอกหรือ
ตัดมาทางด้านของเมิ่งซื่อ ที่ในยามนี้ถูกผู้คนรุมต่อว่าเสียจนแก้ตัวไม่ทัน นางยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ เลยตั้งใจจะหันไปเอาเรื่องกับตัวต้นเหตุต่อ แต่¬เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียวและท่าทางเหมือนจะล้มไปได้ทุกเมื่อของเกอ¬ผู้นั้น ก็เริ่มหน้าเสีย นอกจากคำเอ่ยไม่กี่คำ นางก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ เกอหน้าไม่อายผู้นี้อ่อนแอเกินไปหรือไม่
“ไม่ใช่ว่าในเหตุการณ์ยังมีคนอยู่อีกคนไม่ใช่หรือ หากถามดู อาจจะได้คำตอบที่ต้องการก็ได้” ชาวบ้านคนหนึ่งเสนอความคิด
“ใช่ ๆ ถามดูเลย”
ในเหตุการณ์นั้น หากไม่นับอู๋ฮวนที่เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ จนแทบจะไร้ตัวตนแล้ว ยังมีเด็กชายที่อายุมากที่สุดในบรรดาเด็กทั้งสามรวมอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง
“เมิ่งอัน เจ้าช่วยบอกทีว่า ตกลงแล้วหนิงฉีได้ผลักต้าหลางตกน้ำหรือไม่”
เด็กชายใบหน้าหวานที่มองเพียงครั้งเดียว ก็มองออกได้ทันทีว่าเป็นเกอ ก้าวออกมาจากด้านหลังของมารดา
“ข้าไม่รู้ว่าต้าหลางตกลงไปได้อย่างไร แต่ข้ามั่นใจว่าหนิงฉีไม่ได้เป็นคนผลักเขา”
“นังเด็กบ้า เจ้าเอ่ยอะไรของเจ้า” เมิ่งซื่อใช้สายตาดุร้ายจ้องมองเมิ่งอันอย่างข่มขู่ ต้าหลางเป็นญาติผู้น้องของเขาแท้ ๆ เหตุใดไม่รู้จักเข้าข้างคนในครอบครัวเสียบ้าง
“เจ้าเรียกลูกใครว่านังเด็กบ้า” ซูซื่อที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเมิ่งซื่อชี้หน้าน้องสาวสามีอย่างไม่พอใจ
“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ในเมื่อเมิ่งอันที่อยู่ด้วยบอกว่า หนิงฉีไม่ได้เป็นคนผลัก ก็เป็นไปได้ว่าต้าหลางจะพลัดตกลงไปเอง”
“ไม่จริง ต้องเป็น…”
“พอแล้ว นังคนไม่ได้เรื่อง พาบุตรชายกลับบ้านไปพร้อมข้าเดี๋ยวนี้” สามีของเมิ่งซื่อเพิ่งถูกคนไปตามมา กว่าจะมาถึง ก็ตอนที่คู่กรณีถูกฝีปากร้ายกาจของภรรยาทำร้ายจนอาการป่วยกำเริบ เขาได้แต่มองไปยังภรรยาตนเองด้วยสายตาตักเตือน ไม่ให้ก่อเรื่องใด ๆ เพิ่ม ก่อนจะสั่งให้นางขอโทษหนิงเยี่ยน แล้วจึงค่อยลากนางให้เดินกลับบ้านไปพร้อมกัน
“ขอบคุณทุกคนที่ช่วยอยู่เป็นพยานให้ฉีเอ๋อร์ของข้า” เกอร่างบางเอ่ยขอบคุณทุกคนอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วย ๆ กัน”
“ท่านแม่ข้าอาการไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้คงจะเหนื่อยมากแล้ว ข้าขอตัวพามารดากลับก่อน ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะขอรับ” หนิงฉีหันไปคารวะให้กับทุกคนที่มาช่วยเหลืออย่างมีมารยาท
“พวกเจ้ากลับเถิด”
เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งบุตรกำมะลอ หนึ่งบ่าวรับใช้คน¬สนิท จึงช่วยกันพยุงร่างบอบบางที่ดูอ่อนแอเดินจากไป
ชาวบ้านทั้งหมดในเหตุการณ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกสงสาร ในชะตาอันรันทดของสองแม่ลูกคู่นี้
“ไม่รู้ว่าบิดาของพวกเขาต้องใจอำมหิตเพียงใด ถึงได้ทอดทิ้งภรรยาที่งดงามและบุตรชายดี ๆ ของตัวเองได้ลงคอเช่นนี้” เมื่อมีหนึ่งคนเอ่ยขึ้น คนที่เหลือในกลุ่ม จึงพลอยพยักหน้าตามอย่างรู้สึกเห็นด้วย
